ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
พฤศจิกายน 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
27 พฤศจิกายน 2554
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
ตีห้า,รถทัวร์ปรับอากาศคันที่เราโดยสารมา แล่นเข้าจอดที่สถานี บขส.สายใต้ บริเวณสามแยกไฟฉาย ถนนจรัลสนิทวงศ์ ความจอแจของผู้คนที่ได้สัมผัสด้วยสายตาขณะก้าวลงจากประตูรถตามห ลังผู้โดยสารคนอื่น ๆ ทำให้ผมเกิดความประหม่าเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เกิดยังไม่เคยเหยียบย่างมากรุงเทพฯเลยสักครั้ง แม้แต่สาวบัวซึ่งแม้จะเคยติดรถสิบล้อมาเป็นเพื่อนสามีของหล่อนส มัยที่เขายังมีชีวิตอยู่สักครั้งสองครั้ง หากแต่หล่อนก็สารภาพว่าไม่คุ้นกับกรุงเทพฯ และนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าอดีตสามีผู้ลาลับขับรถสิบล้อของเขาไปจอด รอบรรทุกของแถวไหนบ้าง รู้แต่เพียงว่าเป็นแถบชานเมือง ไม่ได้เคยเข้ามาในตัวเมืองอย่างนี้เลย
ความแออัดของผู้คนขณะยืนเข้าคิวเบียดกันแน่นตรงช่องเก็บเงินค่า ห้องน้ำหญิง-ชาย ทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง... ผมเอามือคลำกระเป๋าสตางค์ที่ยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนด้านหน้า บ่อยครั้ง เพราะเคยมีคนเล่าให้ฟังว่า ย่านคนพลุกพล่านในกรุงเทพฯมักเต็มไปด้วยมิจฉาชีพที่คอยจ้องหาโอ กาสเล่นงานเหยื่อตอนเผลอ ซึ่งว่ากันว่า เคยมีคนถูกล้วงกระเป๋าหรือไม่ก็ถูกต้มตุ๋นหมดตัว จนต้องกลายเป็นขอทานเพื่อหาเงินค่ารถกลับบ้านมาแล้วหลายราย หนำซ้ำคนที่หมดตัวนั้นบางคนเมื่อหนทางเข้าจริง ๆ ก็กลายเป็นมิจฉาชีพไปเสียเองก็มี
หากแต่ผมเมื่อปรับสภาพจิตใจให้คลายตื่นเต้นและเลิกสั่นประหม่าไ ด้แล้ว ผมก็บอกกับตนเองว่าคิดถูกแล้วที่เลือกตัดสินใจชวนกันมาเที่ยวที ่นี่ เพราะแม้แต่ฝรั่งต่างชาติที่พูดจาสื่อสารกับคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่ อยรู้เรื่อง ต้องใช้ภาษามือประกอบ ยังอุตส่าห์หอบลูกหอบเมียมาเที่ยวกันได้ ผมกับสาวบัวเป็นเจ้าของประเทศแท้ ๆ จะต้องหวั่นวิตกไปทำไม
ก่อนตัดสินใจจองตั๋วรถทัวร์ขึ้นมาเที่ยวกรุงเทพฯ ผมพูดกับสาวบัวว่า "ป่าไม้ภูเขา เราก็คลุกคลีกันอยู่จนชินชา ส่วนทะเลบ้านเราก็มี จะไปเที่ยวกันเมื่อไหร่ก็ได้... เพราะฉะนั้นเที่ยวนี้เราต้องไปในที่ที่เราไม่เคยไปดีกว่า"
"ถ้าอย่างนั้นเราจะไปไหนกันดีคะ?" สาวบัวถาม และเสริมขึ้นอย่างติดตลกว่า "อย่าบอกนะ ว่า--นุ้ยจะพาบัวไปเที่ยวโลกพระจันทร์"
"อ๋อ-นั่นก็เป็นอีกโปรแกรม ที่เราสองคนจะต้องไปเหมือนกัน" ผมหัวเราะและพลอยเล่นมุขตามไปด้วย "ว่าแต่ต้องช่วยกันขุดแร่เก็บเงินเสียก่อนสักพัก ไว้พอค่าเหมายานอวกาศเมื่อไหร่ผมก็จะพาบัวท่องไปทันที"
สาวบัวหัวเราะร่วน ใบหน้าคลายหม่นเศร้าลงไปมาก ผิดกับผมที่มักจะเผลอกังวลกับอนาคตในรั้ววิทยาลัยจนบางครั้งถึง กับเศร้าซึม กระทั่งถูกหม้ายสาวสอบถามเป็นประจำ
"ตกลงหนวดเครานี้จะไม่โกนอีกแล้วใช่ไหม?" สาวบัวหาเรื่องชวนคุย เมื่อเห็นผมนั่งซึม
"ค่อยจัดการตอนจะกลับ วค. ทีเดียว" ผมพูดให้หล่อนฟัง "บางทีเมื่อเราได้ทำอะไรบ้า ๆ บวม ๆ ตามใจตนเองเสียบ้าง มันก็แก้บ้าได้เหมือนกัน - บัวว่าไหม?"
"ไม่รู้ซิ" หล่อนว่า "เพราะตั้งแต่เกิดมา ก็รู้สึกว่ายังไม่เคยทำอะไรบ้า ๆ บวม ๆ กับเขาสักที แล้วก็ไม่เข้าใจความหมายของมันด้วย อะไรกันล่ะ- -ที่เรียก บ้า ๆ บวม ๆ "
"อ้าว- ไม่รู้ความหมายแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่เคยทำอะไรบ้า ๆ บวมๆ" ผมย้อนอย่างขบขัน
"เอ่อ- -จะพูดอย่างไรดีล่ะ" หม้ายสาวกระพริบตาถี่ ๆ ใช้ความคิด "เอาเป็นว่าไม่เคยทำอะไรแผลง ๆ อย่างนั้นได้ไหม?"
ผมยิ้มให้หล่อน...
"ความจริงเขาเรียก บ้า ๆ บอ ๆ" ผมอธิบาย "คือมันรวมความบ้าไว้ในนั้นทั้งหมด ทั้งบ้าน้ำลาย บ้าดีเดือด บ้าหอบฟาง แต่ไม่ถึงกับเสียสติ ถ้าเสียสติเขาเรียกว่า วิกลจริต"
คราวนี้สาวบัวหัวเราะบ้าง
"แล้วตกลงนุ้ยบ้าประเภทไหนกันแน่?"
"บ้า ห... มั้ง"
ผมว่า สาวบัวอายหน้าแดงและเลิกซักถาม
หลังจากแยกกันเข้าห้องน้ำหญิง-ชายกันเสร็จแล้ว ผมคล้องแขนสาวบัวเดินฝ่าผู้คนที่กำลังสาวเท้าสวนทางกันอยู่ขวัก ไขว่ภายในบริเวณท่ารถแห่งนั้นออกมายืนรอโบกแท็กซี่ที่ริมถนนใหญ ่ ซึ่งไม่ถึงห้านาทีเราสองคนก็ขึ้นแท็กซี่ข้ามไปฝั่งพระนครทางสะพ านสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดใช้เมื่อสองสามปีมานี้เอง เพื่อมุ่งไปยังโรงแรมแถวบางลำพูตามคำแนะนำของชายขับแท็กซี่คันน ั้น
"ท่าทางยังไม่เคยขึ้นมากรุงเทพฯกันละซี" ชายคนขับแท็กซี่วัยกลางคนชวนคุย
"ครับ"
"มาธุระหรือมาเที่ยว"
"มาเที่ยวครับ"
"กลางวันร้อนหน่อยนะ-กรุงเทพฯ ผิดกับบ้านนอก อากาศเย็นสบายทั้งปี"
"แต่ก็มีคนบ้านนอกจำนวนมาก ดิ้นรนอยากเข้ามาอยู่กรุงเทพฯกันนะครับ"
"โธ่คุณ" ชายขับแท็กซี่ ครางออกมาเบา ๆ "ถ้าคนบ้านนอกมันได้รับการเหลียวแลเสียบ้าง อย่าปล่อยให้อยู่ตามยถากรรม ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากดิ้นรนมากันหรอกครับ เพราะกรุงเทพฯนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับนรกสำหรับคนจน ๆ อย่างเราหรอกครับ ที่เขาว่าเมืองสวรรค์ ก็สวรรค์สำหรับคนรวยเท่านั้น พวกคุณพากันมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาให้ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ดีแ ล้ว แล้วอย่าลืมสังเกตดูให้ดี ว่ามันจริงอย่างที่ผมพูดหรือไม่ แล้วนี่พวกคุณจะมาเที่ยวกันซักกี่วันละครับ" เขาถาม
"เรากะกันว่าซักอาทิตย์หนึ่งละครับ"
ชายผู้ขับรถแท็กซี่นั้นพยักหน้า ขณะสองมือจับพวงมาลัยรถ ทอดสายจ้องมองไปข้างหน้าตามหน้าที่ของเขา "ค่าโรงแรมที่พัก ค่ากิน ค่ารถ ก็คงจะหลายอยู่นะครับ"
"เราจะพยายามใช้จ่ายกันอย่างประหยัดที่สุด แล้วก็จะหาซื้อคู่มือเกี่ยวกับเส้นทางรถเมล์และแหล่งท่องเที่ยว ด้วยครับ เพราะจะได้เซฟเรื่องค่ารถบ้าง นั่งแท็กซี่ไปทุกแห่งคงไมไหว"
"ใช่ครับ"
แม้ชายผู้นี้แม้จะมีอาชีพขับแท็กซี่ แต่เขาก็เห็นด้วยกับความคิดของผม
เมื่อไปถึงหน้าโรงแรมตามที่เขาได้แนะนำให้ผมกับสาวบัวเข้าพักแล ะจอดรถให้เราลงกันแล้ว หลังรับเงินค่ารถจากผมเสร็จเขาก็ยังอวยพรให้เราสองคนโชคดี และเที่ยวกันให้สนุก พร้อมทั้งเตือนให้ระวังพวกมิจฉาชีพที่มีอยู่กลาดเกลื่อนในกรุงเ ทพมหานครแห่งนี้
ผมยกมือไหว้ขอบคุณในความหวังดีของเขาแล้วจูงมือสาวบัวเดินเข้าไ ปในโรงแรม หยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์
"หวัดดีคาบ" ชายจีนผมสีดอกเลาสั้นเกรียนติดหนังศีรษะ สวมเสื้อคอกลมสีขาว นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ทักทายเราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สำเนียงทักทายแม้จะไม่ชัดถ้อยชัดคำเท่าใดนัก แต่บ่งบอกถึงความมีน้ำใจแฝงอยู่ "ต้องการห้องพักใช่ไหมคาบ? จาเอาห้องธรรมดาติดพัดลม หรือว่า...ห้องแอร์ลีคาบ?"
"ราคามันต่างกันมากไหมครับเถ้าแก่" ผมถาม
"ห้องธรรมดาใช้พัดลมคืนละร้อยห้าสิบคาบ ส่วนห้องแอร์คืนละสองร้อย... เอ่อ ว่าแต่คุณจาพักกันซักกี่วันละคาบ เผื่อพักนาน ๆ ผมก็จาหยวนให้มั่ง"
"เรากะกันว่า จะพักอยู่ที่นี่ซักอาทิตย์ครับ"
"อ้อ.. ลีคับ ๆ ถ้าอย่างนั้นก็น่าจาพักห้องแอร์นาคาบ ผมจะได้หยวนให้... เอ่อ-คิดไปคืนละร้อยแปดสิบก็แล้วกันคาบ"
"ว่าไงจ๊ะ- -บัว" ผมหันไปถามคู่รัก อาแป๊ะคนนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้หล่อนด้วย
สาวบัวมีท่าทางลังเลไม่กล้าตัดสินใจ อาแป๊ะผู้จัดการโรงแรมจึงว่า "กุงเทพฯมันล้อนนาคาบคุณผู้หญิง กลางวันออกไปทำธุระเหนื่อย ๆ กับมากลางคืนก็ควรพักผ่องหลับนอนให้ซาบาย" ว่าแล้วก็หันมาทางผม "จิงไหมคับคุงพ่อหนุ่ม"
"ตกลงครับ" ผมพยักหน้า "ผมพักห้องแอร์ครับ"
โรงแรมแห่งนั้นแม้จะไม่ใช่ระดับสี่ซ้าห้าดาว แต่บรรยากาศภายในห้องพักก็ดูสดชื่นระรื่นตา ห้องน้ำที่ติดอยู่กับผนังด้านประตูทางเข้าสะอาดสะอ้าน ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนขาวเหมือนใหม่ เก้าอี้ โซฟา และตู้ใส่เสื้อผ้าจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ภายในตู้เย็นมีน้ำโพลาริส แช่ไว้ ๒ ขวด แต่ยังไม่เย็นเพราะกระแสไฟภายในห้องเพิ่งมีขึ้นเมื่อตอนที่บ๋อย หนุ่มกดปุ่มเปิดล็อค ภายหลังเปิดประตูห้องนำเราสองคนเข้ามา
"หิวไหม" ผมเลิกคิ้วถามสาวบัว ซึ่งกำลังเอนหลังขับไล่ความเมื่อยขบอยู่บนเตียงนอนตรงหน้าผม "ถ้าหิวก็โทร.สั่งลงไปได้ ตอนนี้ครัวเปิดแล้ว"
ผมวางเมนูอาหารของโรงแรมที่เปิดดูเสร็จแล้วลงบนโต๊ะ และชี้ไปที่โทรศัพท์ของโรงแรมที่วางอยู่ใกล้ ๆ หม้ายสาวลุกจากเตียง เดินมานั่งลงบนโซฟาติดกับผม พร้อมกับยื่นมือข้างหนึ่งหยิกแก้มผมหยอกเล่นอย่างรักใคร่
"อาบน้ำให้สดชื่น และนอนพักเสียก่อนซักตื่น แล้วค่อยลงไปหาอะไรกินกันข้างล่างก็ได้"
"ตกลง" ผมพยักหน้าเห็นด้วย "เราอาบพร้อมกันเลย ประเดี๋ยวผมจะเข้าไปเปิดน้ำอุ่นใส่ไว้ในอ่าง แล้วเราค่อยลงไปนอนแช่ด้วยกัน"
แน๊ะ" สาวบัวเอาปลายนิ้วมือข้างเดียวกันนั้นจิ้มคางผมอย่างรู้ทัน เลือดลมในกายสาวสูบฉีดแดงซ่านไปทั่วใบหน้า ทำให้ผมไม่อาจห้ามใจไว้ได้ จึงรวบหล่อนเข้ามาแนบไว้กับอก ก่อนประทับจูบลงบนริมฝีปากคู่นั้นนิ่งนานด้วยความรักใคร่เสน่หา
๙.๓๐ น. ผมกับสาวบัวออกจากโรงแรมที่พักและเดินหาซื้อแผนที่กรุงเทพฯตามแ ถวนั้นได้มาฉบับหนึ่ง ซึ่งเขาเย็บเป็นเล่มคล้ายสมุดปกอ่อนของนักเรียน ภายในเล่มนอกจากจะมีแผนที่ที่แสดงให้เห็นถึงพื้นที่ของกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยรวมแล้ว ก็ยังได้แยกแยะลายระเอียดในแต่ละจุด รวมทั้งสายรถเมล์ที่แล่นผ่านไว้ด้วย
เมื่อได้แผนที่ไว้ในมือผมก็ค่อยมีความมั่นใจมากขึ้น นึกถึงคำพูดของแม่ "คนอย่างไข่นุ้ยชอบการผจญภัย" ก็เห็นจะจริงแล้วล่ะเที่ยวนี้
หลังจากกินข้าวมันไก่ในร้านซึ่งอยู่ติดกับร้านขายเครื่องเขียนท ี่เราเลือกซื้อแผนที่กันคนละจาน ตามด้วยโอเลี้ยงเย็น ๆ กันคนละแก้วเสร็จแล้ว ผมกับสาวบัวก็เดินควงแขนลัดเลี้ยวออกสู่ถนนข้าวสาร และเดินท่องต่อไปจนลุออกถนนจักรพงษ์ ด้านขวามือเป็นสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ฟากตรงข้ามเป็นพระอารามหลวง คือ วัดชนะสงครามราชมหาวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย ์สมบัติเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างขึ้นให้คล้ายคลึงกับกรุง ศรีอยุธยามากที่สุด ตลอดจนเปลี่ยนชื่อวัดให้เหมาะสม เพื่อเทิดเกียรติทหารชาวรามัญในกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุ รสิงหนาท ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับพม่าในสงครามเก้าทัพ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ สงครามที่ท่าดินแดงและสามสบ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๙ และสงครามที่นครลำปางป่าซาง เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๐
หลังจากนั้นสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงบูรณปฏิสังข รณ์ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ จึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดชนะสงคราม เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงมีชัยชนะต่อพม่าในการรบทั้ง ๓ ครั้ง-ดังกล่าว
ย้อนกลับมาที่ผมกับสาวบัวเมื่อเดินทอดน่องมาถึงทางแยกตรงนั้น ก็พากันหักเลี้ยวไปทางซ้าย โดยที่ผมตั้งใจจะพาหล่อนมุ่งไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นแห่ งแรก เพราะผมอยากชมโบราณวัตถุ รวมทั้งศิลปวัตถุชิ้นสำคัญ ๆ ที่เคยอ่านเจอในหนังสือให้เห็นกับตาตนเองสักครั้ง
สาวบัวพยักหน้าเห็นด้วยทุกสิ่ง ภาพใบหน้าของหล่อนที่ยิ้มออกมาอย่างชื่นชมเมื่อผมแนะนำสิ่งต่าง ๆ ที่หล่อนไม่เคยรู้มาก่อนให้ได้รู้ได้เข้าใจ ยังคงแนบประทับอยู่ในความทรงจำของผมอย่างมิอาจลืมเลือน
************************************
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2554 16:11:54 น.
2 comments
Counter : 1524 Pageviews.
Share
Tweet
เก็บความรู้
โดย:
blogwhite
วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:19:52 น.
ขอบคุณคุณ blog white ครับผม
ถ้าคุณจะติดตามอ่านเพื่อสาระับันเทิง ก็น่าจะไม่ผิดหวังครับ
เพราะถึงแม้นิยายเรื่องนี้ไม่หวือหวา แต่ทุกบททุกตอนผมได้ทุ่มเทมันสมองและความจำ เพื่อที่จะนำความงดงามในรูปแบบของวรรณศิลป์ออกมาเสนอต่อสายตาทุกท่านอย่างถึงที่สุดครับ และตั้งใจจะปลุกปั้นเนื้อหาของมันขึ้นมาสู่สายตาของท่านอย่างจริงจัง ส่วนจะสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ขอมอบให้มิตรรักนักอ่านทุกท่านนั่นแหละ-เป็นผู้ตัดสินครับผม
โดย:
หลวงเส
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:58:41 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com