โรงไฟฟ้าชุมชนขนาด 1 MW มีเงินซื้อวัตถุดิบหญ้าเนเปียร์16 ล้านบาทต่อปี ถ้ามีทั่วไทย 10,000 แห่ง ก็จะเพิ่มรายได้เกษตรกร 160,000ล้านบาทต่อปีหรือ14%ของGDPภาคเกษตร ตลอดไป โรงไฟฟ้าชุมชนขนาด 1 MW ใช้พื้นที่ปลูกหญ้าพลังงาน1,000ไร่ ปลูกครอบครัวละ5ไร่=200 ครอบครัวยั่งยืน ถ้ามี 10,000 แห่ง สามารถช่วยเกษตรกรได้2ล้านครอบครัวหรือ 8 ล้านคน ( เยอรมันมีแล้ว8,500 แห่งทั่วประเทศ) เกษตรกร2ล้านครอบครัว (1ครอบครัวมี4คน)ที่มีรายได้ประจำ งานประจำ ร่วมกับโรงไฟฟ้าชุมชนนี้จะสร้างความเข็มแข็งให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน ถ้าภาคพลังงานไม่ใจดำ อาทิเช่น ปตท. -บางจาก-การไฟฟ้าฝ่ายผลิต-การไฟฟ้าภูมิภาค เจียดเม็ดเงินไปลงทุนทำโรงไฟฟ้าชุมชน biogas-biomass จำนวน 7,000 แห่ง/ตำบล จะก่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้เพิ่มแก่ชาวไร่ ชาวนา จำนวน 200,000 ล้านบาท/ปีหรือ 15%ของGDPภาคเกษตร ตามทฤษฎีตัวทวีและมือที่มองไม่เห็น คนจนจะลดลง ชุมชนแออัดและสลัมในเมืองก็ลดลงเพราะคนไหลกลับไปทำงานที่ชนบท น่าลงทุนไหม ?
GDPภาคเกษตร 11% แต่มีประชากรอาศัยอยู่ในภาคเกษตร 40% ภาวะคนส่วนใหญ่จึงยากจน เว้นแต่มีการเพิ่มการจ้างงานและสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรให้มากขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นความยากจน...เส้นความยากจนประเทศไทยมีดังภาพด้านล่าง
ชาวนาไทย17.6 ล้านคน จำแนกเป็นชาวนายากจนมาก7.7 ล้านคน.... ข้อมูลจาก ดร.อัมมาร สยามวาลา,2555