'จรัมพร'มั่นใจฟองสบู่หุ้นเล็กไม่กระทบศก…นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการ MarketWise กรุงเทพธุรกิจทีวี ในช่วงเช้าของวันนี้ (27 ก.พ.2013) ถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ออกมาแสดงความกังวลฟองสบู่ตลาดหุ้นว่า แม้ขณะนี้จะเริ่มเห็นสัญญาณฟองสบู่ในหุ้นขนาดเล็กแต่ก็เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบโดยรวมกับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากหุ้นขนาดเล็กที่มีการเก็งกำไรคิดเป็นสัดส่วนเพียง 4% ของมูลค่าตลาดรวมเท่านั้น (มีผลสรุปแล้วว่ายานอวกาศชาเลนเจอร์ของนาซ่าอันยอดเยี่ยมนั้นระเบิดกลางอากาศเพราะชิ้นส่วนเล็กๆไม่ทำงาน และภาษิตจีนบอกว่าไฟเล็กๆไม่ยอมดับทิ้งไว้จนเกิดไฟใหญ่ น้ำทั้งแม่น้ำก็ดับไม่ได้-ผู้เขียน)

นายจรัมพร ให้ความเห็นว่า หุ้นที่ P/E สูงๆ ต้องมีกำไรอย่างก้าวกระโดด เพราะฉะนั้นหากมองตามปัจจัยพื้นฐานการที่หุ้น P/E 40 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 24 เป็น 71 ตัว มันเป็นไปไม่ได้

"ช่วงนี้นักลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นเหล่้านี้ต้องมีวิจารณญาณ ถามตัวเองว่า รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนหุ้นตัวนี้โตจริืงหรือไม่ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากราคากลับไปอยู่ในระดับเดียวกับปลายปี2554 มาร์เก็ตแคปจะหายไปกว่า 5 แสนล้านบาทถึงจุดนั้น รายย่อยจะเดือดร้อน"

- See more at://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20130227/492283/news.html#sthash.pVmXEjmD.dpuf

ปี ค.ศ. 1987 หนัง Wall Street ตีแผ่ด้านมืดของตลาดทุนในยุคทศวรรษ1980 ได้อย่างถึงใจ ที่สำคัญ คือ การก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยม ของไมเคิล ดักลาส ในบทกอร์ดอน เก็คโค เจ้าพ่อตลาดหุ้นผู้อื้อฉาว

กอร์ดอน เก็คโค กลับมาอีกครั้ง ในหนังภาคต่อ Wall Street 2 : Money Never Sleeps (เงินอำมหิต) ในปี 2001 กอร์ดอนเก็คโค (ไมเคิล ดักลาส) ที่ถูกต้องโทษคุมขังในคดีโกงหุ้น ฟอกเงินและฉ้อโกงได้ก้าวออกมาจากสถานกักกันของรัฐกลายเป็นคนใหม่ เวลาเพียงไม่นานราชาแห่งวอลสตรีทอย่างเก็คโคมีหนวดรกรุงรัง ผมของเขาที่ไม่มีการเสยขึ้น ไม่มีใครเข้ามาเพื่อพบเจอเขา ไม่มีแม้กระทั่งลูกสาวอย่างวินนีย์ที่เคยบาดหมางกันและไม่มีเพื่อนร่วมงานที่วอลสตรีทเหลือเพียงสักคน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นกำลังยุ่งกับการรับทรัพย์ในช่วงที่เก็คโคไม่อยู่8 ปีหลังจากที่ใช้ชีวิตในห้องขัง ตอนนี้เก็คโค ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและกลายเป็นคนนอกวงการ

หนัง ฉายบรรยากาศของตลาดหุ้นในยุคปัจจุบันที่แตกต่างไปจากเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดวิถีชีวิตผู้คนในตลาดหุ้น ความโลภ ความทะเยอทะยานความกระหายหิวเงินของมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ถัดมาคือภาพความปั่นป่วนของระบบเศรษฐกิจของอเมริกาไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นดิ่งลงต่ำสุดอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภาพผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินและธนาคารชั้นนำประชุมเคร่งเครียดการประกาศล้มละลายของวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่เปรียบเสมือนโดมิโนล้มระเนระนาดส่ง ผลสะเทือนไปทั่วโลกจนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ (จากเรื่องจริงของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ในปัจจุบัน)

แม้ ยุคสมัยจะผ่านไปแต่ความโลภก็ยังเป็นของคู่กับมนุษย์อยู่วันยังค่ำ นั่นคือประเด็นหลักของเรื่อง ตัวอย่างความโลภทำลายชีวิตใครต่อใครพังพินาศมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่กระนั้นคนก็ยังกล้าที่จะเสี่ยงแลกทุกอย่าง กล้าท้าทายความโลภ ด้วยหวังว่าจะเอาชนะและมีชีวิตสุขสบาย...

ฟองสบู่ คือ นิรันด์
เรื่อง นี้สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อไหร่ที่ความโลภเข้าครอบงำตลาด มันชี้นำให้เกิด การแห่กันไปลงทุน แห่กันเข้าไปเก็งกำไร ของนักลงทุน เมื่อนั้นฟองสบู่ก็จะเกิด เริ่มจากพองการบูม จนเกินตัว สุดท้ายก็แตกโพล๊ะ ไม่เหลืออะไร เก๊กโก้เล่าให้    เจคฟัง ถึงเรื่องฟองสบู่ทิวลิป ของพวกดัชท์ สมัยที่ทิวลิปเป็นที่ต้องการทั่วโลก จน มาถึงยุคฟองสบู่ดอทคอม และมาถึงปัจจุบันคือฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา และยังเน้นไปอีกว่าอนาคต พลังงานสะอาดจะกลายเป็นฟองสบู่ตัวใหม่แน่นอน มันสะท้อนให้เห็นความโลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดในทุกยุคทุกสมัย สะท้อนว่าตลาดหุ้นมีวัฏจักร ขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด...ปลอดภัยไว้ก่อนแลไม่ตกอยู่ในความประมาท...ระวังยาพิษที่เคลือบช๊อคโกเล็ตเมื่อความหวานหมดไปพิษมันจะแผ่ส้านทั่วร่างกาย มองหนทางระยะไกลแล้วเรายังมีกิจกรรมอีกหลายสิ่งที่จะต้องทำ นอกจากการลงทุนในตลาดหุ้นหรือ อาจท่องคาถา คุณลุง วอร์เรน บัฟเฟ่ ...เมื่อคนอื่นกลัวท่านจงกล้า เมื่อทุกคนกล้าท่านจงกลัว พระเจ้าคุ้มครองท่านครับ