พาเพื่อนเยือนตรัง
เมื่อวันที่ 16-20 ก.ค. ที่ผ่านมาที่บ้านลงไปเที่ยวภาคใต้ตอนล่างจังหวัดตรัง-สตูล-พัทลุงกันครับ ครั้งนี้น่าจะเป็นทริปภาคใต้ครั้งสุดท้ายจากนั้นก็พักภาคใต้ไปอีกยาวๆแล้วครับ ช่วงสองปีมานี้เก็บภาคใต้เรียบแล้ว
5-10 ธ.ค. 2557 - ชุมพร/สงขลา/ปัตตานี 29 ธ.ค. 57-4 ม.ค. 58 - พังงา/ภูเก็ต/กระบี่/นครศรีธรรมราช/สุราษฎร์ธานี 30 ก.ค.-2 ส.ค. 58 - กระบี่ 16-20 ก.ค. 59 - ตรัง/สตูล/พัทลุง
ครบจังหวัดภาคใต้ ยกเว้นยะลากับนราธิวาสที่ยังไม่คิดเสี่ยงชีวิตลงไปครับ ส่วนปัตตานีของเค้าเยอะ ทั้งวัดช้างไห้ เมืองโบราณยะรัง มัสยิดกรือเซะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มัสยิดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นอดีตเมืองลังกาสุกะ เป็นศูนย์กลางรัฐปัตตานี ฯลฯ อันนี้ไม่ไปไม่ได้กันเลยทีเดียว
ส่วนระนอง.... แวะซื้อซาละเปาทับหลีนับมั้ย?
สำหรับบล็อกนี้จะพาเพื่อนๆเยือนตรังถิ่นคุณ sawkitty โปรโมเตอร์ท่องเที่ยวตรังแห่งบล็อกแก๊งกันก่อน ส่วนอีกสองจังหวัดแยกไปบล็อกต่อๆไปนะครับ พูดถึงจังหวัดตรังนึกถึงอะไรกันบ้างครับ? หมูย่าง, ถ้ำเลเขากอบ, ยางพารา, อดีตนายกชวน, ข้าวตัง ...เดี๋ยวบล็อกนี้จะพาไปชมให้ครบทั้งหมดเลยครับ ยกเว้นข้าวตัง มันไม่เกี่ยวกับเมืองตรัง!
ก่อนอื่นขอนำเสนอภาพระหว่างการเดินทางครับ ลงใต้รอบนี้บ้านเราก็ยังคงขับรถสาย 4 ต่อสาย 41 เช่นเดิม อยากนั่งเครื่องบินดูสักครั้ง แต่เดินทาง 4 คน ยังไงรถยนต์ก็ถูกกว่าครับ เป้าหมายแรกของการเดินทางทริปนี้คืออุทยานราชภักดิ์ที่หัวหิน อันนี้มีเรื่องอยากพูดถึงเย้อแยะ เดี๋ยวจะแยกไปเป็นอีกบล็อกนึงเลยนะครับ
แหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆกันมีสวนสนประดิพัทธ์ หาดสวยที่มีทิวสนสวยงามให้ชม มีโครงกระดูกวาฬบรูด้าด้วยนะ
คืนแรกปักหลักพักผ่อนที่เมืองไชยา จ.สุราษฎร์ธานีครับ ที่นี่มีของดังอยู่สองอย่างคือพระบรมธาตุไชยาและไข่เค็ม ซึ่งลงใต้คราวที่แล้วได้ชิมครบทั้งสองอย่างแล้ว หนนี้เลยไม่ได้แวะเลยครับ แต่ขับบนถนน 4011 เลยจากพระธาตุไชยาและเมืองเก่าไปจนถึงชายทะเลจะเป็น แหลมโพธิ์ ที่มีอาหารทะเลขายมากมาย อันที่จริงเล็งหอยขาวที่มีเพียงที่นี่แห่งเดียว แต่ไม่เจอใครเอามาขายเลยครับ (หรือมันคือตัวที่แม่ค้าบอกว่าเป็นหอยตลับ?) อย่างน้อยวันนี้ก็ได้กินหอยอย่างอื่นหลากหลายประเภทดี
จุดที่มีศาลาคือปลายแหลมโพธิ์ครับ
รูปปั้นมวยไชยาที่สวนสาธารณะแหลมโพธิ์
ตลาดอันแสนคึกคักและมีของกินหลากหลาย
หอยนางรมใหญ่ ตัวละ 25 บาทเท่านั้นเองครับ ไซส์พอๆกับที่ขายในห้างตัวละร้อยนะ
|
อันนี้หอยราก ไม่ได้ซื้อมาลอง แต่คงคล้ายๆหอยหลอด กะเทยไชยาอาจด่ากันว่า "อีหอยราก" แทนอีหอยหลอด
|
หอยกาบเพชรเสียบไม้ย่าง ตัวใหญ่จ้ำม่ำอย่างกับปลาหมึก ไม้ละ 4 ตัว 20 บาท อร่อยครับ ไม่เหนียวเท่าที่คิด
|
หอยกาบเพชร หน้าตาก่อนเสียบไม้เป็นแบบนี้จ้าาาา
| คืนแรกพักที่ Happy House Resort บ้านหลังนึงแบ่งเป็นสองห้อง ห้องละ 500-700 บาท มื้อเย็นก็ขนอาหารที่ซื้อมาจากตลาดแหลมโพธิ์นั่นแหละ มานั่งกินในห้อง มีทั้งหอยกาบเพชร หอยแครง หอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยชักตีน เหมือนผักต้องกินให้ครบห้าสีจะได้วิตามินครบถ้วนนะครับ หอยก็ต้องกินให้ครบห้าประเภท ทุกประเภทมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีชื่อว่าคอเลสเตอรอล
วันท่องเที่ยวบ้านเราจะตื่นตีห้าออกจากที่พักหกโมงเช้าทุกวันเพื่อไปเป้าหมายต่อไป วันทำงานยังไม่ขยันขนาดนี้เลยนะเนี่ย วันที่สองของการเดินทาง (17 ก.ค. 59) เราเดินทางมาถึงตรัง และแวะสถานที่ท่องเที่ยวแรกคือ ถ้ำเลเขากอบ อ.ห้วยยอด ตั้งแต่ 9 โมงตรงครับ เหมาเรือลำละ 300 นั่งได้ 5 คน ไม่รวมคนพายหน้า-หลัง
1 เที่ยวใช้เวลา 45 นาที เรือแต่ละลำจะมีคนพายหน้าเรือ 1 คน หลังเรือพายเรือ+ถือไฟฉาย 1 คน คุณลุงฝีพายหลังเล่าว่าคิวเรือที่นี่เยอะมาก วันนึงพายได้แค่ 1-2 รอบ ค่าจ้างจ่ายให้คนพายรอบละ 80 บาท ที่เหลือเอาไปบำรุงท้องถิ่นครับ
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม ถ้ำที่เปิดให้เข้าตอนนี้มีถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำรากไทร และถ้ำมองเจ้าสาว... เอ้ย! ถ้ำเจ้าสาว แต่มีหินงอกหินย้อยเหมือนกันหมดครับ ไม่ได้มีจุดขายเฉพาะของแต่ละถ้ำอย่างที่ถ้ำลอดแม่ฮ่องสอน (บางถ้ำมีโลงศพ บางถ้ำมีภาพเขียนโบราณ, ฯลฯ)
ขากลับไม่ได้กลับทางเดิมนะครับ แต่จะออกทาง ถ้ำลอด ผ่านจุดที่เรียกว่าท้องมังกร ซึ่งเพดานต่ำกว่าที่คิดมาก ช่วงที่ผมไปเพดานแทบจะสูงจากผิวน้ำไม่ถึงสามฟุต แถมแคบแทบจะพอดีลำเรือ ถึงจะนอนราบแล้วก็มีลุ้นว่าจะไปชนหินหัวแตกเอาที่ก้อนไหนดี? แถมช่วงลอดยาวฉิบหาย (350 เมตร) กะว่าวันนี้ไม่หัวแตกก็เรือติดซอกตาย คนพายนอกจากจะต้องช่วยกันดันเพดานถ้ำเพื่อกดเรือให้ต่ำลงจะได้ลอดผ่านไปได้แล้วยังต้องควบคุมทิศทางหลบซ้าย-ขวา ซึ่งคุณลุงได้คอยตะโกนปลอบขวัญนักท่องเที่ยวตลอดเวลา "ไม่ต้องห่วงครับ ไม่โดนครับๆ" แล้วพวกเราก็รอดมาได้ไม่โดนหินสักก้อนจริงๆ ทุ่มเทพลังกายพลังใจขนาดนี้ 80 บาทไม่พอหรอกครับต้องทิปหนักๆ คราวหน้าลุงไปขอการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย OHSAS 18001 นะครับ นักท่องเที่ยวจะได้มั่นใจ ใครไม่ชอบความหวาดเสียวก่อนลงเรือก็เจรจาขอเขาวนออกทางเดิมไม่ต้องลอดท้องมังกรดูนะครับ
ในภาพนี้ยังไม่แคบนะครับ ช่วงที่แคบจริงๆโงกล้องขึ้นมาถ่ายไม่ได้เลยครับ!
เดินออกมาจากถ้ำเลเขากอบแบบมึนๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ก็ไปเที่ยวจุดต่อไปครับ (แต่ถ้าตายไม่ต้องไปนะครับ)
ถ้ำเขาปินะ เป็นถ้ำอีกแห่งที่มีโถงถ้ำสลับซับซ้อน (ลอกคำบรรยายในหนังสือมา) ไม่ค่อยเจอรูปสวยๆในเว็บเท่าไหร่ แต่เห็นว่าอยู่ใกล้ถ้ำเลเขากอบเลยแวะไปดูสักหน่อย ขออนุญาตพระที่วัดด้านล่างแล้วขึ้นไปบนถ้ำ แต่โซนลึกๆไม่ได้เปิดไฟให้ พระในถ้ำไม่ได้เก่าแก่มากมายอะไรแถมมืดตึ๊ดตื๋อแบบนี้กลับดีกว่าจ้า
ภาคใต้เล่นวัวชนกันมาก เขาจะไม่ได้ถูกตัดทู่เหมือนวัวภาคอื่นๆนะครับ มีตลาดนัดวัวควายซื้อขายวัวกันตัวละหลายหมื่นครับ | | ขับรถลงมาฝั่งตะวันออกของตัวเมืองตรัง ที่ อ.นาโยงมี ถ้ำเขาช้างหาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่ง ตำนานเล่าว่าลูกช้างในขบวนช้างของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชวิ่งเข้ามาในถ้ำแล้วหายตัวไป เป็นที่มาของชื่อถ้ำนี้เองจ้า ไปถึงแล้วแจ้งคนหน้าถ้ำเขาจะนำทางเข้าไปให้ ที่นี่มีถ้ำย่อยๆหลายแห่ง แต่ได้ไปแค่ถ้ำแม่เฒ่าคล้ายที่เป็นโถงถ้ำธรรมดาๆ ชื่อถ้ำมาจากแม่เฒ่าที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำนี้เมื่อ 80 ปีก่อนครับ ส่วนถ้ำอื่นเหมือนจะปิดเพราะน้ำขึ้นท่วม
สำหรับประวัติศาสตร์เมืองตรังคงไม่เล่ายืดยาวนะครับ ตรังเป็น 1 ใน 12 เมืองนักษัตรบริวารของเมืองนครศรีธรรมราช พี่ใหญ่แห่งภาคใต้ในช่วงยุคสุโขทัย ประวัติศาสตร์ก็เคียงคู่นครศรีธรรมราชนั่นละครับ โดยเมืองตรังเป็นนักษัตรมะเมีย (ม้า) บุคคลในประวัติศาสตร์ผู้ที่มีคุณูปการที่ชาวเมืองตรังให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากคือพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้รับมอบหมายจาก ร.5 ให้มาปรับปรุงเมืองตรัง ซึ่งเดิมตั้งอยู่ที่ ต.ควนธานี พระยารัษฎาได้ย้ายไปอยู่ที่กันตังและพัฒนาเป็นศูนย์กลางการค้าขายจนกระทั่งเจริญรุ่งเรือง จากนั้นในสมัย ร.6 เห็นว่ากันตังขยายเมืองลำบาก ก็ย้ายศูนย์กลางตรังมาอยู่ที่ ต.ทับเที่ยง ซึ่งเป็นตำแหน่งเมืองตรังในปัจจุบัน
ก่อนเที่ยวตัวเมืองตรังตีรถลงทางใต้ไป อ.กันตังก่อนครับ เนื่องจากอำเภอนี้เคยเป็นศูนย์กลางเมืองตรังมาก่อน ดังนั้นจึงมีสถานที่สำคัญในช่วงก่อร่างสร้างเมืองมาก ทั้งบ้านพระยารัษฎา สถานีรถไฟเก่า ยางพาราต้นแรกของประเทศไทย แถมโซนตึกเก่าจะโบร่ำโบราณกว่าใน อ.เมืองตรังนะครับ
องค์นี้คือพระพุทธรูปหินอ่อนที่พระยารัษฎาอัญเชิญมาจากพม่า มาประดิษฐานที่โบสถ์หลังเก่าของ วัดตรังคภูมิพุทธาวาส ตอนที่ไปประตูโบสถ์ปิด ต้องขอให้เด็กวัดไปช่วยเปิดให้เข้าไปครับ
ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับวัดตรังคภูมิมี ต้นยางพาราต้นแรกของประเทศไทย เดิมทียางพารามีอยู่ในประเทศบราซิล แต่อังกฤษได้นำออกมาเพาะปลูกในเอเชียอาคเนย์ที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษเมื่อร้อยกว่าปีก่อน และหลานของพระยารัษฎาได้นำต้นยางพาราจากอินโดนีเซียมาปลูกลงแปลงแรกบนพื้นที่ 45 ไร่ ก่อนขยายไปเพาะปลูกในพื้นที่อื่นๆของภาคใต้ สวนแห่งแรกก็ปิดตัวลง และเหลือยางพาราดั้งเดิมไว้หนึ่งต้นเป็นที่ระลึก ต้นที่เห็นนี่อายุ 115 ปีแล้วครับ
สถานที่ท่องเที่ยวเด็ดอีกแห่งของกันตังต้องที่นี่เลยครับ บ้านพระยารัษฎาฯ ผู้ทำให้เมืองตรังมีทุกวันนี้ เป็นบ้านพักของพระยารัษฎาช่วงที่มาเป็นผู้ว่าราชการเมืองตรัง และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยพยายามคงสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด เดินชมแล้วให้บรรยากาศบ้านอากงอาม่าของเรามาก นอกจากข้าวของเครื่องใช้เก่าแล้ว ยังมีภาพเหตุการณ์สำคัญในยุคของพระยารัษฎามากมาย
จากบ้านพระยารัษฎาลงใต้มาจนสุดตัวอำเภอจะเป็นโซนเมืองเก่ากันตัง นี่คือเมืองตรังที่พระยารัษฎาสร้างเป็นศูนย์กลางการค้าขายจนเจริญรุ่งเรืองก่อน ร.6 จะย้ายเมืองตรังไปอยู่ที่ปัจจุบัน ไฮไลต์คือ สถานีรถไฟกันตัง ที่คงลักษณะดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี เดิมทีเส้นทางรถไฟสายใต้จากทุ่งสงมาสิ้นสุดที่กันตังเพื่อส่งต่อสินค้าลงท่าเรือออกทะเลอันดามัน แต่หลังเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้าเส้นทางนี้ก็ถูกเลิกใช้งานครับ อย่ากระนั้นเลย จงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับผู้รักความวินเทจเสียเถอะ
มีโซนตึกเก่ากระจายตัวอยู่หลายถนนนะครับ อันนี้โซนตึกเก่า ถ.รัษฎา ติดแม่น้ำตรังที่เป็นทางออกทะเล แต่ก็มีตึกใหม่ผุดขึ้นเยอะแล้ว
ตีกลับเข้าตัวเมือง ก่อนถึงตัวเมืองจะมี ศาลหลักเมืองตรัง เก่าแก่ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ครั้งที่ศูนย์กลางเมืองตรังยังอยู่ที่ ต.ควนธานี (ตรงนี้) ก่อนพระยารัษฎาจะย้ายศูนย์กลางไปที่กันตัง และย้ายอีกทีไปอยู่ที่ ต.ทับเที่ยง อ.เมืองปัจจุบัน
เพิ่งจะบ่ายสอง โปรแกรมเที่ยวตรังเสร็จเร็วเกินคาดครับ เหลือที่แพลนไว้ก็แค่บ้านอดีตนายกชวนในตัวเมือง เวลาเหลือน้องชายก็เลยพาเถลไถลไปเที่ยวหาดกันดีกว่า มาจังหวัดภาคใต้ยังไงก็ต้องไปดูทะเลของจังหวัดนั้นไว้เสียหน่อยครับ (ท่าเรือขนสินค้าตรงกันตังนั่นไม่นับ) ว่าแล้วก็ตีรถออกตะวันตกดิ่งเข้าหาดปากเมง-หาดราชมงคล มี พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคล ที่น่าสนใจครับ ค่าเข้า 50 บาท มีทั้งปลาเป็นๆและปลาสตัฟให้ดูเยอะกว่าที่คิด ที่น่าจำก็มีปลากะรังหัวโขน ปลาไหลมอเรย์ ปลากระจก ปลาอัลลิเกเตอร์การ์ ปลาอโรวาน่า ปลาช่อนลุยสวน ปลาทับทิมสามรส และต้มยำปลาคัง ....ผมว่าได้เวลาหาข้าวเย็นแล้วหละ แต่ขอเที่ยวให้สุดก่อน
อันนี้ หาดราชมงคล ครับ เดินเท้าจากตัวพิพิธภัณฑ์ได้เลย ทรายละเอียด มีแนวสนร่มรื่นสวยงาม
ขับรถออกมาทางใต้จะมี หาดปากเมง หาดท่องเที่ยวชื่อดังของตรัง แต่ผมว่าหาดราชมงคลข้างบนสวยกว่าแฮะ
กลับเข้ามาตัวเมือง กลางเมืองมีสวนสาธารณะและ อนุสาวรีย์พระยารัษฎาฯ เป็นแลนด์มาร์คของเมือง มาถึงตรังแล้วต้องไปชมสักหน่อยครับ เสียดายถ้ามาช่วงหน้าหนาวจะเห็นดอกศรีตรังบานสวยงามม่วงไปทั้งสวนเลยทีเดียว
บ้านอดีตนายกชวน หลีกภัย อยู่ ถ.วิเศษกุล ฝั่งตรงข้าม รร.สภาราชินี สังเกตว่าเป็นบ้านที่ดูเป็นป่าๆ และเปิดประตูไว้ตลอดเวลาน่ะครับ บ้านนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้ตลอดเวลาครับ สมัยก่อนแม่ถ้วนจะออกมารับแขก แต่แม่ถ้วนเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้คนเฝ้าบ้านที่ออกมารับแขกหลักๆก็คือคุณระลึก หลีกภัย น้องชายชวน ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ชวนไปชมหลังบ้านและชวนกินกาแฟด้วย
เข้าพักก่อน เดี๋ยวค่อยออกมาหากินตอนกลางคืน เห้ย! เดี๋ยวค่อยมาเดินถนนคนเดินตอนกลางคืนต่างหาก วันนี้พักที่อพาร์ทเมนท์อยู่สบายครับ ราคาก็สบายๆ ห้องละ 500.- คุณภาพไม่ขี้เหร่ครับ เจ้าของก็รับแขกเป็นอย่างดี เพียงแต่บางห้องแจ็คพ็อตไม่มีตู้เย็น และไม่มีที่จอดรถจ้า จอดข้างหน้าทางเข้าที่พักนี่แหละ
GPS: N7.553483 E99.608433
กินข้าวเสร็จก็แล้ว รอมืดก็แล้ว ได้เวลาเที่ยวกลางคืนละครับ หอนาฬิกาเมืองตรังยามค่ำคืนก็แสงสีสวยดี ดีกว่าไม่ไกลจากที่พักด้วย
ตรังยามค่ำคืนคึกคักด้วยร้านอาหารหลากหลาย ใครๆก็แนะนำว่ามาตรังต้องมากินนะครับ เสียดายที่มนุษย์ปกติกินได้แค่มื้อละร้าน ถ้าสุ่มเจอร้านห่วยก็ต้องรออีกครึ่งวัน ถึงจะมีโอกาสแก้มือมื้อต่อไป
ตุ๊กตุ๊กหัวกบเป็นพาหนะเอกลักษณ์ของเมืองตรัง เช่นเดียวกับที่เชียงใหม่มีรถแดง (แต่อันนั้นไม่ค่อยน่าภูมิใจเพราะมันมาเฟีย) เป็นรถไดฮัตสุที่นำเข้ามาโมโดยฝีมือคนไทยเมื่อหลายสิบปีที่แล้วครับ สมัยก่อนวิ่งอยู่หลายจังหวัดในภาคใต้ แต่ค่อยๆล้มหายตายจากจนเหลือให้ชมที่ตรังอย่างเดียวแล้วจ้าาาา
กลับมาซอยที่พักแล้วไปต่ออีกหน่อยจะมี ถนนคนเดิน หน้าสถานีรถไฟตรัง ไม่ค่อยมีสินค้าแฮนด์เมดแบบถนนคนเดินหลายแห่งครับ เน้นของกิน โชคดีที่เดินได้สุดถนนแล้วฝนค่อยตก ได้โรตีกลับมากินที่ห้องอันนึง
เช้าวันที่สาม (18 ก.ค. 59) ตระเวนหาติ่มซำกินครับ ไปตะลอนหาแถวถนนกันตัง เจอร้านต้นนุ่น ติ่มซำยังเตรียมไม่เสร็จ แต่โจ๊กมื้อนี้ก็อร่อยดี ส่วนที่เห็นเยอะๆ ทั้งไส้กรอก ไข่ดาว ปาท่องโก๋ หมูย่างเมืองตรัง ฯลฯ อันนี้เซ็ต default ครับ วางทุกโต๊ะอยู่แล้ว ไม่กินก็ไม่ต้องจ่ายน่อ
| | บ้านผมไม่ค่อยชอบอาหารยอดฮิตอย่างหมูย่างเมืองตรังเท่าไหร่ แต่ร้านนี้นับว่าอร่อยที่สุดเท่าที่กินมา 3-4 ร้านในช่วงปีนี้นะครับ รสออกหวานนิดๆ หนังกรอบดี ส่วนเจ้าดังในตลาดท่ากลางไม่ได้แวะไปซื้อจ้า ก็ไม่ใช่หมูย่างเมืองตรังแฟนคลับนี่นะ | สิ่งดีงามอีกอย่างของร้านนี้คือมีแมวที่น่ารักที่สุดในทริปนี้ ดูขนหางฟูๆอันนั้นสิ! | อันนี้ขับรถผ่านเฉยๆ โบสถ์คริสต์ตรัง สร้างปี พ.ศ.2458 ณ ปีนี้ก็ 101 ปีแล้วครับ
บริเวณหอนาฬิกาจนถึง ถ.กันตัง มีตึกเก่ากระจายตัวอยู่ เดินถ่ายรูปแบบเพลินๆได้ ว่าแล้วก็แวะชมบรรยากาศ ตลาดท่ากลาง เสียหน่อย ดูของกินด้วย ดูตึกเก่าด้วย
ไปถึงตลาดตอน 7.00 น. ดีว่าตลาดยังไม่วายนะครับ ในหนังสือเที่ยวบอกให้มาก่อนหกโมงคนท้องถิ่นจะออกมาจับจ่ายซื้อของสดกันตั้งแต่เช้ามืด แต่วิถีชีวิตคนคงเปลี่ยนไปเยอะแล้ว
เนื้อเรื่องเมืองตรังจบแล้วจ้า หนนี้ไปกับที่บ้านเลยไม่มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนคุณสาว แต่ก็ได้คำแนะนำที่มีประโยชน์ผ่านไลน์ตลอดหนึ่งวันที่อยู่ในตรัง
เสร็จกิจจากตรังก็ขอลาลงใต้ต่อแล้วครับผม เดี๋ยวบล็อกหน้าพาไปเที่ยวสตูลต่อครับ
Create Date : 28 กรกฎาคม 2559 |
|
90 comments |
Last Update : 5 มีนาคม 2560 19:00:38 น. |
Counter : 4301 Pageviews. |
|
|
|