จินตนาการจากความว่างเปล่า
Imagination from the emptiness
Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

ความงดงามของไตรลักษณ์

มีคนเคยบอกฉันว่าเด็กแรกเกิดจะร้องไห้ไขว่คว้ากำมือแน่นเพื่อจะยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คนที่จากไปจากโลกจะคลายมือปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนสอนให้รู้ว่าชีวิตคนเราที่ไขว่คว้าอะไรมาถึงวันสุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้ คนเราทุกคน เกิดมาแล้วก็ต้องเติบโตไปในแต่ละเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนๆ กัน คือทุกๆ คนจะเจอสภาวะธรรมที่เรียกว่า "ไตรลักษณ์" (ซึ่งสมัยเด็กๆ ฉันคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องที่ฟังแล้วมึนๆ ไม่เข้าใจซักเท่าไหร่ ก็ท่องๆ ในวิชาพระพุทธศาสนาน่ะนะ ว่าไตรลักษณ์ มีคำว่า ไตร- แปลว่า 3 เลยประกอบด้วยลักษณะสามอย่างคือ "ทุกขัง" "อนิจจัง" "อนัตตา" และก็รู้ว่าแต่ละตัวมีความหมายยังไงเลยทำข้อสอบก็ได้เกรด 4 มาได้ง่ายๆ แต่ถ้าถามว่าสมัยเรียนมัธยม "ตระหนัก" ไหมว่ามันคืออะไรกันแน่นอกจากตัวหนังสือ ก็ต้องตอบว่า "ไม่")

แต่ธรรมชาติก็ไม่โหดร้ายกับเราเท่าไหร่นัก ชีวิตของคนก็จะค่อยๆ ถูกสร้าง "ปัญญา" ให้คนเรียนรู้อะไรขึ้นตามประสบการณ์ในห้วงเวลาที่ค่อยๆ เดินไป ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เรียนรู้ถึงชีวิต(ในระดับหนึ่ง) และทำให้เริ่มเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น (แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด) เมื่อเวลาได้เดินผ่านไป สำหรับชีวิตคน ไตรลักษณ์ที่จะเห็นได้ง่ายๆ ในวัยเด็ก ก็คือเรื่องความรัก =^_^= ในช่วงเวลาของความรัก ช่วงต้นๆ ความทุกข์อาจจะดูน้อย (มีคนบอกว่าความสุขคือสภาวะทุกข์น้อย) แต่ความทุกข์อาจเติบโตขึ้นได้ถ้าคนเราเกิดยึดติดความสุขที่เข้ามาทักทาย แต่จริงๆ แล้วทุกสิ่งนั้นมีสภาพเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง (แต่ว่าแต่ละอย่างอาจมีเวลาไม่เที่ยงที่ไม่เท่ากัน) และไม่ได้มีตัวตน การจะบังคับให้ทุกอย่างหยุดเวลาไว้ในวันที่ดีที่สุดมักเป็นไปได้ยาก คนบางคนเวลามีความสุข ก็อยากจะภาวนาว่าอยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ (ซึ่งฉันก็เคยเป็น) ก่อนที่จะเรียนรู้กับตัวเองอย่างง่ายๆ ว่า มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลาก็เดินต่อไปตามธรรมชาติ

บางคนอาจมีความรักที่สมหวังในทางโลกอยู่กันจนแก่จนเฒ่าแต่สุดท้ายก็ต้องจากกันไปเพราะชีวิตคนเราก็คือสิ่งหนึ่งที่เป็นทุกข์ คือไม่ได้สามารถคงอยู่เป็นนิรันดร์ หรือคนบางคนอาจจะโชคดีในอีกรูปแบบคือได้รู้จักไตรลักษณ์อย่างรวดเร็วตั้งแต่ยังเด็กๆ เช่นคนที่มีความรักและพบกับความผิดหวัง

สมัยฉันยังเด็กๆ มากๆ ฉันเป็นคนใจร้ายระดับหนึ่งที่มองตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง มีความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรที่ฉันอยากทำ และไม่สนใจเรื่องเกี่ยวกับความรักซักเท่าไหร่ ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยสนใจคนที่เข้ามา "วุ่นวาย" กับชีวิตของฉันเลย (จริงๆ พวกเค้าก็เข้ามาดีๆ อ่ะนะ แต่ฉันมองไปว่าวุ่นวาย/และแอบรำคาญ ซะงั้น) ฉันจำได้ว่า ใจฉัน (ตอนเด็กๆ) ไม่ได้มองความรู้สึกคนอื่นเลยขนาดว่า เคยมีคนมาสารภาพรักฉันแล้วฉันปฏิเสธ มาเปรยว่าเค้ารู้สึกอยากจะไปฆ่าตัวตายเพราะฉันไม่ยอมคบกับเค้า แล้วฉันก็มองเค้าเฉยๆ แล้วก็ตอบไปว่า "ตามสบาย" (^^') /หมายเหตุ: เด็กๆ เพื่อนบางคนตั้งฉายาฉันว่า "ราชินีน้ำแข็ง" อะไรประมาณนั้น

แต่แล้ววันหนึ่งพอฉันเรียนมหาลัย ฉันก็มีความรักกับเค้าบ้าง (ทั้งๆ ที่ัเคยรับปากคุณพ่อ คุณแม่ว่าจะไม่คบใครให้เสียการเรียน /แต่ถึงมีแฟนก็ไม่เสียการเรียนเลยโมเมว่าทำได้ตามที่รับปากนะคะ อิอิ) และฉันก็ได้เข้าใจว่า ความรู้สึกของคนอื่นเวลามีความรักนั้นเป็นอย่างไร อารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงนั้นเป็นอย่างไร ได้พบความสุข และได้รู้จักความทุกข์ (ที่มองย้อนไปก็ต้องสะท้อนใจว่าทำตัวเองทั้งนั้น อิอิ) ฉันกับแฟนคนแรกเลิกกันหลังจากที่พวกเราตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอกด้วยความมุ่งมั่นว่าต่างคนต่างอยากจะเรียนต่อกันให้ถึงปริญญาเอกคงไม่ได้เจอกันหลายปี ตอนนั้นฟังจากหลายๆ คนพูดแล้วเข้าใจผิดว่าน่าจะไม่ได้เจอกันอย่างน้อย 7 ปี เค้าเลือกไปเรียนอเมริกา ส่วนโชคชะตาก็พาฉันไปเรียนที่อังกฤษในปีเดียวกัน (แล้วก็มาค้นพบทีหลังตอนเรียนว่าจริงๆ เรียนเมืองนอกมันไม่ได้ยาวขนาดนั้นก็ได้ เค้าเรียนโท-เอก สามปีครึ่ง ส่วนฉันก็เรียน โท-เอก จบได้ใน 4 ปีเอง ทำไมใครๆ ชอบข่มขู่ว่าเรียนนาน ชิร์ๆ)

แล้วพวกเราก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ส่วนใหญ่ปัญหาเป็นตัวฉันเองที่งอแงไร้สาระผ่านระยะทางไกลระดับนึง ฉันได้เรียนรู้ถึงความทุกข์ของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากตัวเอง (ถ้าใครเคยอกหัก แล้วหยุดคิด มองตัวเองตอนมีความเศร้าอย่างมีสติ อาจจะรู้สึกว่าเรามาเป็นอย่างนี้ได้ยังไงนะแล้วก็ค้นพบว่าเรามีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ในทางลบ เคล็ดลับของการหายเจ็บจากการอกหักก็ต้องตระหนักให้ได้ว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่ก็ได้นี่

แต่ฉันก็หาเรื่องใส่ตัวเองได้บ่อยๆ เวลาผ่านไปฉันก็มีแฟนใหม่ตอนที่เรียนอังกฤษ ตอนนั้นที่แอบเซ็งเล็กๆ คือพอจบกลับมาเมืองไทยพาแฟนใหม่มาแนะนำเพื่อนๆ ฉันที่เมืองไทย เพื่อนๆ บางคนมีแอบแซวว่าอย่างนี้นี่เองฉันถึงได้เลิกกับแฟนเก่า (ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ เวลามันไม่่ได้ซ้อนกัน) แฟนเก่ากับฉันก็ดีนะ เพราะพวกเรากลายเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนที่ดีจนทำให้ฉันลืมไปบ่อยๆ ว่าพวกเราเคยคบกัน จำได้ว่าเคยไปงานเลี้ยงแต่งงานเพื่อนเก่า แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งแอบแซวว่า "ถ่านไฟเก่าไม่คุเหรอ?" ฉันก็งงๆ ว่า ถ่านไฟไหน? แล้วก็ถึงบ้างอ้อเมื่อจำได้ว่า ฉันเคยคบกับเค้านี่ และกำลังถูกแซวอยู่ (^^') /แต่จริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกว่าเป็นคนๆ เดียวกันซักเท่าไหร่ เพราะแฟนเก่าฉันน่ะ สมัยก่อนผอมๆ นินา เลยคิดว่าคนที่เจออ้วนๆ คนนี้เป็นอีกคน (หุหุ)

โอ๊ะ... เขียนโน๊ตยาว รวบรัดตัดตอนเอาเป็นว่า พอเวลาผ่านไปและชีวิตเจออะไรมากขึ้น ฉันคิดว่าฉันเข้าใจไตรลักษณ์มากขึ้น ทุกสิ่งมีเกิด ก็มีดับ มีสุข ก็มีทุกข์ การไม่เที่ยงเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อหลายเดือนก่อนฉันไปงานแต่งงานเพื่อนอังกฤษ ก็เจอคุณแฟนเก่าสมัยเรียนอังกฤษ พวกเราก็คุยกันเฮฮาดี ฉันก็ยังแซวๆ ถามเค้าไปว่าแฟนใหม่เค้าเป็นไงบ้าง? มีเพื่อนมาถามว่าฉันโอเคเหรอที่เจอเค้า? ฉันก็ได้พบคำตอบว่า ฉันโอเค สิ่งง่ายๆ ที่ทำให้ฉันลั้นลาได้ก็คือวันที่ฉัน "ตระหนัก" ได้ว่าทุกสิ่งนั้นเป็นไตรลักษณ์ ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงคือความงดงาม ที่กำลังสอนธรรมะให้กับเราด้วยการสร้างประสบการณ์ชีวิตให้เราได้พบเจอ ไม่ว่าเวลาที่ทุกข์เกิดขึ้นจะทำให้เกิดทุกข์ได้ขนาดไหน พอตั้ง "สติ" ได้แล้วมองย้อนกลับไป มันก็คือประสบการณ์หนึ่งที่ทำให้เราได้เติบโต :) :D

ทักทายไตรลักษณ์...
แสร้งทำไม่รู้จักจะได้ไหม?
ในวันที่สตินั้นอาจเลือนไป
เกิดหลงไหลไปในห้วงวันเวลา

แต่ไตรลักษณ์ก็วิ่งตามมาทักบ้าง
ไม่ทิ้งร้างเป็นมิ่งมิตรเสน่หา
คอยเตือนเราให้ได้ซึ้งซึ่งธรรมา
ให้ทราบว่าความไม่เที่ยงนั้นมีจริง :)


หมายเหตุ: แรงบันดาลใจในการเขียน คือเห็น facebook wall ของหลายๆ คนเขียนบ่นระบายปัญหามากมาย เลยอยากเขียนปลอบเพื่อนๆ ที่มีความทุกข์อยู่ในปัจจุบัน




 

Create Date : 13 กันยายน 2554
7 comments
Last Update : 29 มกราคม 2558 22:36:49 น.
Counter : 2059 Pageviews.

 

 

โดย: konngambanpon 13 กันยายน 2554 18:50:21 น.  

 

แวะมาสวัสดีคุณไร้นามค่ะ ^^
ไม่ค่อยได้เข้ามาทักทาย
แต่แวะมาอ่านตัวหนังสือของคุณเรื่อยๆนะคะ

 

โดย: SevenDaffodils IP: 192.231.215.4 13 กันยายน 2554 19:40:20 น.  

 

ชีวิตคนเราที่ไขว่คว้าอะไรมาถึงวันสุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้...จริงค่ะ
...... สติ..... สำคัญมาก

 

โดย: กิ่งไม้ไทย 13 กันยายน 2554 21:59:33 น.  

 

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมและฝากข้อความนะคะ

 

โดย: ไร้นาม 29 มกราคม 2558 22:36:19 น.  

 

จากทราย หลอมกลาย จนเป็นแก้ว
ขึ้นรูป สวยแล้ว อย่างเหมาะสม
หากมี ตกแตก อย่าระทม
เพราะยังมี คุณค่าชม ลองตรองดู

แก้วแตก หลอมใหม่ ใช้ไฟร้อน
อดทน ไปก่อน ตอนกอบกู้
ขึ้นรูป ครั้งใหม่ ให้สวยหรู
ผ่านวัน ที่เป็นอยู่ ไม่เป็นไร

แม้เป็นเศษ เนื้อก็แก้ว แพรวระยับ
งามตาจับ จากเนื้อแท้ ที่สดใส
ยังมีค่า เพียงรู้สร้าง ทางยังไกล
หล่อหลอมใหม่ ทนร้อนไป เพียงใจเย็น

จะเกิดแก้ว สวยพราว ราวชีวิต
งามวิจิตร ประดิษฐ์ค่า เกินตาเห็น
ประสบการณ์ เพียงสั่งสม และใช้เป็น
ก็จะเกิด คุณค่าเป็น เช่นสมควร

ความท้อแท้ จากผิดพลาด เพียงบางครั้ง
อย่าให้พัง ถึงชีวิต ควรคิดหวน
สิ่งมีค่า อยู่ที่ไหน ลองทบทวน
ความปั่นป่วน เพียงชั่วคราว ปล่อยวางไป

โลกเรานี้ มีอยู่สาม สิ่งไตรลักษณ์
คือทุกขัง ให้ประจักษ์ เพื่อตรองใหม่
ว่าทุกสิ่ง อนิจจัง ไม่เที่ยงไซร้
ใช่ของใคร ก็แค่เพียง อนัตตา

หาเกิดทุกข์ ไม่ต้องท้อ ไม่ต้องเศร้า
เริ่มใหม่เข้า เฝ้าหล่อหลอม ทางข้างหน้า
ทุกทุกวัน ที่คนเรา ได้เกิดมา
ก็มีวัน ให้สร้างค่า ได้ทุกวัน ❤️

 

โดย: ไร้นาม 13 ตุลาคม 2567 0:24:31 น.  

 

From sand, melted into glass
Moulded, beautify to make it last
And, if broken, don't be worried
Because, its value is still in its spirit

Broken glass, can be melted again, using hot fire
With patient, the salvage can slowly be applied
New moulded glass can become more elegant
The process will also enhance the competence

Scattering to pieces, each of them can still glitter
Eye-catching brightest little piece which awaits to be better
Collecting them back to re-build once again
The new creation, can become more sustain

This is the same as what we apply in life
Beautify process starts from the inside
Accumulating experience to let things be
No matter what happens, the future can still foresee

Discouragement from mistake can happen sometime
But, it can't ruin the entire life, so don't let it harm
Reflecting the situation as time still flow
The turmoil is only temporary, just let it go

Our world has three characteristics, that shows us on
Dukkha - "The Suffering" is just as a warn
That everything is "Uncertain" - which is Anicca
They are actually "Not exist" - which is Anatta

So, don't be discouraged and don't be sad
Just start over, once again to feel the glad
As being a person, the new day will be
Since the birth, chances are coming, be open and see ❤️

 

โดย: ไร้นาม 17 ตุลาคม 2567 11:23:01 น.  

 

บางคราคน คงเป็นเพียง ที่ระบาย
บางคนคง โกรธง่าย ไร้ใจใส่
พยายาม ทำดี มาเท่าใด
ก็คงไม่ เพียงพอ ตะคอกมา

ทุกทุกครั้ง ดั่งมีด กรีดเฉือดเฉือน
น้ำตาเปื้อน หัวใจ ใช่หินผา
ความเหนื่อยหนัก ด้วยดูแล ทุ่มเวลา
นี่แหล่ะหนา บทเรียน ให้อดทน

บอกตัวเอง ว่าอย่าเป็น เฉกเช่นนั้น
ต้องระวัง ต้องอดกลั้น มีเหตุผล
ถือว่าฝึก ตนเถิด ความเป็นคน
มีหลายสิ่ง ให้มองยล เป็นบทเรียน

ไม่มีคน เข้าใจ ก็เขียนกลอน
ยามเจอเรื่ิอง สั่นคลอน ก็ขีดเขียน
ก้มหน้าเถิด เกิดเป็นคน ต้องพากเพียร
ใช้ชีวิต ว่ายเวียน เพียงกงกรรม

เราอาจเคย ทำคนอื่น ในชาติก่อน
จึงถูกย้อน ถูกกระทำ จนดื่มด่ำ
หลายบทเรียน ของชีวิต ผ่านจารจำ
เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ในความจริง

 

โดย: ไร้นาม 26 มกราคม 2568 0:40:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไร้นาม
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]





"อ่านคนอ่านที่ความคิด
หาใช่ชื่อเสียงเรียงนาม"
Friends' blogs
[Add ไร้นาม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.