เดินทางท่องเที่ยวเรื่อยไป… พิศมองด้วยใจ… ได้พบกับสิ่งหลากหลาย…
รู้สึกทำ Blog ไม่ทัน เลยขอรวบ 3 เมืองในฝรั่งเศสมาลงใน Blog เดียวเลยละกันนะคะ 😆 (เพราะเคยคิดไว้ว่าถ้าทำ Blog ทริปก่อนหน้าไม่เสร็จจะไม่เริ่มจัดทริปใหม่ แต่ปรากฎว่าปีที่แล้วมีเหตุให้ต้องไปหลายทริปติดๆ กันทั้งเที่ยวเอง ทั้งนัดเพื่อน ทั้งไปทำงานบริษัท) และปีที่แล้วเดินทาง 12 ประเทศ แต่ละประเทศก็ไปหลายเมือง เช่นช่วงนี้ลงทริปฝรั่งเศส ก็ไปฝรังเศสถึง 9 เมือง ดังนั้นคือ Blog นี้จะรวมทริปที่ไปเมือง Montpellier, Sete และเมือง Valence เลยนะคะ (พร้อมบทกวีกาพย์ฉบัง 16 ประกอบ /คราวที่แล้วลงฉันท์ประกอบไปแล้ว พยายามแต่งเรียง โคลง-ฉันท์-กาพย์-กลอน)
ท่องเที่ยวเรื่อยไปผ่อนคลาย… เดินทางง่ายง่าย… เครือข่ายรถไฟเค้าดี…
เมืองแรกที่จะกล่าวถึงคือเมือง Montpellier ตามภาพตั้งแต่ข้างบนมาถึงตรงนี้ เมืองนี้เป็นหนึ่งใน UNESCO Global Network of Learning Cities เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ ที่มีรากฐานการศึกษายาวนานและเป็นที่ตั้งของหนึ่งในมหาวิทยาลัยโบราณที่มีการเรียนการสอนวิชาแพทย์ศาสตร์แห่งแรกของโลกตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1137 ที่นี่มีตัวเมืองเก่าและอื่นๆ การมาเมืองนี้ไม่ยากนั่งรถไฟมาเดินนิดเดียวก็ถึงย่านเมืองเก่าและมีรถรางเยอะและถี่มากๆ
ศาสตร์ศิลป์พบง่ายที่นี่… ช่างสมศักดิ์ศรี… ที่เป็นเมืองแห่งการเรียน…
ประทับใจเมืองนี้ตรงที่ทางเดินเท้ากว้างใหญ่และหลายสายราบเรียบเป็นระดับเดียวกับถนนและรถรางไม่ต้องคอยก้าวขึ้นๆ ลงๆ ระมัดระวัง (ไม่ต้องห่วงการสะดุดระหว่างเดิน) ดังภาพข้างบนและข้างล่าง เมืองนี้เป็นเมืองที่ผู้คนออกมาเดินกันคึกคัก รู้สึกว่าเจอคนเยอะมากกว่าเมืองไหนๆ ที่ไปเที่ยวมารวมถึงเมืองมาร์เซย์ที่เป็นเมืองที่ขนาดใหญ่กว่า เวลาเดินในเมืองก็รู้สึกปลอดภัยดีไม่ค่อยมีอะไรน่ากลัว (ไม่เห็นโฮมเลส ไม่เจอคนมาขอเงิน ฯลฯ) อาจจะเพราะเมืองนี้มีมหาลัย
เมื่อคนรู้จักขีดเขียน… ด้วยความพากเพียร… ชีวิตก็เปลี่ยนแปรไป…
เมืองที่สองที่จะรีวิวต่อคือเมือง Valence ตามภาพข้างล่างลงไปนะคะ (ไม่ได้เรียงเมืองตามลำดับที่ไปนะคะ พอดีอยากปิด Blog ด้วยการรีวิวเมือง Sete) เมือง Valence เป็นเมืองใหญ่อันดับ 8 ของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ชื่อเมืองนี้ผันมาจากภาษา Latin คำว่า Valentia แปลว่าความเข้มแข็ง และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหนึ่งก่อนที่จะโดนโรมันควบรวมอาณาจักรไป โดยมีแม่น้ำ Rhône ด้านข้างเป็นปราการกันอาณาจักรโรมันและฝรั่งเศส ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนมือ (อย่างสงบ) โดยการขายแคว้นของตระกูล landlord ให้กับทางฝรั่งเศส
ดินแดนแว่นแคว้นห่างไกล… เรื่องราวแปลกใหม่… พบได้เมื่อเดินทางมา…
เมือง Valence เป็นเมืองที่มาง่ายถ้านั่งรถไฟสาย Regional ซึ่งมีสถานีรถไฟลงตรงกลางตัวเมือง (ถ้าไปนั่งรถไฟความเร็วสูง TGV จะไปจองอีกสถานีนึงที่อยู่ห่างออกไป ต้องไปต่อรถ Regional มาอีกรอบอยู่ดี) บรรยากาศเมืองนี้เรียบง่ายไม่ค่อยวุ่นวาย เห็นคนนั่งอ่านหนังสือหรือเล่นมือถือเป็นระยๆ อยู่ตามเก้าอี้ ดูได้ตามภาพข้างบน และ ข้างล่าง รถราอะไรก็น้อยจน งง ว่าเป็นเมืองอันดับ 8 ของฝรั่งเศสจริงหรือ เมืองนี้ไม่ค่อยเห็นตึกสูงดูที่ทางแล้วเป็นที่ราบลุ่มราบเรียบ มองไปรอบๆ เมือง จะเห็นเทือกเขาสูงรายล้อมอยู่รอบๆ ห่างๆ
สุ่มเที่ยวไปเถิดหรรษา… ตามใจอุรา… เริงร่ารื่นรมย์สมใจ…
เมืองที่สามที่จะขอรีวิวใน Blog นี้คือเมือง Sete คือช่วงที่อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสมีเวลาเหลือวันนึงเลยมองแผนที่ว่าไปเที่ยวไหนดี (ข้อดีของการมี Eurail Pass คือจะไปไหนด้วยรถไฟก็ได้สบายๆ) แล้วมองเห็นว่าเมืองนี้ยุทธศาสตร์แปลกดีตั้งอยู่เป็นเหมือนเกาะแนวยาวๆ กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน ที่มีรถไฟวิ่งผ่านเข้าใจ (ถ้าใครสนใจดูว่าเมืองนี้มีชัยภูมิยังไงให้คลิ๊ก Link นี้เพื่อดูแผนที่) เลยลองมาแวะดู ภาพเมืองนี้จะเริ่มตั้งแต่ภาพข้างบนจนจบ Blog นะคะ
อยากไปที่ไหนก็ไป… ยุคค้นคว้าได้… อุ่นใจไม่เจอน่ากลัว…
เมือง Sete อารมณ์คล้ายๆ Stokholm แต่ใหม่กว่าคือเมืองเป็นเกาะๆ เชื่อมๆ กันด้วยสะพานมากมาย มีทางน้ำกว้างๆ ตัดกันเป็นตาข่ายไปหมด ดูภาพข้างบนสมัยก่อนก็เป็นแบบนี้แต่มีเรือไม่เยอะ (สมัยนี้เดินไปตามทางน้ำเจอส่วนใหญ่จะแต่เรือสมัยใหม่/ตามภาพข้างบน – นานนานทีจะเจอเรือโบราณแบบภาพข้างล่างที่ริมน้ำ) สรุปแล้วคือชอบบรรยากาศที่ได้แวะมา เพราะส่วนตัวชอบเดินเล่นดูวิวเมืองริมน้ำอยู่แล้ว เลยขอ ปิด Blog ด้วยภาพของเมืองนี้นะคะ
ผู้คนยิ้มแย้มถ้วนทั่ว… พบเห็นกับตัว… เมื่อกล้าก้าวไปตามฝัน…