1. ทุกอย่างจะกลายเป็นดิจิทัล - สิ่งของทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันด้วยระบบดิจิทัล อันเป็นผลมาจากการพัฒนาสารกึ่งตัวนำและตัวเก็บประจุ เครือข่ายโทรศัพท์ที่ไม่พึ่งระบบเซลลูลาร์ และเทคโนโลยี 5G
2. แสงอาทิตย์จะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก - การพัฒนาเทคโนโลยีด้านเคมีและโครงสร้างระดับนาโนของอะเรย์ ทำให้อัตราการแปลงแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสูงขึ้น จากปัจจุบันที่ต่ำกว่า 10%
3. ภาวะสมองเสื่อมลดลง - ความสามารถเข้าใจข้อมูลทางพันธุกรรมของมนุษย์และการกลายพันธุ์ของยีน จะช่วยในการตรวจหาและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท เช่น ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
4. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะสามารถป้องกันได้ - ความรุดหน้าในการใช้ RNA ช่วยในกระบวนการพันธุวิศวกรรม จะทำให้เราป้องกันโรคบางโรคได้ด้วยการแก้ไขยีน
5. การขาดแคลนอาหารและราคาอาหารที่ผันผวนจะกลายเป็นอดีต - ด้วยเทคโนโลยีส่องสว่างที่ใช้พลังงานต่ำผสมกับการแปลงพันธุกรรมพืช ทำให้เป็นไปได้ที่จะปลูกพืช 24 ชั่วโมงตลอดปีในพื้นที่ปิด นอกจากนี้เทคนิคด้านภาพจะช่วยให้ตรวจจับโรคและความผิดปกติในพืชได้อย่างรวดเร็ว
6. การขนส่งทางอากาศโดยเครื่องบินไฟฟ้า - แบตเตอรี่ที่เก็บไฟได้มากขึ้นในขนาดที่เล็กลง และทางเลือกเช่นไฮโดรเจนที่เกิดปฏิกิริยาผันกลับได้สำหรับเซลล์เชื้อเพลง ประกอบกับวัสดุที่เบาลง จะทำให้เราเห็นเครื่องบินไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์บินในเส้นทางใกล้ๆ
7. เซลลูโลสจะแทนที่ปิโตรเลียม - วัสดุจากนาโนเซลลูโลสที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบาจะมาแทนที่พลาสติก บรรจุภัณฑ์ทุกชนิดในอนาคต ไม่ว่าจะสำหรับใส่อาหาร ยา เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเสื้อผ้า ทั้งหมดจะย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
8. การรักษามะเร็งจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงน้อยลง - ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เกี่ยวกับผลในการรักษาระดับโมเลกุลของตัวยา และข้อมูลพันธุกรรมที่เจาะจงของคนไข้ แพทย์จะสามารถออกแบบยาให้ตรงกับยีนของคนไข้แต่ละรายเป็นการเฉพาะ ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยลง
9. การทำแผนที่ทางพันธุกรรม (DNA Mapping) ตั้งแต่แรกเกิดจะเป็นเรื่องปกติ - ทารกจะถูกทำแผนที่ทางพันธุกรรม และจะมีการตรวจประจำปีเพื่อดูว่ามีสัญญาณบอกโรคหรือไม่ การตรวจเลือดจะเป็นเรื่องล้าสมัย เมื่อเราสามารถใส่นาโนโพรบหรือตัววัดขนาดจิ๋วลงไปในร่างกายเพื่อเก็บข้อมูลได้นานขึ้นและแม่นยำขึ้น
10. การทดลองการเคลื่อนย้ายสสารหรือเทเลพอร์เทชั่น (Teleportation) - ตั้งแต่เปิดใช้เครื่อง Large Hadron Collider (LHC) งานวิจัยเกี่ยวกับอนุภาคฮิกส์ก็มีมากขึ้น จำนวนงานวิจัยที่เพิ่งขึ้นอย่างมากดังกล่าว ทำให้เป็นไปได้ว่าในปี 2025 จะมีการทดสอบควอนตัมเทเลพอร์เทชั่น
ที่มา: //sciencewatch.com/tags/2025