เขียนถึงแม่ .. วันคล้ายวันเกิดท่านเมื่อปีที่แล้ว โอม ลูกเรือไทย ณ พักร้อน..Mom I love you :) :::::::
We choose to be ! Don't we ! "ใครบอกว่าชีวิตเลือกไม่ได้ ที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะเราเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำ และเลือกที่จะอยู่ ชีวิตจะเป็นเช่นไร อยู่ที่เราเลือกจะให้เป็น รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา เราเลือกที่จะรัก รักที่จะทำอย่างไร" วันนี้ขอเลือกคิด และ ทำแต่สิ่งที่ดี แม้จะมีอุปสรรค ขวากหนามมากมาย แต่
อย่าได้แคร์ หากเราแน่วแน่และมั่นคง โอม สมรัชนะ เรือออกจากเวนิซคืนนี้ มุ่งหน้าสู่โครเอเซีย Tomorrow we are in >> Nov 22 @Korcula , Croatia Nov 23 @ Kotor ,Montenegro Nov 24 @ Corfu , Greece Nov 25 at Sea Nov 26 @ Valletta , Malta Nov 27 @ Messina ,Italy Nov 28 @ Sorrento , Italy Nov 29 @ Sea Nov 30 @ Nice , France Dec 1 @ Portofino ,Italy Dec 2 @ Civitavecchia for Rome , Italy
Happy Birthday to My Mom today again . I called her today , She is so happy and she'd like to thank you all of you who blessed her too . แม่ฝากขอบใจ ทุกคนที่อวยพรวันคล้ายวันเกิดให้ ..ขอพรนั้นย้อนถึงทุกคนหมื่นเท่าพันทวี .. โอม ขอขอบคุณทุกท่านด้วยครับ รักจากใจ จากชายธรรมดาคนหนึี่งที่ "เต็มที่" กับชีวิต และ "เดินทาง" ไปด้วยกันครับ สดจากเวนิซ .. คืนนี้ใครจะไปเที่ยวกับโอม ยกมือขึ้นนนนนนน (ค้างคืนที่เวนิซ)..
"เวียนบรรจบ ครบรอบ 76 ปี เดือน วัน หรรษา พาแม่สุข ให้ปลดทุกข์ หมดโศก โรคพลันหาย ขอมีสุข สมหวัง ดังตั้งใจ สุดแสนรักแม่ รักแท้ แด่.. แม่วัน" สุขสันต์วันเกิดครับแม่ โอม สมรัชนะ มูลสาย @ Koper , Slovenia Nov. 19 ,2012
คือหัตถาครองภิภพ .. "วันเกิดของแม่ผู้ให้กำเนิดโอม สมรัชนะ" สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดครับแม่่ จากลูกชายคนเล็กที่ต่างแดน เรื่องเล่าน่ารัก ๆถึงผู้หญิงที่สองมือนี้ที่สร้างโลก..
วันที่20 พ.ย. เป็นวันคล้ายวันเกิดของแม่ของโอม ตอนนี้เรือสำราญกำลังลอยล่องท่องอยู่ต่างประเทศ จอด ณ เมือง Koper , Slovenia เวลาท้องถิ่นตอนนี้จะเที่ยงคืน เรืจอจะเข้าจอดค้างคืนที่ Venice ,Itlay ในวันที่ 20 พ.ย. ศกนี้
แม้จะไม่ได้ลัดฟ้ามาอวยพรวันเกิดของแม่ ด้วยตัวเองในปีนี้และหลายๆปีที่ผ่านมา แต่ทั้งจิตความรู้สึก สามัญสำนึกอยู่กับแม่เสมอ
เรื่องเล่าน่ารัก ๆ จากแม่ของโอม
แม่บอกว่า "เกิด แก่ เจ็บ ตาย" นั้นเป็นเรื่องธรรมดา
"เกิด" แม่เกิดมาในครอบครัวหนึี่งที่จังหวัดน่าน แม่เล่าให้ฟังว่า แม่และครอบครัว รวมทั้งชาวบ้านได้ย้ายถิ่นฐาน มาปักหลักปักฐานอยู่ ณ จังหวัดเหนือสุดในสยาม นามว่า "เชียงราย" ซึี่งเดินทางมากันเป็นขบวน ทั้งช้าง ม้า และผู้คนมากมาย เพราะหนีความแห้งแล้ง เรื่องมันนานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยเมื่อเกือบ หกสิบปีที่ผ่านมา สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แม่ยังวิ่งเข้าหลุมหลบภัยเป็นว่าเล่นตั้งแต่ยังวัยขวบเผาะ ตาและยายจึงปักหลักปักฐานอยู่ที่ีเชียงรายที่นี่ แม่เป็นพี่สาวคนโตของครอบครัว ซึี่งมีน้าหลายๆคนคลานตามกันมา น้องคนสุดท้องของแม่ได้มีโอกาสสอบเป็นครูและได้บรรจุที่หมู่บ้่านแห่งนี้ หน้าที่ของพี่คนโต จึงช่วยเลี้ยงน้องๆ หลายๆคน ทั้งทำนา ทำไร่ พอกินพออยู่ตามประสาชีวิตของชาวชนบทคนหนึี่ง ตอนเป็นสาวแม่เคยมาทำงานเป็นคนเลี้ยงเด็กและเป็นแม่บ้านให้กับหมอที่ รพ. ศิริราช แม่เล่าให้ฟังว่า เวลายามเย็นแม่คิดถึงบ้านมาก บางครั้งหากมีโอกาส พอทราบข่าวว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ แม่จะข้ามฝั่งเจ้าพระยา ครั้งละสลึง เพื่อไปร่วมรอรับเสด็จ ทุกวันนี้หากผมคิดถึงแม่เวลาอยู่กรุงเทพฯ และพอมีโอกาสผมจะไปเดินเล่นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และระลึกถึงแม่เสมอว่าแม่เคยมาอยู่ที่นี่
"แก่" ตั้งแต่จำความได้ แม่ก็คือ หญิงที่สวยงามมาก ความคิดของผมที่มีต่อแม่ ผมว่าแม่ไม่เคยแก่แม้แม่จะทำงานหนักเป็นหญิงชาวนาคนหนึ่งที่อยู่ชนบทห่างไกลความเจริญ ผมจำภาพที่พ่อกับแม่ กลับมาจากทำนา ขี่มอเตอร์ไซด์ฮอนด้าคันเก่า ที่เรามี แม่ซ้อนท้ายพ่อ กลับมาด้วยกลิ่นโคลน สาบควาย กลิ่นเหงื่อของพ่อและแม่ หอมยิ่งกว่าน้ำหอมชั้นดีบางยี่ห้อ ผมจะวิ่งไปหาพ่อและแม่เสมอ วันเวลามันผ่านไปไวเหลือเกิน วันนี้วัยชราของแม่ 76 ปี ที่ทำให้ผมรู้ว่า แม่เป็นผู้หญิงชราแล้วนะ และผมเองก็อายุเกือบจะสี่สิบปีแล้ว แต่แม่ก็ยังคิดว่าผมคือเด็กเล็กๆของแม่เสมอ ที่แม่คอยเป็นห่วงหา อาทร อยากได้ยินเสียงของผมยามห่างไกล ตอนเป็นเด็กแม่ชอบเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง แม่เล่าให้ฟังว่า "โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
แม่มีแต่จะแก่เฒ่า หากลูกจะไปทำงาน หรือจะทำอะไรก็ขอให้เดินหน้าต่อไป เพื่ออนาคตเพื่อสิ่งที่ดีในชีวิต แม่อายุมากแล้วมีแต่จะให้กำลังใจลูก" ด้วยวัยของแม่ ที่เมื่อก่อนตอนพ่อจากแม่ไป แม่อยู่คนเดียวเป็นเวลานานหลายปี จนพอแม่เริ่มดูแลตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นผมทำงานอยู่เรือสำราญ ผมจึงมอบเงินจากรายได้ที่หามาเพื่อแบ่งปันให้พี่สาวคนเล็กของผม ได้ลาออกจากงานแคชเชียร์ ที่โรงแรมแห่งหนึี่งในกรุงเทพฯ โดยมอบเงินให้พี่สาวเดือนละ 12000 บาท หลังจากนั้นพี่เขยก็ย้ายจากกรุงเทพฯ มาประจำการที่ สถานีตำรวจแห่งหนึี่งของจังหวัดเชียงราย เพราะพวกเราต่างเห็นพ้องต้องกันว่า พี่สาวน่าจะมาอยู่ดูแลแม่ แม่บอกว่าลูกเขยของแม่ไม่ต้องเป็นคนรวย ขอให้เป็นคนดี คิดดีก็พอ ที่สำคัญแม่อยากให้ผมเป็นตำรวจ แต่ผมความสามารถไม่ถึง จึงได้ลูกเขยตำรวจสมใจแม่
"เจ็บ" แม่ล้มเจ็บมาหลายครา ครั้งหนึี่งลื่นล้มจนกระดูกแข้งหักเป็นสองท่อน เพราะแม่ตั้งใจจะเก็บน้ำฝนรองไว้ในตุ่ม แต่พื้นลื่นจึงล้มกระดูกหักสองชิ้น ชาวบ้านบางคนยังบอกว่า คงจะเป็นคนพิการเดินไม่ได้แน่ แต่พลังและความศรัทธาและไม่ยอมท้อของแม่ เวลาผ่านไปเกือบปี แม่เริ่มพยุงตัวเดินได้ แม้จะมีเหล็กประกบกันที่แข้งตลอดก็ตาม แน่นอนว่าแม่อาจจะเดินไม่กระฉับกระเฉงเหมือนก่อน แต่แม่ก็เดินได้ แม่เป็นผู้หญิงที่คุณหมอบอกว่า อุดมไปด้วยโรคเสี่ยงสี่อย่าง (ซี่งปรกติจะมีโรคเสี่ยงห้าอย่าง แต่แม่รวบไปซะสี่อย่างเลยครับ) แม่เข้มแข็งและปฎิบัติตามหมอตลอด ทั้งรักษา กินยา ดูแลตัวเอง ด้วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดัน จนหมออดชมและให้กำลังใจไม่ได้ หมอบอกว่า "ยายอายุยืน เชื่อฟังหมอดีแล้วนะ รับรองอยู่กับลูกหลานได้อีกนาน" เพราะเพื่อนของแม่ที่เรียนมาด้วยกัน จนจบปอสี่นั้นล้มหายตายจากไปหลายคนแล้ว แม่โชคดีที่มีลูกสาวคนเล็กของแม่ (พี่สาวคนเล็กของผม) ดูแลปรนนิบัติเธออย่างดี ประตูห้องนอนของแม่ไม่เคยปิด พี่สาวจะเดินผ่านหน้าห้องน้ำที่ติดกับห้องนอนของแม่ตลอด แม่บอกผมว่า แม่คงจะชดใช้กรรม สมัยก่อนเคยฆ่าไก่ หักแข้งหักขากบเขียด แต่ผมนึกดูแล้วว่า แม่ก็ทำอาหารให้พวกเราทาน หากแม่ไม่ทำแล้วใครจะทำให้เรา แม่ต้องรับกรรมแต่ฝ่ายเดียว แม้ทุกวันนี้ผมไม่ฆ่าสัตว์แม้จะเล็กหรือใหญ่ เพียงเพราะเชื่อคำแม่ว่า "ทุกชีวิตต่างรักชีวิตของเขาเอง" ทุกวันนี้แม่ยังคงเจ็บปวด ด้วยโรคชรา และน้ำหนักเยอะ แม่จะปวดหลัง ปวดเอว เสมอ แม่บอกว่า กินยาบรรเทาก็คงพออยู่ได้ล่ะ
"ตาย" ความตายมาเยือนแม่หลายครั้ง แต่แม่ยังไม่อยากจากพวกเราไป มีอยู่ครั้งหนึี่ง พี่สาวจะออกจากบ้านไปเก็บเงินกองทุนหมู่บ้าน แต่ด้วยเพราะต้องเตรียมของให้หลานสาวตัวเล็กจึงช้าพอสมควร แม่กินอะไรไปซักอย่างแล้วสำลักติดที่คอ จนแม่หน้าเขียว มือซีดเย็น ไม่ได้สติ พี่สาวต้องปฐมพยาบาล เรียกแม่ ๆ ๆ จนแม่ฟื้นคืนสติ เจ้าหลานเล็กของน้าช่วยชีวิตยายไว้ ครั้งหนึี่งแม่ล้มจนไม่ได้สติ ผมรู้สึกคิดถึงแม่มาก จึงตัดสินใจโทรหาแม่ตอนตีห้ากว่าของเมืองไทย พี่สาวรับโทรศัพท์บอกว่า "แม่กำลังล้ม เดี๋ยวโทรมาใหม่นะ" ความรู้สึกตอนนั้นผมแทบถอดวิญญาณกลับมาหาแม่ในทันใด หลายปีจนจำไม่ได้ แม่ป่วยนอนอยู่ รพ. แห่งหนึี่งในจังหวัดเชียงราย ผมมาหาแม่ แม่น้ำตาไหลด้วยความดีใจ เมื่อสองปีที่ผ่านมาช่วงพักร้อน ก่อนกลับไปทำงานเรือสำราญ ผมขับรถพาแม่ไปเยี่ยมฐาติที่ จ. พะเยา เราถูกรถชนจากหญิงเมา แม่หายใจอย่างอิดโรย เลือดเต็มหน้าแม่ ผมอ้อนวอนขอพระจงคุ้มครองแม่ให้รอดปลอดภัย โดยกุศลทั้งหลายที่ได้ทำมา ขอจงช่วยให้แม่ไม่เป็นอะไรมาก แม้จำตอ้งลาแม่ไปทำงานในวันที่แม่อยู่ รพ. ผมก้มกราบเท้าแม่ แม่ลูบหัวผมอย่างรักและเอ็นดู แม่บอกว่า "ตั้งใจทำงานนะลูก แม่จะไหว้วอนขอพรพระ ให้ลูกได้หาเงินมาทำบุญ ทนุบำรุงศาสนาสืบต่อไป" ในวันนี้ไม่มีอะไรจะ "ตาย" จากความรู้สึกระหว่างผมและแม่ แม่บอกผมว่า แม่ไม่เคยกลัวตาย แต่แม่ก็ไม่อยากตาย อยากจะอยู่กับพวกเรานานแสนนาน หากชาติหน้ามีจริงฉันท์ใด ขอเราจงเกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีกนะ ซึี่งแม่รักลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
วันนี้วันเกิดแม่
ผมใช้ชีวิตเป็นลูกเรือสำราญ ลอยล่องท่องไปในโลกกว้าง เรือจอดค้างคืนอยู่เวนิซ อิตาลี่ ได้แต่โทรศัทพ์สายตรงไป "บ้าน" ที่แม่อยู่ และแม่คลอดผมและพี่สาวที่นั่น พี่สาวและหลานสาว พาแม่ไปหาหมอตามที่หมอนัดประจำเดือนสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แม่บอกว่าจะทำบุญก่อนไป หากพี่สาวไม่ติดธุระอะไร พี่ ๆ จะพาหลานๆ มากราบแม่ สมัยผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่รามคำแหง กรุงเทพฯ ผมเคยนั่งรถกลับบ้านเซอร์ไพรซ์ในวันเกิดแม่ กว่าจะไปถึงบ้านก็ค่ำมืด หารถเข้าหมู่บ้านลำบากมาก แต่สุดท้ายก็ไปถึง
✤ *`*ขี้ข้าข้ามแดน ลูกเรือไทยไปรอบโลก.., คอลัมนิสต์แมกกาซีน `*¸✽' ❤ '✽
ปล. เขียนเมื่อปีที่แล้ว ลงเฟซบุ๊ค หน้าแฟนเพจ @โอม สมรัชนะ มูลสายMoonsai Writer Crew
Create Date : 08 ตุลาคม 2556 |
|
5 comments |
Last Update : 8 ตุลาคม 2556 15:42:48 น. |
Counter : 14258 Pageviews. |
|
|
|
ดีใจที่เห็นว่าพี่ยังอัปบล็อกสม่ำเสมอนะ
ปล.ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ สิบปีแล้วนะคะ