++ พระราชวังแวร์ซายส์.... รอยยิ้มปนคราบน้ำตา ++
อ่านเรื่อง : จากสตราสบวร์ก...สู่ปารีส เช้าวันที่ 18 ตุลาคม 2555 เราออกจากโรงแรม Paris Marriot Rive Gauche Hotel ตามเวลาปกติคือ ตื่น 06.00 น. ทานอาหารที่ชั้น 2 ของโรงแรมเวลา 0700 น. และล้อหมุนเวลา 08.00 น. ซึ่งวันนี้เรามีโปรแกรมไปชม "พระราชวังแวร์ซายส์" ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส 20 กม. เป็นแห่งแรกครับ อากาศในกรุงปารีสเช้านี้มีฝนลง ทำให้ช่วงแรกๆที่ไปถึงพระราชวัง ได้ภาพแบบทึมๆ แถมผมใช้เลนส์ไวด์ถ่ายด้วย ยิ่งทำให้ภาพไม่ค่อยแจ่มนัก. ออกจากที่พักในเช้าที่มีฟ้ามืด เราออกไปแวร์ซายส์โดยใช้มอเตอร์เวย์ หรือถนนวงแหวนรอบๆกรุงปารีส ซึ่งผู้รู้บอกเราว่าถนนวงแหวนนี้ไม่ยาวมากนัก แต่รถมากมายมหาศาล เพราะถนนนี้สามารถเชื่อมต่อไปจุดเริ่มต้นของการเดินทางทั่วไปในปารีสและฝรั่งเศส ในปารีสมีห้องน้ำตามที่สาธารณะแบบนี้ ปารีสแม้จะมีการส่งเสริมให้ประชาชนใช้จักรยานในการเดินทางช่วงสั้นๆ (แบบที่ กทม.กำลังจะทำอยู่) โดยมีจุดจอดหรือส่งคืนทั่วไป แต่สภาพการจราจรยังถือว่าติดขัดพอควร นี่ขนาดมีทั้งรถไฟใต้ดิน บนดินนะ... สิ่งจำเป็นสิ่งหนึ่งสำหรับเมืองใหญ่ทั่วไปคือห้องน้ำสาธารณ ซึ่งที่ปารีสเขาก็มีเช่นในภาพ ผ่านแม่น้ำแซน ทางที่ไปแวร์ซายส์ มีผ่านแม่น้ำแซนด้วย ซึ่งเราจะนำเอาภาพบรรยากาศในคืนวันล่องแม่น้ำแซนมาให้ชมกันในบล๊อกหลังๆครับ....แม่น้ำแซนนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำสายหลักของปารีสเลยนะครับ ป้ายแวร์ซายส์ขึ้นมาแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึงย่านแวร์ซายส์หรือตำบลแวร์ซาย ซึงถือว่าเป็นย่านหนึ่งที่มั่งคั่งของปารีสนับแต่มีพระราชวังนี้มาสร้างขึ้น ต่อมาได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของปารีส ซึ่งนักท่องเที่ยวเมื่อมาปารีสแล้ว จะต้องแวะมาที่นี่ ตามข้อมูลการเดินทางมาที่นี่สามารถใช้ทางรถไฟใต้ดินมาได้ด้วยครับ เข้าสู่ย่านแวร์ซายส์ หรือตำบลแวร์ซายส์ เมื่อเข้าสู่ย่านท่องเที่ยวพระราชวังแวร์ซายส์ สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องเจอคือการตื้อขายของของพวกคนผิวสี ในจำนวนนั้นมีคนสามารถพูดภาษาไทยเสนอขายสินค้าพวกของที่ระลึก เช่น พวงกุญแจหอไอเฟิลให้เรา ตรงนี้แนะนำให้ดูให้ดีและควรช่วยกันดู...แต่เวลาคนพวกนี้ถูกใจเราเขาจะแถมของให้อีกก็มี วันนั้นก็ได้มาหลายอัน ด้านหน้าพระราชวังในวันครึ้มฝน ตอนที่เราไปถึงหน้าพระราชวังฝนฟ้ายังครึ้มอยู่ บรรยากาศจากภาพเลยดูทึมๆ แต่พอขาออกฟ้าเปิดจึงได้ภาพแจ่มใสขึ้น....เรารอเวลาและนัดเจอไกด์ท้องถิ่นที่นี่ คือคุณ "วีระชัย" ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศลาว แต่คุณพี่วีระชัยเชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์และสถานที่ของที่นี่ดีมาก แถมพูดภาษาไทยได้คล่องแคล่วเหมือนคนไทยทั่วไปด้วย ที่เด่นไปกว่านั้นคือวิธีการนำเสนอที่ชวนให้คณะเราคอยติดตามอยู่ตลอดเวลาครับ แถมหน้าตาคล้ายพี่หงาของเรามากด้วยสิ น้องแนนไกด์ของเรา เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็เดินเข้าสู่พระราชวังทางปีกขวา ก่อนที่จะเข้าชมเราจัดแจงเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อยก่อน เพราะหลังจากนี้ต่อไปจนถึงทางออกสู่สวน จะไม่มีที่ให้เข้าห้องน้ำอีกเลย. การเดินชมเราจะเดินวนจากทางปีกขวา ผ่านห้องกระจก และผ่านส่วนที่ประทับของพระราชินีและสนมทางปีกซ้ายซึ่งแยกออกไปต่างหาก ก่อนออกไปสู่ทางเดินเข้าชมสวนครับ โดยที่ตรงทางออกนั้นจะมีห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวอีกที่หนึ่ง ซ้าย : 3 ไกด์ น้องแนน น้องบุ๋ม และคุณวีระชัย ขวา : ถ่ายภาพกับไกด์คนเก่ง คุณวีระชัย ไกด์เราได้บรรยายเรื่องราวต่างๆของแต่ละห้อง เช่นห้องเทพอพอลโล, ห้องเทพวีนัส, ห้องเทพไดอาน่า และห้องกระจก (The Hall of Mirrors) ภาพแต่ละภาพ พร้อมแนะนำนักท่องเที่ยวได้เก็บความทรงจำและภาพสวยๆเหล่านนั้นกลับไป แต่ว่าอย่าถ่ายภาพด้วยการใช้แฟลช จึงเป็นการยากพอควรเพราะแสงในห้องค่อนข้างน้อย อุปกรณ์ตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ในนี้เป็นของจริงทั้งหมด ทั้งนี้ทางพระราชวังแวร์ได้รับการนำมาคืนจากบุคคลต่างๆที่ซื้อของใช้ในพระราชวังแห่งนี้ไปเมื่อครั้งการปฏิวัติในฝรั่งเศส จนพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 โดนสำเร็จโทษด้วยกิโยตินคราวนั้น และทางคณะปฏิวัติได้นำเอาเครื่องใช้สอยในวังออกขายจนเกือบหมด ภาพวาดบานใหญ่ในห้อง พระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace) พระราชวังแวร์ซายส์ (ภาษาฝรั่งเศส: Château de Versailles) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่เมืองแวร์ซายส์ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันด้วย ผู้ที่ก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ ที่งดงามแห่งนี้ คือ พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ของประเทศฝรั่งเศส พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1661(พ.ศ. 2204) ภายหลังจากที่พระราชวังแห่งใหม่สร้างเสร็จ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ย้ายเข้ามาพำนักในพระราชวังแห่งนี้ และโปรดให้บรรดาข้าราชบริพารย้ายเข้ามาอยู่ใกล้ ๆกับพระราชวัง ภาพวาดบนเพดาน ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ เดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น ภาพวาดบนเพดาน เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ภายในพระราชวังมีภาพวาด ภาพแกะสลักซึ่งแสดงให้เห็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสหลายสมัยสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับอเมริกาในปี ค.ศ 1783 ประตูที่ประดับลวดลายศิลปแบบบาโรก(Baroque) แวร์ซายส์ นับเป็นส่วนหนึ่งของแรงผลักดันที่ก่อให้เกิด การปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1789 ต่อมาในปี ค.ศ. 1815 พระเจ้าหลุยส์-ฟิลิปป์ได้เปลี่ยนสภาพพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และใช้เป็นสถานที่ลงนามในสัญญาสงบศึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1919 นอกจากเครื่องประดับที่เก่าแก่ และสูงค่าแล้ว การจัดสวนก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่างดงามยิ่งนัก เพราะมีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสีสวยงามมาก โดยเฉพาะตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนที่เป็นป่าสำหรับล่าสัตว์ปัจจุบันใช้เป็นที่ๆให้ผู้เข้าชมไปเดินเล่น พักผ่อน และมีม้าหินให้นั่งเล่นเป็นระยะๆ ซ้าย : พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขวา : พระราชินี การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎร ชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแก่ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมความสวยงาม หากนับเวลาตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จ พระราชวังแห่งนี้ก็มีอายุยืนนานถึง 300 ปีเศษ ที่ยังคงความงามอยู่ได้โดยไม่เสื่อมคลาย พระราชวังแวร์ซายส์ได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2522 ที่ประเทศอียิปต์ ที่มา : www.abroad-tour.com ภาพแกะสลักที่แสดงแสนยานุภาพพระเจ้าหลุยส์ที่ขี่ม้าเหยียบไปบนศัตรู ภาพวาดบนเพดานห้องกระจกที่ยาว 70 เมตร ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็น ห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนาม ในเมื่อเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายอันสวยงาม ในห้องนี้เองที่ทูตานุทูตเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศส รวมทั้งเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชของไทยเราด้วย ( อ่านเรื่องพระยาโกษาธิบดี ) ห้องกระจก ที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เคยเข้าเฝ้า การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์นี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงเน้นศิลปและสถาปัตยกรรมแบบบาบาโรก ( Baroque ) และ ศิลปโรโคโค ( Rococo ) หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า "ศิลปแบบหลุยส์ที่ 14" (Louis XIV Style) ซึ่งเน้นลายเส้นสีทอง มีรูปปั้น และภาพวาดบนเพดาน เป็นต้น...ศิลปแบบโรโคโค หรือหลุยส์ที่ 14 ที่รู้จักกันแพร่หลาย คือผ้าหลุยส์ (ภาพตัวอย่างที่แท่นบรรทมพระราชินี) สถาปัตยกรรมบาโรก ( Baroque architecture ) เป็นคำที่บรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เริ่มราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ที่ประเทศอิตาลี เป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งถึงความหรูหราโอ่อ่าและความมีอำนาจของสถาบันคริสต์ศาสนาและการปกครอง และจะเน้นเรื่องแสง สี เงา และคุณค่าของประติมากรรม ซ้าย : โต๊ะที่ใช้เซ็นสัญญาแวร์ซายส์ในห้องกระจก ขวา : เตาผิง ?? ลักษณะสำคัญๆของสถาปัตยกรรมบาโรกก็ได้แก่ ทางสู่แท่นบูชาที่เคยยาวก็กว้างขึ้นและบางครั้งก็จะเป็นวงกลมเช่นที่วัดวีส์ การใช้แสงสีอย่างนาฏกรรมถ้าไม่เป็นแสงและเงาที่ตัดกันหรือที่เรียกว่าค่าต่างแสง ก็จะเป็นการใช้แสงเสมอกันจากหน้าต่างหลายหน้าต่าง เช่นที่แอบบีไวน์การ์เตน (Weingarten Abbey) การตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเครื่องตกแต่ง เช่นยุวเทพที่ทำด้วยไม้ที่มักจะทาเป็นสีทอง ปูนปลาสเตอร์ ปูนปั้น หินอ่อน การทาสีตกแต่ง (faux finishing) การใช้จิตรกรรมฝาผนังบนเพดานกลางใหญ่ซึ่งอาจจะสร้างเป็นโดม ด้านหน้าภายนอกมักจะยื่นออกไปจากตรงกลางอย่างเด่นชัด ภายในจะเป็นโครงสำหรับภาพเขียนและประติมากรรมโดยเฉพาะบาโรกสมัยหลัง การผสมผสานระหว่างจิตรกรรม ประติมากรรม และ สถาปัตยกรรมที่กลืนกันทำให้ลวงตาจนไม่อาจจะแยกเป็นศิลปะแขนงใด การใช้โดมอย่างแพร่หลายในบาวาเรีย สาธารณรัฐเช็ก ยูเครน และ โปแลนด์ การนิยมสร้างคอลัมน์พระแม่มารีและตรีเอกานุภาพ (Marian and Holy Trinity columns) ตามจตุรัสกลางเมืองในประเทศคาธอลิคเพื่อการฉลองความรอดภัยมาจากกาฬโรคระบาดในยุโรป โดยเฉพาะในสาธารณรัฐเช็ก ประเทศสโลวาเกีย และ ประเทศออสเตรีย ที่มา : วิกิพีเดีย ห้องพระแท่นบรรทมพระเจ้าหลุยส์ ประตูทางเข้าห้องฝ่ายพระราชินี ลวดลายอันวิจิตรเหนือพระแท่นบรรทมพระราชินี
บน : ภาพพระนางมารี อ็องตัวเนต ซ้าย : พระแท่นบรรมของพระราชินี มีประตูลับด้านซ้าย
ความสำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งของการเข้าชมที่นี่ คือ การที่ได้รับรู้เรื่องราวของพระนาง มารี อ็องตัวเนต พระราชินีของฝรั่งเศส ในพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่ว่ากันว่าเป็นพระราชินีแห่งความเกลียดชังของชาวฝรั่งเศส เนื่องจากความฟุ้งเฟ้อและการมีอิทธิพลทางการเมืองของฝรั่งเศสในสมัยนั้น...จขบ.จะวางลิงค์ไว้ให้เข้าไปดูประวัติอย่างละเอียดด้านล่างครับ พระนางมารี อ็องตัวแน็ต (ฝรั่งเศส: Marie Antoinette; ประสูติ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2298 ณ กรุงเวียนนา สิ้นพระชนม์ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2336 กรุงปารีส) เจ้าหญิงแห่งฮังการีและโบฮีเมีย อาร์ชดัชเชสแห่งออสเตรีย อดีตพระราชินีแห่งฝรั่งเศส และนาวาร์ (แคว้นบาสก์ในปัจจุบัน) (พ.ศ. 2317 – พ.ศ. 2336) รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า มารี-อ็องตัวแน็ตแห่งออสเตรีย พระนางถูกประหารด้วยกิโยตินระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ( อ่านประวัติ มารี อ็องตัวเนต ) โ ต๊ะเสวย ว่ากันว่าในห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แสดงแสนยานุภาพของพระองค์ โดยเชิญเจ้าในรัฐต่างๆที่เป็นของฝรั่งเศสมาชมการเสวยของพระองค์ (แขกจะนังอยู่ด้านหน้าของโต๊ะนี้) โดยที่พระองค์ได้เสวยโชว์แขกเมืองเหล่านั้นมากถึง 13 คอร์ส ภาพนโปเลียน โบนาปาร์ต ทรงสวมมงกุฏให้พระองค์เอง (จากคุณพิศมัย คห.ที่31..ขอบคุณครับ) ภาพบนเป็นภาพตอนราชาภิเษกของพระเจ้าหลุยส์ ที่เชิญทางด้านศาสนจักร (ตอนนั้นน่าจะเป็นโป๊ป) มาเพื่อแต่งตั้งกษัติรย์ โดยการสวมมงกุฏให้ แต่พระเจ้าหลุยแสดงความยิ่งใหญ่โดยการไม่สนใจฝ่ายศาสนจักร แต่ทรงสวมมงกุฏด้วยพระองค์เอง ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ทางศาสนจักรมาก.. ในบริเวณพระราชวัง วิวบริเวณพระราชวัง อุทยานแวร์ซายส์ เป็นสวนยิ่งใหญ่งดงามที่สุด ที่รายล้อมพระราชวังแวร์ซายส์ สถาปนิกแต่งสวนระดับโลกชื่อ เลอโนทด์ ร่วมกับช่างใหญ่ผู้ออกแบบสร้างวังทั้งสองท่าน คือ เลอบรัง และมอนสาร์ท เริ่มตกแต่งอย่างสมบูรณ์แบบในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 อุทยานแวร์ซายส์ เป็นอุทยานต้นตำรับแแบบฝรั่งเศสที่ทั่วโลกยอมรับ มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลถึง 14,820 เอเคอร์ ประกอบด้วยสระน้ำเล็กๆขึ้นไป จนถึงทะเลสาบจำลองขนาดใหญ่ พระเจ้าหลุยส์รับสั่งให้สร้างรูปปั้น รูปหล่อทองแดงของธรรมขชาติทุกสิ่งไว้ ตั้งแต่รูปสัตว์จนถึงรูปปั้นเทพเจ้าทั้งหลายตามตำนานกรีกโบราณ เพื่อประกาศความเกรียงไกรของวัฒนธรรมฝรั่งเศส เทคนิดการชลประทานแบบใหม่ในครั้งนั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก โดยขุดคลองต่อจากแม่น้ำเชนน์มาที่แวร์ซายส์ เพื่อใช้เครื่องปั้มน้ำพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุทั้วอุทยาน บรรดาพฤษชาติได้นำมาปลูกทดลองในอุทยาน โดยแยกพันธุ์ให้เข้ากับฤดูการที่ผันแปรไป มีผู้กล่าวกันว่า บรรยากาศโดยรอบพระราชวังแวร์ซายส์นั้น ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ดูเหมือนจะถูกกำหนดให้เข้ากับอุทยานอย่างน่าอัศจรรย์ ถ่ายจากด้านสวนเข้ามาที่พระราชวัง กลับออกมาด้านหน้า เก็บรายละเอียดมาฝาก - พื้นที่ทั้งหมด (Floor area) 67,000 ตร.เมตร - จำนวนหน้าต่าง 2,153 บาน - จำนวนห้อง 2,300 ห้อง - บันได 67 แห่ง - Paintings in the museum’s collection 6,123 - Drawings in museum’s collection 1,500 - Engravings in museum’s collection 15,034 - Sculptures in museum’s collection 2,102 ชิ้น - เฟอร์นิเจอร์ 5,210 ชิ้น วิวด้านหน้าพระราชวัง มุมกว้างถ่ายกลับเข้าไปทางพระราชวังแวร์ซายส์ อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตอนนั่งรถกลับออกมา เรามองกลับไปที่วังอีกครั้งพลันก้ได้ยินเสียงคุณพี่วีระชัยบรรยายถึงพระวังแห่งนี้ว่า "พระเจ้าหลุยที่ 14 สร้าง พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เสวยสุข แต่พระเจ้าหลุยที่ 16 รับกรรม" กำแพงพระราชวังระหว่างนั่งรถกลับ ความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้กว่าจะได้มาก็ต้องใช้เงินภาษีอากรของประชาชนชาวฝรั่งเศสสมัยนั้นกว่า 500 ล้านฟรังก์ ซึ่งในช่วงต่อมาในรัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ประชาชนอดอยาก หิวโหย แต่ชนชั้นปกครองกับมีเงินใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อ.. มีครั้งหนึ่งที่คนใกล้ชิดพระนางมารี อ็องตัวเนต มารายงานพระองค์ว่า "ประชาชน ไม่มีขนมปังจะรับประทาน" ด้วยความที่พระนางไม่เคยสัมผัสกับความยากจนมาก่อน เลยตอบไปว่า "ก็ให้เขากินเค็กสิ" เพราะเหตุปัจจัยเหล่านั้นชาวนาในฝรั่งเศสจึงลุกฮือขึ้นปฏิวัติ จนทำให้เจ้านายชั้นสูงในฝรั่งเศสถูกจับไปขึ้นศาล และประหารชีวิตเป็นจำนวนไม่น้อย...พระราชวังวังแวร์ซาย แม้จะยิ่งใหญ่จนมีคนตั้งฉายาให้ว่าเป้น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ก็ตาม แต่กว่าจะได้สิ่งนั้นมา ก็ต้องเบียดบังทรัพยากรณ์จากที่ต่างๆทั่วโลก ที่ฝรั่งเศสเข้าไปยึดครอง ตลอดจนทรัพย์สินของประชากรชาวฝรั่งเศสเอง จขบ.เลยตั้งชื่อบล๊อกนี้ว่า "พระราชวังแวร์ซายส์.... รอยยิ้มปนคราบน้ำตา" เราเดินทางเข้าปารีสเพื่อไปทานมื้อกลางวัน ก่อนที่จะไปช้อปปิ้งต่อที่แกลลอรี่ ลาฟาแยตตต์ ย่านถนนออสแมนบูโลวาร์ด ซึ่งเป็นร้านดิวตี้ฟรี...พบกันตอนต่อไปครับ บริเวณตำบลแวร์ซายส์ระหว่างทาง ลาด้วยภาพมุมกว้างหน้าพระราชวังภาพนี้ครับ Travel blog The Way We Were - Richard Clayderman _______________
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 16 พฤษภาคม 2564 19:08:05 น.
35 comments
Counter : 24418 Pageviews.
โดย: mambymam วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:35:05 น.
โดย: Nongpurch วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:03:28 น.
โดย: Nongpurch วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:04:35 น.
โดย: deco_mom วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:13:23:46 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:17:33 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:29:51 น.
โดย: PAEstudio วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:21:02 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:28:15 น.
โดย: ฝากเธอ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:15:41 น.
โดย: Nongpurch วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:30:21 น.
โดย: พรไม้หอม วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:8:44:24 น.
โดย: ฝากเธอ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:54:07 น.
โดย: tui/Laksi วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:22:02 น.
โดย: ฝากเธอ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:34:24 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:48:04 น.
โดย: panwat วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:13:29 น.
โดย: andrex09 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:16:52:29 น.
โดย: Nepster วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:59:46 น.
โดย: พิศมัย IP: 58.8.245.164 วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:14:04:34 น.
โดย: d IP: 183.88.249.186 วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:8:09:57 น.
โดย: เ IP: 183.88.249.186 วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:9:06:59 น.
โดย: Max IP: 1.2.139.144 วันที่: 15 ตุลาคม 2557 เวลา:23:31:55 น.
โดย: จิรภา IP: 103.77.118.136 วันที่: 11 มกราคม 2561 เวลา:18:23:18 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [? ]
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......อยากจะบอกว่า @ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว @ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ. @ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก... ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28
ชอบบ้านเมืองเค้าจัง ชอบแม่น้ำแซนด้วย สวยค่ะ
วันนี้ภาพสวยมาก กดไล้ค์นะคะ