//www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20130226/492092/กรุงเทพฯศูนย์รวมศก.3.5ล้านล้านรับเออีซี.html
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)ของกรุงเทพฯ อาจมีมูลค่าถึง 3.55 ล้านล้านบาทในปี 2555 คิดเป็นสัดส่วน 29% ของจีดีพีทั้งประเทศ สัดส่วนเศรษฐกิจกรุงเทพฯลดลงมากในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จากที่เคยสูง 35% ในปี 2545 เนื่องจากมีการกระจายกิจกรรมบางประเภทออกไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม
ปัจจุบันกรุงเทพเรามีขนาดตลาดหลักทรัพย์อันรุ่งเรืองมีมูลค่ามากกว่า จีดีพี ไปแล้ว มีร้าน 7-11 ที่บริโภคกัน 24 ชั่วโมง... เรานำเข้าพลังงานจากต่างประเทศมาบริโภคปีละ 1.2 ล้านๆบาท มากกว่าผลิตผลทางการเกษตรที่เราผลิตได้ทั้งปี...น่าส่งสัยว่าความเจริญรุ่งเรืองของมหานครแลเมืองใหญ่อันอลังการณ์ของเรา...อาจจะแลกมาด้วยการกอบโกยทรัพยากรต่างๆ จากการทำลายทรัพยากร ดิน-น้ำ-ป่าไม้-ภูเขาและทะเล จนกระทั่งปี 2554 เกิดสัญญาณเตือนภัยอันยิ่งใหญ่จากมหาอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่จนช่วยตัวเองไม่ใด้มาแล้ว แต่พวกเขากลับหลงลืมมันไปแล้ว ...พระเจ้าแห่งธรรมชาติได้ส่งสัญญาณบอกเราว่าประเทศนี้ขาดระบบนิเวศน์ป่าต้นน้ำลำธาร HYDROLOGY INFRASTRUCTURE ทีเหมาะสมกับความเจริญเติบโตของประเทศไปแล้วอย่างถาวร ???
//www.rsunews.net/index.php/news/detail/343
กรุงเทพธุรกิจ / 6 กพ. 55 กระทรวงทรัพยากรฯ สำรวจป่าต้นแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน ท่าจีน ป่าสัก พบพื้นที่ป่าหายไปกว่า 3.7 ล้านไร่ ชี้เกษตรพาณิชย์ ข้าวโพด กะหล่ำ รุกปลูกระดับความสูง 500-1,500 เมตรบนพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ หนักสุดลุ่มน้ำน่าน ปิง และป่าสัก
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้ทำการสำรวจข้อมูลสภาพป่าต้นน้ำในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งถือเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง ท่าจีน และป่าสัก ต้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อสำรวจจากระบบรีโมตเซน พบสภาพที่น่าตกใจว่าสภาพภูเขาในจังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน แพร่ สุโขทัย มีปัญหาการบุกรุกพื้นที่บนเขาตั้งแต่ระดับความสูง 500-1,500 เมตรขึ้นไปเพื่อทำการเกษตรเชิงพาณิชย์ โดยคิดเป็นพื้นที่มากกว่า 3.7 ล้านไร่อยู่ในชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ 1 และชั้นคุณภาพลุ่มน้ำที่ 2
ป่าต้นน้ำน่าน //www.dailynews.co.th/agriculture/149959
ป่าต้นน้ำภูทับเบิก เพชรบูรณ์
ป่าต้นน้ำลำธารบนภูเขาทั้งหลายกลายเป็นทะเลภูเขาหัวโล้นกันมากมายเพราะ ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ทางการเกษตรเพื่อปลูกพืชอายุสั้นทำให้ดินเกิดการพังทะลายอย่างรวดเร็วเมื่อฝนตก และทำการเกษตรเคมีที่ใช้ยาฆ่าหญ้าและยาฆ่าแมลงกันอย่างเมามันเพื่อผลิต ข้าวโพด กะหล่ำปลี ถั่วต่างๆ ให้คนเมืองบริโภคกัน 24 ชั่วโมง ในทีสุดก็อาจพบว่าคนเมืองเจ็บป่วยง่ายขึ้น อายุสั้นลง จากดิน-น้ำทีป่นเปือนสารเคมีโดยไม่ได้ระวังคิดแต่อย่างใด ...ในฤดูหนาวคนเมืองจะพากันไปดูทะเลหมอกสวยงามในภูเขาหัวโล้นทั้งหลาย...โดยไม่ทราบว่านี่คือหายนะของระบบนิเวศน์และทรัพยากรป่าไม้ของประเทศนี้
นี่คือ...พื้นทีการเกษตรสำหรับผลิตอาหารส่งเมืองใหญ่ที่บริโภคกัน24ชั่วโมง ครับ...ลองถามตัวเองดูบ้างว่า...เราคือส่วนหนึ่งของการทำลายล้างระบบนิเวศน์อันสมบูรณ์อย่างแน่นอน...และถึงเวลาที่จะฟื้นฟูมันใหม่โดยไม่จำเป็นต้องกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของใครและหยุดใช้ความรุนแรงทุกชนิด... เราจะสร้างพรุ่งนี้ด้วยกันและสามัคคีประเทศไทย...Going Green Thailand