All Blog
#หยวนซื่อจู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 1803– 1837 #พรรณีเกษกมล
#กุบไลข่าน
#พรรณีเกษกมล
#หยวนซื่อจู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 1803– 1837
หยวนซื่อจู่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์หยวน บางแห่งอาจนับว่า หยวนซื่อจู่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์หยวน
หยวนซื่อจู่ฮ่องเต้หรือจูหวางตี้ฮ่องเต้หรือซีโจ๊วฮ่องเต้ เดิมเป็นชาวมองโกลชื่อ กุบไลข่าน เป็นพระนัดดาของเจงกีสข่าน พระบิดาชื่อโตลุย พระมารดาพระนางซอร์กาตานิ เบกิ ประสูติวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 1758 
กุบไลข่าน เป็นข่านองค์ที่ 6 ของมองโกลวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 1803 และเป็นฮ่องเต้ของราชวงศ์หยวนในคราวเดียวกันด้วย 
พ.ศ. 1822 หยวนซื่อจู่ฮ่องเต้หรือกุบไลข่านมีฮองเฮาถึง 4 คน มีพระโอรส 5 องค์ อภิเษกสมรสกับชาบิฮองเฮา และมีพระสนมชื่อเตกูลัน สวรรคตวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1837 รวมพระชนม์78 พรรษา
กุบไลข่านนับเป็นฮ่องเต้องค์แรกในราชวงศ์หยวนของประเทศจีน 
ชาวมองโกลจะใช้คำว่า ข่าน แทน ฮ่องเต้ มีความหมายแสดงถึง ความเป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน 
กุบไลข่านหรือคนจีนเรียกว่าหยวนซื่อจู่ฮ่องเต้ หรือจูหวางตี้ฮ่องเต้หรือซีโจ๊วฮ่องเต้ อาจจะเป็นฮ่องเต้องค์เดียวของราชวงศ์นี้ ที่ประชาชนยอมรับและเทิดทูน
เมื่อกุบไลข่านโค่นอำนาจราชวงศ์เหลียวและซ่งใต้ได้สำเร็จ ได้ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นใหญ่ และตั้งราชวงศ์หยวน ย้ายเมืองหลวงไปที่กรุงปักกิ่ง 
แต่เดิมกรุงปักกิ่งชื่อว่า เมืองต้าตู ชื่อเมืองปักกิ่งจะมีหลายคำขึ้นอยู่กับเสียงที่ออกมาจากแต่ละภาคส่วนที่แตกต่างกัน
เมื่อตั้งใจเป็นฮ่องเต้ที่ดีให้ประชาชน ได้ทำสมความตั้งใจจริง ทั้งที่ความจริงแล้วชาวมองโกลเป็นพวกที่เร่ร่อนและมีความโหดร้าย 
กุบไลข่านขยายดินแดนออกไปกว้างไกลมาก รวมทั้งตั้งใจจะบุกโจมตีญี่ปุ่นด้วย แต่บังเอิญเกิดมรสุมเรือรบอับปางจึงทำไม่สำเร็จ
ช่วงนี้ชาวมองโกลมีฝีมือในการศึก สามารถครอบครองดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งของอาณาจักรจิน อาณาจักรซีเซี่ยและอาณาจักรซ่งใต้ และยึดครองตอนเหนือของเกาหลี กลุ่มประเทศมุสลิมในเอเชียกลาง และยุโรปบางส่วน 
นอกจากกุบไลข่านจะเป็นนักรบที่เก่งกาจแล้วยังสนใจในเรื่องของการบ้านการเมือง มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ เช่น ทูตจากสำนักวาติกัน มีบันทึกการเดินทางของมาร์โคโปโลมาถึงกรุงปักกิ่ง 
การทำแผนที่ทางภูมิศาสตร์ ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์สิ่งประดิษฐ์การพิมพ์ การทำเครื่องปั้นดินเผา การเป่าแก้วการแพทย์ 
เรื่องศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมกุบไลข่านได้ส่งเสริมจนปรากฏผลงานชัดเจน เขาว่ากันว่า บทงิ้วที่ดีที่สุดมาจากสมัยราชวงศ์หยวนยุคของกุบไลข่านนี่เอง 
ด้านวัฒนธรรมเกิดการผสมผสานระหว่างชาวจีนกับชาวมองโกลรวมทั้งต่างชาติอื่น ๆ ที่ไปยึดดินแดนมาได้ 
การพัฒนาวรรณกรรม การประพันธ์ การเขียน การแสดง ได้ผ่านถ่ายจากราชสำนักไปสู่ระดับชาวบ้าน ศาสนาที่เข้ามาเผยแผ่มีทั้งคริสต์ อิสลามทำให้เกิดการฟื้นฟูลัทธิขงจื๊อ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวฮั่นขึ้นมาอีกครั้ง
            ถึงแม้กุบไลข่านจะปกครองประเทศจีน ด้วยระบบการปกครองของจีน
ทว่าชาวจีนหรือชาวฮั่นคิดว่า ไม่ได้รับความยุติธรรมหรือเสมอภาคในด้านสังคมและการเมือง เพราะตำแหน่งสำคัญทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่นเป็นของชาวมองโกล บางครั้งได้จ้างชาวต่างชาติ เช่น ชาวเอเชียกลาง ตะวันออกกลาง หรือชาวยุโรป แต่จะไม่ให้ชาวจีนทำ
การพัฒนาบ้านเมืองในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านคมนาคมขนส่งเพิ่มการคมนาคมทางน้ำ สร้างถนนเพิ่มขึ้นทำให้กรุงปักกิ่งกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของประเทศ ด้านสาธารณูปโภคได้สร้างสร้างยุ้งฉางทั่วราชอาณาจักรเพื่อป้องกันการขาดแคลนอาหาร สร้างพระราชวังใหม่ให้ใหญ่โตประกอบด้วยสระน้ำ สวนหย่อม เนินเขาภายในวัง



Create Date : 18 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 7:33:37 น.
Counter : 207 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
#หยวนติ้งจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1789 – 1791 #พรรณีเกษกมล
#พรรณีเกษกมล
#หยวนติ้งจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1789 – 1791
หยวนติ้งจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์หยวน และเป็นข่าน
องค์ที่ 3 ของมองโกล
หยวนติ้งจงฮ่องเต้พระนามเดิมกูยุกข่าน ประสูติในตระกูลนัยมาน เป็นพระโอรสของโอเกไดข่าน พระมารดาชื่อโทเรยีน คาทูน เป็นฮองเฮาลำดับที่ 2 เมื่อฮองเฮาลำดับที่ 1 ไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้ 
เจงกีสข่านจึงได้มอบโทเรยีน คาทูนให้แก่โอเกไดข่านและสามารถให้กำเนิดพระโอรสถึง 5 องค์
โทเรยีน คาทูนได้แผ่ขยายอิทธิพลของนางเหนือบรรดานางสนมทั้งหลายรวมไปถึงขุนนางข้าราชสำนัก นอกจากนี้ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายที่สำคัญหลายอย่างเช่นระบบการจัดเก็บภาษีชาวนาในจีน
หลังจากที่โอเกไดข่านสวรรคต ฮองเฮาโทเรยีน คาทูน หรือทูรากินาได้เป็นคาทูนที่ยิ่งใหญ่ ปกครองมองโกล ช่วง พ.ศ. 1785 – 1789 จนมีการเลือกตั้งให้พระโอรสองค์โตกูยุกข่านได้ครองบัลลังก์ต่อมา
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้หญิงสามารถก้าวขึ้นสู่ที่สูง เพื่อปกป้องอำนาจสูงสุดให้กับลูกชายของเธอ 
ช่วงการครองราชย์ฮ่องเต้ราชวงศ์หยวนจากรัชกาลที่ 3 มาถึงรัชกาลที่ 4 ขาดช่วงหายไป 4 ปี นั่นแสดงว่า โทเรยีน คาทูนคงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่เป็นแค่เมียและแม่ของลูกเท่านั้น แต่นางต้องมีพละกำลังและอำนาจมากพอที่จะควบคุมอำนาจในการปกครองต่อจากพระสวามีของนางได้
ทันทีที่โอเกไดข่านสวรรคต ช่วงแรกอำนาจได้เปลี่ยนถ่ายไปที่โมคี ภรรยาคนหนึ่งของเจงกีสข่านที่โอเกไดข่านได้ยกย่องและให้บรรดาศักดิ์ 
ต่อมาโทเรยีน คาทูนสามารถรวบอำนาจกลับคืนมาได้ด้วยการสนับสนุนของชากาไตและลูกชายของนาง ให้แอ๊บเดอรรามันในตำแหน่งสูงสุดในการปกครองจีนตอนเหนือและฟาติมามีอำนาจในศาลมองโกล  
การทำเช่นนี้ทำให้เกิดระบบการจัดเก็บภาษีอากรจากพวกเจ้าขุนมูลนายของมองโกลได้
ถึงแม้โทเรยีน คาทูนจะเป็นเพียงผู้หญิง แต่นางสามารถใช้อำนาจปกครองประเทศจีนได้ในช่วง 4 – 5 ปี ของการเปลี่ยนผ่านรัชกาลจากพระสวามีไปยังพระโอรส 
ในประวัติศาสตร์จีนมีหลายครั้งที่ผู้หญิงสามารถก้าวสู่อำนาจสูงสุดได้เช่นกัน 
นางสามารถควบคุมอำนาจหลายฝ่ายในอาณาจักรให้สมดุลกันและอยู่ภายใต้การบงการของนางเรียกว่า มีความสามารถในการประสานประโยชน์ ให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ในอัตราส่วนที่ทุกคนพึงพอใจ
โทเรยีน คาทูนต้องการให้กูยุกข่านได้ครองอำนาจ ในขณะที่โอเกไดข่านปรารถนาจะให้ชายมันบุตรชายของโกชูพระโอรสที่เกิดจากพระสนมคนอื่นมีอำนาจแทน 
บางคนต้องการให้คอชพระโอรสอีกองค์ของนางได้ครองอำนาจ 
การขัดแย้งระหว่างกันไม่อาจตกลงกันได้จนสิ้นโอเกไดข่าน และโทเรยีน คาทูนสามารถรวบอำนาจได้ทั้งหมด จึงส่งต่ออำนาจมาที่กูยุกข่านพระโอรสองค์โตของนาง
ถึงแม้ว่ากูยุกข่านจะได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว แต่การแย่งชิงอำนาจคงจะยังเกิดขึ้นโดยที่กูยุกข่านได้ยืมมือของฟาติมา ให้จัดการกับโคเดนพระอนุชา 
เมื่อทำสำเร็จฟาติมาได้เสียชีวิตตามไป ตามมาด้วยพระมารดาโทเรยีน คาทูน เรื่องราวช่วงนี้เป็นการกล่าวหาซึ่งกันและกัน แต่คงจะเกิดจากการแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก ถึงแม้ว่าโอเกไดข่านพยายามที่จะให้พระโอรสทั้งหมดรักใคร่กันแล้วก็ตามแต่คงไม่สำเร็จ 
พระโอรสแต่ละองค์คงมีผู้ชักใยและคอยให้ท้ายอยู่เบื้องหลัง อำนาจแต่ละฝ่ายจะเกิดขึ้นเมื่อพระโอรสในฝ่ายของตนเท่านั้นที่ได้ขึ้นสู่อำนาจ
ช่วงที่โอเกไดข่านสวรรคต มีแต่ผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์ และคิดว่าสิทธิ์นั้นควรจะตกเป็นของตนกันทั้งนั้น 
แม้แต่บาตูรีบกลับจากยุโรปเพื่อหวังในบัลลังก์เช่นกัน
นอกจากนี้เตมูเจพระโอรสองค์สุดท้องของเจงกีสข่านได้คิดหวังในบัลลังก์เช่นกัน เกิดการแย่งชิงระหว่างผู้มีสิทธิ์หลายคนหลายฝ่าย แต่กูยุกข่านรีบกลับจากเมืองอีมิลเพื่อมารับมอบราชสมบัติได้ทันท่วงที
ราชวงศ์หยวนเป็นราชวงศ์ที่ไม่มีกฎมณเฑียรบาล ทำให้พระราชวงศ์ทั้งหลายต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนมีสิทธิ์ในบัลลังก์เช่นกัน 
เรื่องนี้อาจทำให้ใครบางคนที่เคยคิดว่า พระญาติวงศ์ทั้งหลายควรมีสิทธิ์เช่นกัน คงพอจะเรียนรู้ว่า การที่มีจำนวนผู้ที่คิดว่าตนมีสิทธิ์มากเท่าใดย่อมทำให้เกิดความวุ่นวายในราชสำนักได้มากเท่านั้น หรือบางคนที่เคยคิดว่าการจำกัดสิทธิ์เฉพาะพระโอรสองค์โตนั้นเป็นสิ่งไม่ดี คงต้องคิดหนักพอควรจากบทเรียนอันแสนวุ่นวายในราชสำนักหยวน
  กูยุกข่านได้รับการฝึกในกองทัพและเคยออกรบร่วมกับพระอัยกาและพระบิดาในการรบสู้กับรัสเซียและยุโรปตอนกลาง
กูยุกข่านได้เสกสมรสกับโอกูลไคมิชแห่งตระกูลเมอร์คิด 
กูยุกข่านสวรรคตโดยไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน 
บางคนกล่าวหาเช่นเคยว่า คงจะได้รับสารพิษ ถึงแม้บางคนจะมองโลกในแง่ดีว่าเกิดจากสุขภาพที่ไม่ดี ฮองเฮาโอกูล ไคมิชได้ว่าราชการแทน แต่ไม่สามารถครอบครองอำนาจได้ยาวนานตามที่นางต้องการ
ราชวงศ์หยวนเป็นนักรบทะเลทรายและยังคงเป็นนักดื่มเช่นกัน 
การสวรรคตของฮ่องเต้ส่วนใหญ่จึงเกิดจากสุขภาพที่ได้รับแอลกอฮอลล์มากเกินไป
โอกูล ไคมิชเป็นฮองเฮาเอกของกูยุกข่านได้ครองมองโกลหลังจากสิ้นพระสวามีในปี พ.ศ. 1791 อยู่ในตระกูลเมอร์คิดแต่บางแห่งบอกว่าอยู่ในตระกูลออยรัท 
เมื่อเจงกีสข่านปราบกบฏที่มีตระกูลของนางเป็นตัวตั้งตัวตีได้สำเร็จจึงยกนางให้กับกูยุกข่าน และนางให้กำเนิดพระโอรส 2 องค์ คือ โคจากับนากู เมื่อสิ้นบุญพระสวามีนางได้ผู้ช่วยพระสวามีที่เป็นหัวหน้าใหญ่มากอบกู้อำนาจให้ 



Create Date : 17 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 7:34:48 น.
Counter : 138 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
#หยวนไท่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 1772 – 1784 #พรรณีเกษกมล
#พรรณีเกษกมล
#หยวนไท่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 1772 – 1784

หยวนไท่จงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หยวน 
หยวนไท่จงฮ่องเต้ พระนามเดิม โอเกไดข่าน เป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ของเจงกีสข่าน ได้เป็นข่านองค์ที่หนึ่ง ปกครองดินแดนที่เป็นประเทศจีนในปัจจุบัน
ส่วนโตลุยได้ปกครองดินแดนส่วนที่เป็นมองโกลแต่แรกเริ่ม 
ต่างคนต่างได้เป็นข่าน แต่กุบไลข่านได้ยกย่องว่าทุกพระองค์ล้วนเป็นต้นตระกูลของราชวงศ์หยวน
ตอนนั้นในวัยเด็กโอเกไดจะมีลักษณะเด่นเหนือกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ด้วยความสามารถทางการพูด การอภิปรายและให้เหตุผลโต้แย้ง รวมทั้งบุคลิก
ลักษณะที่ดีโดดเด่น รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดี ฉลาดปราดเปรื่อง ด้วยเหตุนี้ทำให้พระบิดาชื่นชมโอเกไดมากที่สุด ในบรรดาพระโอรสทั้งสี่
พระองค์ได้ขยายดินแดนให้กว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้นกว่าแต่เดิม ครอบคลุมยุโรปทั้งหมด ดินแดนทางตะวันตกจรดทิศใต้ ระหว่างยุโรปจนถึงเอเชีย จีน อิหร่าน เอเซียตอนกลาง 
ขณะที่เจงกีสข่านสวรรคตนั้น อาณาเขตที่ครอบครองเพียงแค่จากทะเลแคสเปียนถึงทะเลญี่ปุ่น ไม่ใช่อาณาจักรมองโกลทั้งหมดตามที่หลายคนเข้าใจ 
การขยายดินแดนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัชกาลต่อ ๆ มา และครอบครองได้มากที่สุดในยุคของโอเกไดข่าน 
กองทัพมองโกลบุกโจมตีไปถึงเปอร์เซีย ลุยกับซีเซี่ยและราชวงศ์ซ่งของจีน สิ้นสุดเอา พ.ศ. 1812 จึงผนวกจีนเข้ารวมกับมองโกลและตั้งราชวงศ์หยวนปกครองจีนในยุคสมัยของกุบไลข่าน และเลยเถิดไปถึงรัสเซียและยุโรปตะวันออกด้วย
ขณะที่โอเกไดข่านมีอายุ 17 ปี ได้ติดตามพระบิดาออกรบ ได้รับบาดเจ็บและหายไปในสนามรบ แต่ได้รับการช่วยเหลือจากลูกพี่ลูกน้อง 
พ.ศ.1747 เจงกีสข่านได้ให้ผู้หญิงชื่อ ทอร์จีนิเมียภรรยาของหัวหน้าเผ่าที่พ่ายแพ้มาคอยรับใช้ แต่ไม่ได้แต่งงานตามธรรมเนียม
ด้วยฝีมือทางการรบ โอเกไดข่านได้เคยนำทัพออกรบเพื่อต่อสู้กับทหารของราชวงศ์จิน และสามารถได้ชัยชนะเหนือดินแดนทางตอนใต้ เอาชนะพวกซีเซี่ย เลยมาทางเหนือได้เมืองชางซี พ.ศ. 1756 
ที่จริงโอเกไดข่านไม่ได้เก่งกาจแต่การปกครอง การเจรจา ภาษาเท่านั้นแต่ยังคงมีความสามารถทางการทหารเช่นกัน แต่โตลุยคงมีความสามารถทางการทหารสูงกว่าและมีกำลังกองทัพอยู่ในมือมากกว่า
โอเกไดข่านเป็นคนที่เจงกีสข่านมองเห็นว่า มีลักษณะที่ดีที่สามารถปกครองมองโกลได้ เมื่อได้แบ่งดินแดนในการปกครอง โอเกไดข่านสามารถขยายดินแดนได้มากขึ้น 
ลูกชายของเขาได้ช่วยออกรบ จนได้ดินแดนเฉิงตู เสี้ยนหยาง แม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพวกราชวงศ์ซ่ง 
ลูกชายอีกคนบุกไปจนถึงทิเบต
เมื่อต้องการเดินทางจากตะวันออกไปยังตะวันตก จึงได้ปรับปรุงเส้นทางสายไหม 
พวกซ่งเมื่อต้องทำสงครามกับมองโกล สามารถฆ่าโอเกไดข่านได้
คงพอจะรู้กันว่าโอเกไดข่านมีฝีมือทางการรบ แต่ฝีมือในการปกครองมีมากกว่า โอเกไดข่านได้จัดระบบการบริหารราชการ ให้ดินแดนแต่ละส่วนมีผู้ปกครองที่เป็นอิสระ โดยให้พวกเดียวกันปกครองกันเองภายใต้อำนาจของเขา 
จัดระบบการเก็บภาษีโดยแปลงมาจากระบบของจีนในการใช้จ่ายและจ่ายเงินเดือนขุนนาง ใช้ธนบัตรในการแลกเปลี่ยนเงินตราโดยมีเงินทุนสำรอง 
จัดแบ่งแคว้นของจีนใหม่เป็น 10 แคว้น ด้านการค้าทำให้ประเทศมั่งคั่งร่ำรวย จัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
ถึงแม้จะมีการแย่งชิงอำนาจระหว่างโตลุยข่านกับโอเกไดข่าน 
เมื่อสิ้นโตลุยข่าน ทำให้โอเกไดข่านเสียใจไม่น้อย 
พระองค์พยายามทำให้พระโอรสของพระองค์รักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่เกลียดชังหรือทะเลาะวิวาทกัน เหมือนเช่นพี่น้องของพระองค์ รวมทั้งได้ดูแลพระโอรสของชากาไตเป็นอย่างดี
ครั้งหนึ่งโตลุยข่านได้เคยช่วยชีวิตของโอเกไดข่าน โดยยอมดื่มยาพิษในการทำพิธีชามานิสท์ 
การที่โตลุยข่านยอมทำสิ่งที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เพื่อช่วยชีวิตพระเชษฐาโอเกไดข่านที่กำลังป่วยหนัก อาจจะเกิดจากความรักและผูกพันทางสายเลือด 
ถึงแม้การอบรมเลี้ยงดูที่คิดว่า จะสร้างความเข้มแข็งเพื่อให้เก่งที่สุดด้วยการสอนให้ชิงดีชิงเด่นระหว่างพี่น้อง 
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงคราวคับขัน เลือดย่อมเข้มข้นกว่าน้ำ
ความเป็นพี่น้องที่พร้อมจะช่วยเหลือกันจึงเกิดขึ้นได้ เพราะเหตุนี้เองโอเกไดข่านจึงเลี้ยงพระโอรสและพระนัดดาให้รักใคร่กลมเกลียวกัน

ช่วงบั้นปลายชีวิตโอเกไดข่านกลายเป็นนักดื่ม หรือกลายเป็นคนขี้เหล้าเมายา 
ทำไมตระกูลนี้จึงตายกันด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือโดนวางยา 
การเป็นนักรบจำเป็นต้องย้อมใจให้เมาก่อนเช่นนั้นหรือ ดื่มจนติดไม่อาจเลิกราได้ เมื่อพระองค์สวรรคตวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 1784 ตอนใกล้รุ่งหลังจากดื่มหนักมาทั้งคืนกับแอ๊บเดอรรามัน 
ชาวบ้านต่างนินทาว่าร้ายพระสนมม่ายของโตลุยข่านกับแอ๊บเดอรรามันที่ส่งเสริมให้โอเกไดข่านกลายเป็นนักดื่ม 
ถ้าเจ้าตัวไม่ยอมดื่มมีหรือใครจะทำให้ดื่มได้ 
การสวรรคตครั้งนี้จึงเกิดจากการทำร้ายและไม่อาจควบคุมตนเองได้มากกว่าที่จะไปโทษคนอื่น หรือว่าคนในตระกูลนี้ชอบการดื่มเพราะโตลุยเองสวรรคตเพราะผลจากการดื่มมากเช่นกัน
โอเกไดข่านได้ชื่อว่าเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เป็นเผด็จการ เขายอมฟังเสียงและคำสั่งของนายทหารในสมัยพระบิดา โดยไม่ใช้ความสามารถที่ตนมีอยู่ให้เกิดประโยชน์เต็มที่ พระองค์สานฝันพระบิดาที่คิดจะสร้างอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นนักรบทะเลทราย 
ทหารทั้งหลายเคยชินกับการรับคำสั่งจากนายทหารมากกว่าจากข่าน
การตัดสินใจในเรื่องสำคัญจะมาจากมติของคณะกรรมการมากกว่าฟังเสียงจากข่านเพียงคนเดียว 
ถ้าโอเกไดข่านเป็นเผด็จการ และใช้ความสามารถพิเศษเฉพาะตนพัฒนาประเทศอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในอีกทิศทางหนึ่งก็เป็นได้


การเติบโตตามความฝันของผู้ใหญ่ที่อบรมเลี้ยงดูตนมา 
โดยไม่ได้สืบค้นความสามารถพิเศษเฉพาะตน 
อาจทำให้เกิดการสูญหายในศักยภาพบางด้าน
และไม่ได้มีโอกาสใช้มันให้เกิดประโยชน์
อย่างเต็มที่ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

สิ่งหนึ่งที่อาจเป็นบาปติดตัวโอเกไดข่าน คือ การลงโทษออยรัท โดยสั่งให้กองทัพมองโกลยกทัพไปทำร้ายชาวบ้านป่า ที่ปฏิเสธจะส่งเครื่องบรรณาการมาถวาย 
พวกทหารได้ใช้ความรุนแรงในการทำสงครามและข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง 4,000 คน ในปี พ.ศ. 1780 นับเป็นเรื่องน่าอัปยศที่สุดในชีวิตของโอเกไดข่าน
ตอนแรกคงคิดว่าเป็นการเสียหน้าที่ชนกลุ่มน้อยที่ไร้ฝีมือมาทำเหิมเกริมจึงเชือดไก่ให้ลิงดู 
ผลที่ตามมากลายเป็นบาดแผลในใจและเป็นรอยร้าวในประวัติศาสตร์ เป็นจุดด่างพร้อยที่ไม่อาจลบเลือนหรือแก้ไขได้ อาจจะไม่คิดว่าทหารจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้ 
ความผิดพลาดจากการออกคำสั่งให้จัดการกับชาวบ้านป่าที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์แต่โดยดี ทำให้โอเกไดข่านเสียใจที่สุด



Create Date : 17 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 7:36:33 น.
Counter : 186 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
#หยวนรุ่ยจงฮ่องเต้พ.ศ. 1771 – 1772 #พรรณีเกษกมล
#พรรณีเกษกมล

#หยวนรุ่ยจงฮ่องเต้พ.ศ. 1771 – 1772

หยวนรุ่ยจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์หยวน
หยวนรุ่ยจงฮ่องเต้พระนามเดิม โตลุยข่าน เป็นพระโอรสองค์สุดท้องของเจงกีสข่าน ได้รับมรดกปกครองดินแดนเดิมของมองโกล และได้รับคัดเลือกจากราชสำนักให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากเจงกีสข่านในดินแดนของมองโกล 
ทั้งที่ธรรมเนียมของชาวมองโกลไม่นิยมที่จะมอบความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ให้กับลูกคนสุดท้อง 
เมื่อเกิดความวุ่นวาย โจชิพระโอรสองค์โตเสียชีวิต 
ชากาไตนั้นเป็นคนอารมณ์ไม่มั่นคง 
โอเกไดจึงน่าจะเหมาะสมที่สุดที่จะปกครองดินแดนที่ตีเพิ่มได้ ซึ่งต่อมากลายเป็นประเทศจีน

ช่วงที่เจงกีสข่านขยายดินแดน โตลุยยังเป็นเด็กที่ไม่ได้ไปออกรบร่วมกับพระบิดา ตอน 5 ขวบ โตลุยโดนพวกตาตาร์จับไปและได้รับการช่วยเหลือจากพี่สาวอัลตานิ 
พ.ศ. 1746 โตลุยแต่งงานกับซอร์กาตานิ หลานสาวของอองข่าน 
บุตรชายคนโตเกิดในปี พ.ศ. 1753 มีโอกาสเข้าร่วมสงครามต่อต้านราชวงศ์จิน พ.ศ. 1756 

เมื่อเจงกีสข่านมีพระชนม์สูงวัยมากขึ้น 
การมอบราชสมบัติเกิดเป็นปัญหาว่าพระโอรสองค์ใดเหมาะสมที่สุด 
โจชิพระโอรสองค์โตมีอาวุโสสูงสุด แต่ทว่ามีบางเสียงคัดค้านและไม่ยอมรับ บางคนเสนอว่าควรจะเป็นโอเกได อาจจะประจวบเหมาะก่อนที่เจงกีสข่านจะสวรรคตนั้น ปัญหาการเลือกผู้สืบทอดอำนาจระหว่างโจชิพระโอรสองค์โตกับโอเกไดหมดลงเพราะโจชิเสียชีวิตลงก่อน 
สาเหตุนั้นยังคงเคลือบแคลงว่า อาจจะเกิดจากยาพิษ 
ส่วนใครสั่งการ บางกระแสกล่าวหาว่าอาจเป็นคำสั่งลับจากเจงกีสข่าน
ที่จริงเรื่องราวในราชสำนักอาจจะสลับซับซ้อนมากกว่านี้อีก 
บางคนบอกว่าการทะเลาะเบาะแว้ง ระหว่างเจงกีสข่านกับโจชิรุนแรงมาก และโจชิยังทะเลาะกับพระอนุชา ทำให้ไม่มีพรรคพวกคอยช่วยเหลือ ซ้ำร้ายมีข่าวเข้าหูว่า โจชิพยายามวางแผนที่จะฆ่าเจงกีสข่าน เพื่อหวังขึ้นครองบัลลังก์เสียเอง ทำให้เกิดการรวมหัวกันเพื่อกำจัดโจชิให้หลุดพ้นจากวงจรอำนาจ 
โจชิเมื่อไม่มีพรรคพวกในราชสำนักจึงไปหาพรรคพวกข้างนอกโดยร่วมมือกับสุลต่านมูฮัมหมัด 
เมื่อแผนการทั้งหมดเปิดเผย โจชิจึงต้องสังเวยกับข้อกล่าวหาว่า คิดจะล้มล้างพระบิดาในปี พ.ศ. 1769 
สุลต่านมูฮัมหมัดเสียชีวิตก่อนในปี พ.ศ. 1766
เขาถึงว่า ถ้ายังไม่แน่ใจว่า งานใหญ่จะสำเร็จลุล่วง อย่าเพิ่งเปิดเผยแผนการให้คนอื่นล่วงรู้ มิเช่นนั้นตัวเรานั่นแหละคงสิ้นสูญก่อนแผนการจะเริ่มต้น
พี่น้องทั้งสี่ ได้แก่ โจชิ ชากาไต โอเกได และโตลุย คงไม่มีใครรวมตัวกับใครได้ ก็ไม่รู้ว่า เกิดจากการอบรมเลี้ยงดู ที่ไม่ได้เน้นให้พี่น้องรักใคร่กัน ยอมเสียสละแบ่งปันกัน หรือเป็นเพราะอำนาจที่ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น หรือสังคมต้องการคนเก่งมากกว่าคนดีในสังคมนักรบทะเลทรายที่ต้องมีชีวิตอยู่ภายใต้สภาพที่แห้งแล้งและแร้นแค้น คนเก่งเท่านั้นจึงจะเอาตัวรอดได้ 
การเป็นคนเก่งจึงเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่เจงกีสข่านเองได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์อันเลวร้ายระหว่างพระโอรส จึงคิดแบ่งดินแดนไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการแก่งแย่งกันภายหลัง ให้ทุกคนได้เป็นข่านปกครองดินแดนของตนเอง ไม่ต้องขึ้นตรงต่อกัน 
ช่วงที่เจงกีสข่านตัดสินใจว่า ใครควรจะครองราชย์สมบัติต่อจากพระองค์
ในระหว่างพระโอรสทั้งสี่นั้น โตลุยได้แสดงฝีมือทางการทหารเป็นอย่างดีเยี่ยม แต่ทว่าเจงกีสข่านยังคงเลือกโอเกไดผู้มีความสามารถทางการปกครองแทน ยิ่งทำให้โตลุยคับแค้นใจมากขึ้นและได้พยายามเอาชนะศึกซีเซี่ยในปี พ.ศ. 1770 

เมื่อสิ้นเจงกีสข่าน โตลุยมีโอกาสครองราชย์ 2 ปี โดยได้รับเลือกจากราชสำนักในฐานะนายทหารผู้เก่งกล้า และชาวมองโกลมักจะยกทรัพย์สมบัติให้กับลูกชายคนเล็ก เพื่อจะได้คอยดูแลทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่ให้เป็นผู้มีอำนาจแทน 
ขณะนั้นโตลุยมีกองทัพในครอบครองและมีอำนาจทางการทหารสูงสุดในมองโกลตอนกลาง
ระหว่างโอเกไดผู้ที่เจงกีสข่านตั้งความหวังว่าควรจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจกับโตลุยผู้มีความสามารถทางการทหาร 
โตลุยกลับเป็นผู้ที่ราชสำนักเลือกและมีโอกาสขึ้นครองบัลลังก์มองโกลต่อมา แสดงว่า อำนาจของเจงกีสข่านใช่ว่าจะยิ่งใหญ่กว่าเสียงในราชสำนัก
โตลุยได้ช่วยเหลือโอเกไดที่กำลังป่วยหนักโดยยอมเข้าร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ และรับยาพิษเข้าไป เพื่อช่วยชีวิต นับเป็นความกล้าหาญและเป็นการแสดงความรักอันยิ่งใหญ่ที่น้องชายจะมีต่อพี่ชายได้ 
ในขณะที่โอเกไดได้ครอบครองดินแดนของจีนบางส่วนจากการแบ่งดินแดนของเจงกีสข่านผู้เป็นพระบิดา 
โอเกไดกลับมีสุขภาพที่ดีขึ้นในขณะที่โตลุยสุขภาพย่ำแย่ลงและสวรรคตเพราะแอลกอฮอลล์เป็นต้นเหตุ

พระสนมของโตลุยที่เป็นคริสเตียนชื่อ ซอร์กังตานี เบกิ ให้กำเนิดพระโอรส 4 องค์ ที่ได้ครองอำนาจต่อมา 
หนึ่งในนั้น คือ กุบไลข่าน ผู้ซึ่งต่อมาก่อตั้งราชวงศ์หยวน 
กุบไลข่านกับพระอนุชาที่ชื่ออาริคโบค ได้แย่งชิงบัลลังก์จนเกิดเป็นสงครามกลางเมือง เป็นผลทำให้แบ่งดินแดนเป็นสองส่วนแบ่งแยกกันครอบครอง



Create Date : 16 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 7:36:05 น.
Counter : 155 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
#หยวนไท่จู่ฮ่องเต้พ.ศ. 1749 – 1770 หรือ #เจงกีสข่าน #พรรณีเกษกมล
#เจงกีสข่าน
#พรรณีเกษกมล
หยวนไท่จู่ฮ่องเต้พ.ศ. 1749 – 1770
หยวนไท่จู่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์หยวน และเป็นข่านองค์ที่ 1 แห่งมองโกล
บางแห่งไม่นับว่า หยวนไท่จู่ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกแห่งราชวงศ์หยวนเพราะไม่ได้ก่อตั้งราชวงศ์หยวน แต่เป็นผู้ที่รวบรวมแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลแทน 
หลายแห่งนับว่าเป็นฮ่องเต้ เพราะเป็นต้นตระกูลของกุบไลข่านผู้ก่อตั้งราชวงศ์หยวน 
หยวนไท่จู่ฮ่องเต้ พระนามเดิม เตมูจินหรือพระนามเจงกีสข่าน ปกครองชาวมองโกลในคราวเดียวกัน
คำว่าเจงกีส หมายถึง มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ 
ข่านเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ปกครองชาวมองโกล
เจงกีสข่าน หมายถึง การเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ดุจมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งนี้เป็นเพราะสามารถรวบรวมแผ่นดินอันกว้างใหญ่และก่อตั้งเป็นราชวงศ์หยวนของมองโกลได้สำเร็จ 
คนไทยคุ้นเคยกับเจงกีสข่าน เพราะมีภาพยนตร์จีนเข้ามาเผยแพร่ในไทยที่แสดงถึง อัจฉริยภาพด้านการรบ 
ความสามารถนี้เริ่มตั้งแต่อายุ 13 ปี รบพุ่งกับชนเผ่าในอาณาบริเวณใกล้เคียง สามารถเอาชนะและยึดดินแดนมาเป็นของตน ต่อจากนั้นได้แผ่ขยายอิทธิพลต่อไปเรื่อย ๆ จดได้แผ่นดินสุดลูกหูลูกตาทีเดียว

จากเตมูจินหนุ่มนักรบทะเลทราย
ก้าวสู่การเป็นข่านที่ยิ่งใหญ่ของมองโกล
นามเจงกีสข่าน 

พ.ศ. 1754 ความสามารถในการรบและเอาชนะชนเผ่าต่าง ๆ 
ขยายดินแดนตั้งแต่ทะเลดำจรดมหาสมุทรแปซิฟิก ครอบครองดินแดนจีนทางตอนเหนือที่เรียกว่าจักรวรรดิคาราจีไต จักรวรรดิดิคาเรสม์ ยึดเมืองหลวงต้าตูของจีนได้
ต่อมาก้าวสู่การเป็นฮ่องเต้ คุมอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของจีน
ความยิ่งใหญ่ของเจงกีสข่าน เกิดจากการไว้เนื้อเชื่อใจในคนสนิท เช่น 
มูกาลี เจเบซูบูไต ให้เป็นทั้งที่ปรึกษาและผู้คอยรักษาความปลอดภัย รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นกัน พวกเขามีสิทธิ์ร่วมในการตัดสินใจทุกเรื่องราวทั้งการสงครามและการปกครอง 
การรบได้นำเอาแนวคิดของคนจีนมาผสมผสานให้เกิดการติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนกลางกับกองทัพให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
เพราะเหตุเช่นนี้ ทำให้ราชสำนักมองโกลคล้ายกับสภาในระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน ที่จะมีการออกเสียงเพื่อเลือกตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดในการปกครอง 
ข่านแห่งมองโกลจะได้จากการโหวตของกรรมการเช่นกัน 
เพียงแต่คนที่จะเข้ามามีสิทธิ์ออกเสียงได้ กำหนดเฉพาะพระญาติสนิทเท่านั้น 
นี่เป็นรูปแบบใหม่ในการเลือกผู้สืบต่อบัลลังก์

เมื่อเจงกีสข่านมีอำนาจ ได้ส่งคนไปเจริญสัมพันธไมตรีกับเปอร์เซีย 
ทว่าโดนตัดรอนด้วยสุลต่านตัดศีรษะฑูต 
การกระทำเช่นนี้นอกจากไม่ให้เกียรติยังเป็นการหยามน้ำหน้ากันชัด ๆ 
คนอย่างเจงกีสข่านมีหรือจะยอม จึงส่งทหาร 10,000 นายบุกโจมตีเปอร์เซียอย่างบ้าระห่ำ ปล้นชิงทรัพย์ชาวบ้าน ทำลายล้างบ้านเมือง เพื่อเป็นการแก้แค้นและแสดงให้เห็นว่าความเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน มิใช่มีเฉพาะพวกเขาเท่านั้น 
การตัดศีรษะทูตเป็นการกระทำ เพื่อแสดงว่า ไม่ยอมรับไมตรีที่อีกฝ่ายเสนอมา และบอกกล่าวให้รู้ว่า นอกจากไม่อยากเป็นมิตรแล้วยังไม่เห็นอยู่ในสายตาอีกด้วย

สิ่งดี ๆ ที่เป็นผลต่อเนื่องตามมา คือ การสร้างเส้นทางสายไหมที่เชื่อมสัมพันธไมตรีทางการค้าระหว่างประเทศที่อยู่ห่างไกล 
จากตะวันออกสู่ตะวันตก รวมวัฒนธรรมต่างเชื้อชาติต่างภาษาเข้าด้วยกัน 
เจงกีสข่านได้กำหนดกฎเกณฑ์ในการใช้ชีวิตร่วมกัน ให้ทหารทุกนายได้เข้าใจและปฏิบัติตาม 
ในตุรกีเจงกีสข่านจึงเปรียบเสมือนแม่ทัพใหญ่ที่เด็กชายหลาย ๆ คนชื่นชม นับเป็นวีรบุรุษของพวกเขา 
เส้นทางสายไหมนับว่าเป็นเส้นทางที่เจริญที่สุดยาวไกลที่สุด และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนต่างเชื้อชาติต่างภาษาได้ดีที่สุด

เมื่อเจงกีสข่านได้ครอบครองอาณาเขตที่กว้างใหญ่ ได้คิดแบ่งให้พระโอรสทั้งสี่ ได้แก่ โจชิ ชากาไต โอเกได และโตลุย 
โจชิเสียชีวิตก่อน พระนัดดาบาตูกับออดาจึงได้รับส่วนแบ่งแทนในดินแดนคานาเทสรัสเซีย ฮังการี และโปแลนด์ 
ชากาไตพระโอรสองค์ที่ 2 ได้เอเซียภาคกลางและอิหร่านภาคเหนือ 
โอเกไดพระโอรสองค์ที่ 3ให้เป็นข่านผู้ยิ่งใหญ่ปกครองมองโกล เอเซียตะวันออก รวมจีนด้วย ซึ่งต่อมาคืออาณาจักรหยวนในสมัยของกุบไลข่าน
ส่วนบ้านเกิดของมองโกลในปัจจุบัน คือ มองโกเลีย รวมทั้งคาราโครัมยกให้แก่โตลุยพระโอรสองค์สุดท้อง
 
เจงกีสข่านสวรรคตวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 1770 
หนึ่งปีก่อนที่จะสิ้นใจได้แบ่งอาณาเขตอันกว้างใหญ่เป็นหลายส่วนให้แก่พระโอรส 4 องค์และพระนัดดา 
พระองค์คิดหาสถานที่ฝังพระศพ 
มีข้อแม้ว่าพระศพจะแอบซ่อน ให้ฝังในที่ที่ไม่มีใครรู้เห็นในบ้านเกิดที่มองโกเลีย ส่วนสาเหตุในการสวรรคตไม่แน่ชัด มีการคาดเดาในทางไม่ดี เช่น 
ตกม้าตายในขณะออกรบกับชนเผ่าแทนกุ๊ด ขณะผ่านดินแดนของอียิปต์เกิดบาดแผลที่รุนแรงและเสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว 
บางแห่งคาดเดาว่าเป็นโรคปอดบวม หรืออาจจะโดนพวกชนเผ่าแทนกุ๊ดแอบสังหารในระหว่างสงคราม
ที่น่าแปลก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลกลใดที่ทำให้ฮ่องเต้ส่วนใหญ่จะทำสุสานไว้ฝังพระศพในที่ที่แอบซ่อนไม่ให้ใครรู้เห็น
อาจจะเกรงไปว่าคนอื่นจะมาเอาทรัพย์สมบัติที่ฝังไปพร้อมกัน ทำให้เมื่อเกิดมาชาติใหม่จะไม่มีทรัพย์สมบัติไว้ใช้สอย หรือคิดว่าเมื่อมีอำนาจย่อมมีคนเกลียดชังเป็นธรรมดา ถ้าหมดอำนาจวาสนาคนอื่นที่มามีอำนาจแทนจะมาขุดศพแล้วทำลายทิ้ง 
คนจีนถือมากในเรื่องการทำมิดีต่อศพของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว 
เรื่องนี้ผิดกับคนจีนชนชั้นคนธรรมดาที่จะฝังศพไว้ในที่ที่เปิดเผยเพื่อให้ลูกหลานได้มากราบไหว้บูชาในวันสำคัญของคนจีน

ภาพความทรงจำที่ชาวมองโกลมีต่อเจงกีสข่าน คือ นักรบทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่ และสร้างประเทศมองโกเลียที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในประวัติศาสตร์โลก 
ชื่อถนน สิ่งก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ สถานที่สำคัญหลายแห่งในมองโกลจึงขนานนามตามผู้ยิ่งใหญ่ของเขา แม้แต่ชื่อสนามบินนานาชาติยังใช้ชื่อของเจงกีสข่าน เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา 

สิ่งที่ทำย่อมไม่สูญสลายหายไป
แม้เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว 
แต่คงเรียกคืนไม่ได้
เมื่อกลับมาเกิดในชาติใหม่ 

เจงกีสข่านได้รับสมญานามว่า เป็นผู้นำกองทัพที่เกรียงไกรและเป็นนักการปกครองที่อัจฉริยะ แต่กระนั้นก็ตามยังไม่สามารถครอบครองดินแดนทั้งหมดของจีนได้ มาสำเร็จเอารุ่นหลาน คือ กุบไลข่านและเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์หยวนปกครองประเทศจีน



Create Date : 16 มีนาคม 2568
Last Update : 25 มีนาคม 2568 7:35:35 น.
Counter : 131 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments