INDIA 2009 ตอนที่ 7...ลุมพินีวัน - วัดไทยลุมพินี
วันที่หกของการเดินทาง 10 ก.พ. 2552/1
05.30 น. ถวายภัตตาหารเช้า และรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางจากวัดไทยกุสินาราฯ สู่ลุมพินี ประเทศเนปาล ระยะทาง 170 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม. ก่อนถึงชายแดน ได้แวะเยี่ยมชมพร้อมใช้บริการห้องสุขา ณ พุทธวิหารสาวโนทยาน 960 หรือที่มีฉายาว่า แดนสุขาวดี ที่ปลดทุกข์เห็นสุขทันตา ในความดูแลของวัดไทยกุสินาราฯ คนไทยส่วนมากจะเรียกกันสั้น ๆ ว่า 960 ซึ่งเรื่องราวความเป็นมาของ 960 นั้น ปอ ป้า จะนำมาเล่าในครั้งต่อไป เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะต้องใช้เวลาในการเดินทางกว่า 9 ช.ม. จึงไม่มีกิจกรรมอะไรที่จะมาเล่า เพราะเวลาส่วนใหญ่คือการนั่งอยู่ในรถ...
ป้ายนี้บอกว่า มาถึงแล้ว...ประเทศเนปาล
ที่ทำการ ต.ม. และ ตรวจสอบกระเป๋าเดินทาง
ความสับสน วุ่นวาย ที่ชายแดนอินเดีย-เนปาล
มีธนาคาร ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย...
ลุมพินีวัน สวนลุมพินีวัน คือ สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า อยู่ในตำบล ลุมมินเด ก่อนนั้นยังอยู่ในเขตอินเดีย ครั้นเมื่อแบ่งปันเขตแดนหลังสงครามปี พ.ศ. 2493 ลุมพินีวัน ก็ตกอยู่ในเขตปกครองของประเทศเนปาล
ตามพุทธประวัติกล่าวว่า คราวเมื่อพระนางสิริมหามายาได้ทรงอภิเษกกับพระเจ้าสุทโธทนะแล้ว คืนหนึ่งพระนางทรงพระสุบินนิมิตว่า มีท้าวมหาพรหมทั้งสี่มายกแท่นบรรทมของพระนางไปวางลงไว้ภายใต้ต้นสาละใหญ่ ณ ป่าหิมพานต์ เหล่าเทพธิดาพากันนำพระนางไปสรงสนานในสระอโนดาตซึ่งอยู่ข้าง ๆ ต้นสาละนั้น เพื่อชำระล้างมลทิน ขณะนั้นมีลูกช้างเผือกเชือกหนึ่งถือดอกบัวขาวลงมาจากภูเขา ร้องเสียงลั่น เข้ามาทำประทักษิณสามรอบ แล้วเข้าสู่อุทรทางเบื้องขวาของพระนาง นับแต่นั้นมา พระนางก็เริ่มทรงพระครรภ์ เมื่อพระครรภ์ของพระนางแก่จวนครบทศมาส ( 10 เดือน ) ตามธรรมเนียมของคนอินเดียสมัยนั้น มีความเชื่อว่าฝ่ายหญิงจะต้องเดินทางไปอยู่คลอดบุตรที่บ้านพ่อแม่ของตน พระนางมายาเทวีจึงเสด็จไปพระราชวังเดิมของกษัตริย์โกลิยะ พระราชบิดาของพระนางที่เมืองเทวทหะนคร อยู่ไม่ไกลจากกรุงกบิลพัสดุ์เท่าใดนัก
ชาวเนปาล ที่ประกอบอาชีพอยู่บริเวณชายแดนเนปาล-อินเดีย
ลุมพินีตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์ กับ กรุงเทวทหะนคร เมื่อขบวนยาตราไปได้ประมาณ 20 ก.ม. จากกบิลพัสด์ถึงป่าลุมพินี พระนางสิริมหามายาทางประชวรพระครรภ์จะประสูติ โปรดให้หยุดขบวนประทับใต้ต้นสาละ ทรงยืนเหนี่ยวกิ่งสาละ ณ วันวิสาขปุรณี ดิถีเพ็ญเดือน 6 แห่งปีก่อนพุทธศก 80 เวลาสายใกล้เที่ย่ง เจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารก็ได้ประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา ทรงเพียบพร้อมด้วยมหาปุริสลักขณะ 32 ประการครบบริบูรณ์ อันเป็นลักษณะแห่งองค์พุทธางกูรโดยเฉพาะ และก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่พระองค์เมื่อได้เสด็จออกจากพระครรภ์แล้ว ทรงแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ ก้าวพระบาทออกไปได้ 7 ก้าว เป็นบุพพนิมิตหมายว่า พระองค์จะทรงประกาศรัศมีแห่งธรรมของพระองค์ไปใน 7 ชนบทน้อยใหญ่ของอินเดียในสมัยนั้น พระองค์ประสูติบริสุทธิ์ ไม่เปรอะเปื้อนพระองค์ด้วยครรภ์มลทิน มีหมู่เทพยดามาคอยรับก่อน มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นพร้อมที่จะสรงสนานพระวรกาย
จากถนนใหญ่ ต้องนั่งรถสามล้อถีบเข้าไปยังลุมพินีวัน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
แล้วก็ถึงทางเข้าลุมพินีวัน...เสียที ซึ่งจดทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อยแล้ว
ป้ายบอกเรื่องราวการค้นพบสถานที่ประสูติ
สิริมหามายาวิหาร มีสระโบกขรณีอยู่ด้านหน้า..ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 2005 สำหรับปีนี้ พื้นที่ด้านหน้าโดนจับจองโดยขณะอื่นไปแล้ว พวกเราก็เลยต้องไปใช้สถานที่ด้านหลังสิริมหามายาวิหาร..แทน จะเห็นว่าปีนี้สีของอาคารมหาวิหารเปลี่ยนไป
สิริมหามายาวิหาร มองเห็นเสาพระเจ้าอโศกอยู่ด้านข้าง ภาพนี้ถ่ายจากด้านหลังมหาวิหาร คือที่ที่พวกเรานั่งสวดมนต์กันในปีนี้
เสาพระเจ้าอโศก มีอักษรจาลึกบอกเรื่องราวในอดีต
สำหรับการประสูติ พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าให้พระอานนท์ฟังภายหลังว่า ดูก่อนอานนท์ หญิงอื่น ๆ ย่อมนั่งคลอดบ้าง นอนคลอดบ้าง ส่วนมารดาแห่งพระโพธิสัตว์หาเป็นอย่างนั้นไม่ มารดาแห่งโพธิสัตว์ย่อมยืนคลอดพระโพธิสัตว์ ในกาลใด พระโพธิสัตว์ออกมาจากครรภ์แห่งมารดา ยังไม่ทันถึงแผ่นดิน เทพบุตรทั้ง 4 ย่อมเข้ารับก่อน และนำมาวางตรงหน้าพระมารดา ทูลว่า พระแม่เจ้าจงพอพระทัยเถิด บุตรอันมีศักดาใหญ่ของพระแม่เจ้าได้ประสูติแล้ว
ดูก่อนอานนท์ ในกาลใดพระโพธิสัตว์ออกมาจากครรภ์แห่งมารดา ในกาลนั้น เป็นผู้สะอาดหมดจด ไม่เปื้อนด้วยเมือก ไม่เปื้อนด้วยเสมหะ ไม่เปื้อนด้วยเลือด ด้วยหนอง ของไม่สะอาดอย่างใด ๆ เป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์ เหมือนแก้วมณีที่วางอยู่บนผ้าเนื้อเกลี้ยงอันมาแต่แคว้นกาสี แก้วก็ไม่เปื้อนผ้า ผ้าก็ไม่เปื้อนแก้ว เพราะเป็นของสะอาดหมดจดทั้งสองแห่ง
ดูก่อนอานนท์ โพธิสัตว์คลอดแล้วเช่นนี้ เหยียบพื้นดินด้วยฝ่าเท้าอันสม่ำเสมอ ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ก้าวไปเจ็ดก้าว มีฉัตรขาวกั้นอยู่เบื้องบน ย่อมเหลียวดูทิศทั้งหลาย และทรงเปล่งวาจาประกาศความสูงสุดว่า"
อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ เชฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ เสฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ อะยะมันติมา เม ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ ฯ
เราเป็นผู้เลิศแห่งโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดแห่งโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุด การเกิดของเรานี้เป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ต่อไป..ไม่มี
ซึ่งพระวาจาที่เปล่งนี้ เรียกว่า พระอภิสวาจา พระเถระผู้ใหญ่หลาย ๆ องค์ ได้บอกปอ ป้า ว่า พระอภิสวาจานี้ถือเป็นคาถาเปิดโอษฐ์ ตื่นเช้ามาให้กล่าวคาถานี้ก่อนคำพูดใด ๆ ยึดถือเป็นมงคลอันสูงสุดประจำใจ จะทำการสิ่งใดย่อมมีสติ มีปัญญา และสำเร็จสมความปรารถนาตามส่วนที่ควรได้รับ... อันนี้ก็อยู่ที่ความเชื่อถือของแต่ละคน..นะคะ แต่ส่วนตัวของปอ ป้า นั้น ชอบมากที่สุดตรงนี้ค่ะ ภพใหม่ต่อไป...ไม่มี ทุกวันนี้ก็เลยพยายามปฏิบัติเพื่อที่จะได้ไม่มีภพใหม่ ซึ่งเป็นยอดปรารถนาสูงสุดของตัวเอง...
ภายในสิริมหามายาวิหาร มีซากวัตถุโบราณคดีที่ขุดค้นพบมากมาย
ภาพหินสลัก การมีพระประสูติกาลของพระนางสิริมหามายา
รอยพระบาทของเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร ประทับอยู่ในแผ่นหิน ขุดพบพร้อมกับโบราณวัตถุอื่น ๆ ในบริเวณนี้ สันนิษฐานว่า เป็นพระบาทจำลองที่สร้างขึ้นมาภายหลัง
ณ ที่ลุมพินีวันสถาน คณะของเราได้ปูเสื่อทิ้งระยะห่างจากบริเวณเสาพระเจ้าอโศก และมายาเทวีวิหารพอสมควร โดยพระวิทยากรท่านว่า ให้นั่งมองไปยังสถานที่พระพุทธองค์ได้ทรงประสูติ พิจารณาถึงความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป อันเป็นวัฏะที่น่ารังเกียจ สมควรดับให้หมดสิ้นไม่เหลือเชื้อ เฉกเช่นเดียวกับที่พระพุทธองค์ได้ทรงกระทำสำเร็จแล้ว...นั่งสวดมนต์ ปฏิบัติภาวนา ถวายเป็นพุทธบูชา จนพระอาทิตย์อัสดง จึงได้ทยอยกันขึ้นรถเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยัง วัดไทยลุมพินี ที่ท่านเจ้าคุณ พระราชรัตนรังสี รอรับคณะของพวกเราอยู่
ภิกษุณีเนปาล มาสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา
ชาวบ้านมาก่อไฟที่ใกล้ ๆ รถของพวกเรา ทำอาหารรับประทานกันอย่างง่าย ๆ
ลาจากมายามหาวิหารเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า
ถึงวัดไทยลุมพินี เมื่ออาทิตย์แสงสุดท้ายลับขอบฟ้าเนปาลพอดี ได้รับการต้อนรับจากท่านเจ้าคุณฯ อย่างอบอุ่น สนทนาธรรม ทานหมี่ผัดที่อร่อยที่สุดในโลก อร่อยเพราะรสชาติของอาหาร อร่อยเพราะรสพระธรรมที่ซึมแทรกไปทุกอณูจิต อร่อยด้วยความเมตตาที่ท่านเจ้าคุณฯ แผ่มายังพวกเราทุกคน...จากนั้น ร่วมกันถวายผ้าป่า รับพรด้วยความเต็มตื้นแห่งหัวใจ จนเวลาล่วงเลยมาถึง 3 ทุ่มกว่าแล้ว จึงได้อำลาท่านเจ้าคุณฯ เดินทางสู่ที่พัก โรงแรมนิรวาน
พระอุโบสถ วัดไทยลุมพินี ภาพนี้ถ่ายไว้เมื่อปี 2005 เวลาตอนนั้นยังไม่มืด แต่ปีนี้มาถึงวัดเป็นเวลาค่ำแล้ว ภาพที่ถ่ายออกมาเลยไม่สวย ปอ ป้า เลยเอาภาพเก่ามาให้ดู จะให้เห็นถึงความสวยงามอย่างเต็มตา..
วัดไทยลุมพินี ปีนี้...ในเวลาพลบค่ำ
เมื่อเดินเข้าประตูวัดมา จะได้พบกับสวนสวยน่ารัก..อย่างนี้
หลวงตาชงภ์ พระวิทยากรและพระผู้ช่วย นั่งดูพวกเราหม่ำหมี่ผัดกันอย่างเอร็ดอร่อย...ที่โรงครัว ท่านพูดติดตลกว่า " เอ้า..กินกันเข้าไปตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ..อาตมาดมได้.."
พระพุทธรูปหยก..จำลองจากพระแก้วมรกตที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพฯ ประดิษฐานอยู่ในบุษบกพระราชทาน ซึ่งทำแบบเดียวกับบุษบกของพระแก้วมรกตเช่นกัน
พระพุทธรูปหยกนี้ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ วัดไทยลุมพินี
ท่านเจ้าคุณ พระราชรัตนรังสี กำลังเล่าถึงการหล่อ Baby Buddha ใน version ใหม่
Baby Buddha องค์นี้เป็นของเก่าดั้งเดิมที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ใต้ถุนพระอุโบสถ
Baby Buddha เหล่านี้ เป็น version เก่า
สวนผักขนาดย่อมหน้าโรงครัว...พระภิกษุช่วยกันปลูกไว้รับประทาน
แปลงที่โตแล้ว บางหน่อใหญ่กว่าหน้าปอ ป้า...ซะอีก..
ส่วนแปลงนี้...ยังเดะ เดะ อยู่....
ดอกไม้สวย..ก็มีให้ชม
Create Date : 27 เมษายน 2552 |
|
54 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 22:58:05 น. |
Counter : 4952 Pageviews. |
|
|
|
เจิมนะคะคุณป้าขา...