ไปเที่ยวอุทยานฯ ศรีเทพกันต่อ..ค่ะ
หลังจากเยี่ยมชมห้องจัดนิทรรศการแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังโบราณสถานจุดแรก คือแหล่งขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งหนังสือของกรมศิลปากรเขาบันทึกไว้อย่างนี้...ค่ะ
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ได้ขุดแต่งโบราณสถายหมายเลข ๐๙๗๑ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินดินขนาดย่อมแห่งหนึ่งภายในเขตเมืองใน ในขณะเดียวกันก็ได้ขุดค้นทางโบราณคดีบนเนินดินห่างจากตัวโบราณสถานมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เล็กน้อย (ปัจจุบันคือ บริเวณอาคารคลุมหลุมขุดค้น) หลังจากขุดลงไปได้ประมาณ ๑ เมตร ได้พบโครงกระดูกช้างขนาดความยาวประมาณ ๓.๗๕ เมตร ลักษณะนอนตะแคงซ้าย หันศีรษะไปทางทิศเหนือ กระดูกขาหน้าของช้างทับซ้อนไขว้กันอยู่ ส่วนขาหลังเหยียดตรง สภาพของโครงกระดูกค่อนข้างสมบูรณ์ โดยมีกลุ่มภาชนะดินเผาที่เกือบสมบูรณ์ ๓ กลุ่ม อยู่ทางด้านเหนือของกะโหลกศีรษะ รวมทั้งได้พบชิ้นส่วนหินบดอยู่ในบริเวณเดียวกัน สูงขึ้นมาจากโครงกระดูกช้างในระดับใต้ผิวดินเล็กน้อยพบแนวกำแพงก่อด้วยศิลาแลงลักษณะคล้ายล้อมหลุมที่ฝังโครงกระดูกช้างไว้ ระดับที่พบโครงกระดูกช้างนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับฐานโบราณสถานชั้นล่างสุด จึงน่าจะเป็นของร่วมสมัยกันและเกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง
และเมื่อขุดค้นในระดับที่ลึกลงไปอีกจากชั้นดินที่พบโครงกระดูกช้าง ได้พบโครงกระดูกมนุษย์จำนวน ๕ โครง อยู่ในชั้นดินระดับลึกลงไปจากผิวดินราว ๔ เมตร โครงกระดูกที่สมบูรณ์ ๑ โครงเป็นเพศหญิง นอนหงายศีรษะไปทางทิศเหนือ ที่แขนซ้ายบริเวณข้อศอกมีกำไลสำริดสวมอยู่ ในมือซ้ายถือเครื่องมือเหล็กปลายแหลมยาวประมาณ ๕๐ ซ.ม. ที่คอมีเครื่องประดับทำจากแร่คาร์นีเลียนสีส้ม ความยาวของโครงกระดูกจากศีรษะถึงปลายเท้าประมาณ ๑๘๐ ซ.ม. และพบลูกปัดดินเผากระจายอยู่ทั่วไป
โครงกระดูกอีก ๒ โครง อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ โครงหนึ่งอยู่ทางขวามือของโครงแรก หันศีรษะไปทางทิศเหนือแต่ไม่พบกะโหลกศีรษะ ในมือซ้ายมีเครื่องมือเหล็กปลายแหลมเช่นเดียวกัน ที่ปลายเท้ามีภาชนะดินเผาวางอยู่ พบลูกปัดดินเผากระจายอยู่บริเวณโครงกระดูก
ภาพถ่ายเมื่อครั้งที่มีการขุดค้นพบโครงกระดูกต่าง ๆ
นี่เป็นโครงกระดูกส่วนหัวช้าง...ค่ะ
อีกโครงหนึ่งอยู่ทางซ้ายของโครงแรก เป็นโครงเล็ก พบเฉพาะส่วนตั้งแต่เหนือเอวขึ้นมา น่าจะเป็นโครงกระดูกของเด็ก ที่เหนือศีรษะมีภาชนะดินเผาขนาดใหญ่ฝังรวมอยู่ นอกจากนี้ ยังพบลูกปัดดินเผากระจายอยู่โดยรอบ
โครงกระดูกอีก ๒ โครง อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ฝังอยู่บริเวณระหว่างท่อนกระดูกขาในระดับตื้นกว่าโครงกระดูกแรกเล็กน้อย มีลักษณะเป็นการฝังศพครั้งที่สอง คือนำกระดูกที่ได้เคยฝังแล้วครั้งหนึ่งมารวบรวมใส่ในภาชนะดินเผาแล้วนำมาฝังใหม่ โดยใส่กำไลสำริดและลูกปัดลงในภาชนะก่อนนำไปฝังด้วย โครงกระดูกเหล่านี้สามารถกำหนดอายุได้ว่ามีอายุอยู่ในราว ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว
หลักฐานทางโบราณคดีที่พบในหลุดขุดค้นแห่งนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการชุมชนของเมืองศรีเทพที่เติบโตมาจากชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย เมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปีที่แล้ว และมีความสืบเนื่องต่อมาจนกระทั่งถึงสมัยที่มีการก่อตั้งเมืองและรับเอาอารยธรรมความเจริญจากภายนอกตามกระแสความเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย โดยปรากฏหลักฐานการฝังศพของคนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย และหลักฐานในชั้นดินที่แสดงถึงการอยู่อาศัยสืบเนื่องมาจนกระทั่งมีการก่อสร้างโบราณสถานแบบทวารวดี คือโบราณสถานหมายเลข ๐๙๗๑ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้ และสืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงสมัยที่เมืองศรีเทพรับอิทธิพลวัฒนธรรมเขมรโบราณสถานแห่งนี้ก็ได้ถูกดัดแปลงเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู
วันที่เข้าไปเที่ยวอุทยานฯ ศรีเทพ บรรยากาศเงียบเหงามาก มีเพียงพวกเรา ๓ เกลอ กับครอบครัว
เล็ก ๆ อีก ๓ พ่อ-แม่-ลูก เท่านั้น เห็นแล้วก็สงสาร...ไม่รู้ว่าจะสงสารอะไร สงสารใครดี เอาเป็นว่า อยากเชิญชวนพี่น้องชาวไทยช่วยกันท่องเที่ยวเมืองไทย ท่องเที่ยวโบราณสถานกันเยอะ ๆ หน่อย..นะคะ ประเทศชาติจะได้คึกคัก ปาจิงโกะ โอ๊ะ..โอ๊ะ...เย่
ขอบคุณ ข้อมูลจากหนังสือนำชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
เพลง นางครวญ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ
เมื่อคนโง่มีปัญญาทราม ทำกรรมชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก
เขาเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้
มีความสุขในทุกอิริยาบถของชีวิต ตลอดไป..นะคะ
เดี๋ยวปอป้าต้องไปอ้าปากให้คุณหมอทำฟันชุดใหม่
ไปเยี่ยมเพื่อน ๆ ไม่ทั่วถึง ขออภัยและฝากความคิดถึงไว้ตรงนี้..นะคะ