Group Blog All Blog
|
จูหยวนจางเริ่มชีวิตนักต่อสู้ทางการเมือง 630121 จูหยวนจางเริ่มชีวิตนักต่อสู้ทางการเมือง การเดินทางรอนแรมเที่ยวภิกขาจาร เพื่อยังชีพในภาวะที่บ้านเมืองเข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงอย่างเต็มรูปแบบนั้น ทำให้รับรู้ว่า ไม่ใช่เพียงแต่ตัวเขาที่ต้องร่อนเร่พเนจรเพื่อหาอาหารประทังชีวิต แต่ทุกผู้คนที่เป็นชาวฮั่นต่างได้รับกันถ้วนหน้าอย่างทั่วถึง มิมีเว้นเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อพบเห็นและเสวนากับกลุ่มกบฏที่มีความคิดเห็นต้องการช่วยเหลือชาวฮั่นที่ยากจน จึงขอเข้าร่วมขบวนการลัทธิบัวขาว ที่จะทำให้พอมองเห็นอนาคตทางการเมืองบ้าง จึงใช้ชีวิตเยี่ยงสาวกที่โพกผ้าแดง อยู่เมืองเหาโจวเป็นที่มั่นตั้งแต่นั้น ไฟอุดมการณ์แห่งการต่อสู้ทางการเมือง เริ่มจุดติดและปะทุลุกโพลงขึ้นมาในใจแล้ว ส่วนจะมอดไหม้ต่อไปหรือไม่ ยังสงสัยอยู่ ในใจที่ฮึกเหิม โดนอุดมการณ์ของลัทธิบัวขาวปั่นหูทุกเช้าค่ำ เกิดฮึกเหิมลำพองใจ จึงสาบานกับตนเองว่า “หากวันใดได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุด ภารกิจแรกที่จะดำเนินการคือปราบปรามเหล่าขุนนางคอรัปชั่น” การคอรัปชั่นนี่คงมีมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งกินยิ่งอยาก ยิ่งมียิ่งละโมภ ไม่มีวันอิ่ม ไม่มีวันพอ หารู้ไม่ มันยิ่งทำให้บ้านเมืองย่ำแย่เพราะความความละโมภโลภมาก คิดแต่เพียงว่า ใคร ๆ เขาก็ทำกัน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย มันคือช่องทางทำมาหากิน แล้วพวกที่มันลำบาก มันเป็นชาวฮั่นไม่ชาวมองโกล ความคิดที่อยากได้ใคร่ดี ร่ำรวยแต่พอตนของขุนนางที่เอาแต่กอบโกย คนอื่นหาอยู่ในสายตาไม่นี้ มันคือบ่อเกิดของเชื้อเพลิงที่เติมลงไปในกองแห่งความเกลียดชังของชาวฮั่นให้รุนแรงยิ่งขึ้น จูหยวนจางใช้เวลายาวนานกว่าสามปีที่รับรู้ถึงความยากลำบาก มันยิ่งสุมในอกจนอัดแน่นไปหมด และรู้ว่ามีวิธีเดียวที่จะแก้ไขปัญหานี้คือขับไล่ชาวมองโกลและล้มล้างราชวงศ์หยวน เรื่องใหญ่โตขนาดนี้กล้าคิดได้เยี่ยงไร เป็นเพียงหนูตัวเล็ก ๆ คิดจะต่อกรกับราชสีห์เจ้าป่า คงไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ ทุกความคิดกระพือโหมยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง กลุ่มกบฏผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด คำที่ฮิตติดปากทุกผู้คนคือ “หมิงหวางชูซื่อ ผู่ตู้จ้งเซิน” ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เกิดในโลกแล้ว ปลดปล่อยผู้คนจากทุกข์ยากลำบาก ด้วยไฟแค้นของชาวฮั่นที่โดนปลุกระดมทุกเมื่อเชื่อวัน ก่อให้เกิดแรงฮึดที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ ด้วยสติปัญญาอันน้อยนิด ด้วยฝีมือไม่เท่าไหร่ มีหรือจะสู้ได้ หลังจากนั้นเขากลับมาที่วัดหวางเจ๋ยสึ ได้เร่งขวนขวายศึกษาตำราอย่างขยันขันแข็ง คบหาสร้างมิตร เตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมก่อการ จะสู้ทั้งที ต้องสู้ให้ได้ชัยชนะ ไม่ใช่แค่แยบ ๆ แล้วตัวเองพ่ายแพ้ ชีวิตมีอุดมการณ์ทางการเมือง มากกว่าอยู่ไปวัน ๆ แค่หาอาหารมายาไส้อย่างเดิม พรรคบัวขาวนำโดยหานซันถงแต่งตั้งตัวเองเป็นหมิงหวาง และหลิวฝูทงร่วมกัน ก่อจลาจลที่อิ่นโจว เผิงอิ๋งยวี้ สวีโส่วหุย ฉีสุ่ย ผู้ก่อกบฎทั้งหมดต่างโพกผ้าแดงบนหัวเป็นสัญลักษณ์ จึงเรียกว่า กองทัพหงจินจวิน ต่อมากัวจื่อซิงและซุนเต๋อหยาก่อกบฏที่เหาโจว กลุ่มกบฎมีมากมายหลายกลุ่มก้อน ต่างมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ล้มล้างการปกครองเดิม ๆ ของชาวมองโกล จูหยวนจางได้รับจดหมายจากทังเหอเพื่อนวัยเด็กเขียนจดหมายชักชวนให้เข้าร่วมกับกัวจื่อซิง ชีวิตชาวฮั่นช่วงนี้อยู่ใต้คมหอกคมดาบ ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง อาจโดนข้อหาจากขุนนางหยวนเมื่อใดก็ได้ เมื่อเขาได้รับจดหมายนี้จากเพื่อน พี่ชายรองเตือนว่า อาจมีคนรู้เห็น และโดนโทษหนักได้ นี่เป็นจุดพลิกผันให้เข้าร่วมขบวนการใต้ดินอย่างจริงจังเมื่ออายุ 25 ปี เมื่อแรงฮึดสู้มันแรงกล้า มีหรือจะกลัว ในใจมีแต่ ไม่ถอย ไม่ทน ฮึกเหิมอยากสู้แม้ตัวจะตาย หรือหมดสิ้นในอำนาจวาสนา ขอเพียงแต่ได้สู้ และสู้เท่านั้น น่าแปลกที่เราเรียกว่าอุดมการณ์ทางการเมืองที่ปลูกฝั ปั่นหูทุกเช้าค่ำนี้ มันก่อให้เกิดพลังได้จริง ๆ และอย่างแรงกล้าด้วย มันทำได้ และทำได้เสมอมา เลือดรักชาติ เลือดรักความยุติธรรม คิดจะสร้างสิ่งดี ๆ ให้แก่บ้านเมืองและลูกหลานในสายตาของพวกเขา มันคือพลังอันบริสุทธิ์ และทำให้ชนชั้นปกครองกลายเป็นปีศาจมารร้ายที่ต้องโดนกำจัดให้หมดสิ้นซาก โดย: สมาชิกหมายเลข 4665919 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:11:56:56 น.
|
สมาชิกหมายเลข 4665919
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |