INDIA 2009 ตอนที่ 6/2...วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
วันที่ห้าของการเดินทาง 9 ก.พ. 2552/2 วันมาฆะบูชา
เวลาประมาณ 18.30 น. กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่หน้าพระมหาเจดีย์ พระมหาธาตุ เฉลิมราชย์ศรัทธา ร่วมพิธีจุดเทียนชัยมงคล เวียนประทักษิณรอบพระมหาเจดีย์ เนื่องในวันมาฆะบูชา หลังจากนั้นก็เคลื่อนพลไปยังโบสถ์เพื่อทำการทอดผ้าป่าต่อไป วันนี้พระจันทร์เต็มดวง สวยสดใส
พระมหาธาตุ เฉลิมราชย์ศรัทธา ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี 2005
อีกมุมหนึ่งของพระมหาธาตุฯ มองเห็นพระอุโบสถ อยู่ด้านหลัง
พระจันทร์วันมาฆะฯ
ซูม...มาได้อย่างที่เห็น
กุสินารา มหานคร แห่งมัลละ มีสาล- วโนทยาน ขานไข พระองค์ ทรงเลือก เสด็จไป ปรินิพ-พานไซร้ ด้วยพระองค์เอง
ต่อไปนี้คือความสำคัญของเมืองกุสินารา ที่ได้ถูกบันทึกไว้ต่อ ๆ กันมา คือ
1. เป็นที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้าในอดีต พระนามว่า พระผุสสสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. เป็นมหานครที่พระพุทธองค์เคยประทับ นามว่า กุสาวดี เมื่อครั้งเสวยพระชาตินามว่า มหาสุทัสสนจักรพรรดิราช
3. เป็นที่บำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ( อดีตชาติของพระพุทธองค์ ) เคยมาสวรรคตที่เมืองนี้แล้วถึง 7 ครั้ง
4. เป็นพระนครที่พระพุทธองค์เสด็จมาทรงแสดงพระธรรมเทศนา มีพระสูตรสำคัญที่นี่หลายพระสูตร
5. เป็นสังเวชนียสถานที่สำคัญยิ่ง ที่พระพุทธองค์ตรัสสอนให้ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้พบเห็น กราบไหว้ น้อมจิตใจให้เกิดสังเวคธรรม เมื่อละโลกนี้แล้ว จักมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่หวังได้
6. เป็นพุทธสถานที่พระพุทธองค์ประทานการบวชให้สาวกองค์สุดท้าย คือ สุภัททปริพาชก
7. เป็นธรรมสถานที่พระพุทธองค์ตรัสเทศนาปัจฉิมโอวาท ประกาศสุดยอดของพระสัทธรรมคำสอน คือ ความไม่ประมาท
8. เป็นพระนครที่ไว้พระทัย ทรงโปรดเลือกจาก 6 เมือง ให้เมืองกุสินาราเป็นที่เสด็จปรินิพพาน
9. เป็นที่ตั้งพระพุทธสรีระของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บำเพ็ญพระราชกุศลตลอด 7 วัน มีมหาชน และเทวดา พรหม มาประชุมมากที่สุด
10. เป็นที่ปรารภถึงความมั่นคงของพระพุทธศาสนา ( หลังปรินิพพาน 7 วัน ต้นกำเนิดสังคยานา )
11. เป็นที่ประดิษฐานของมหาเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 1 ใน 8 พระนคร
12. เป็นที่แจกพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กระจายไปทั่วโลก
13. เป็นที่ชุมนุมของพระราชา มหากษัตริย์ ผู้ทรงธรรม ทรงอำนาจ ทรงบารมีร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ
14. เป็นสถานที่รองรับหมู่พระอรหันต์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าครั้งใหญ่ที่สุด
15. เป็นสถานที่รวบรวมพระบรมสารีริกธาตุครบสมบูรณ์ที่สุด
พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางย้อนกลับไปยังเมืองพาราณสี ดังนั้น ปอ ป้า จึงขอนำประวัติเรื่องราวของวัดไทยกุสินาราฯ มาให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักความเป็นมาพอสังเขป
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ตั้งอยู่ระหว่างกึ่งกลางของสาลวโนทยานที่เสด็จปรินิพพานกับมกุฏพันธนเจดีย์ที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ในเขตจังหวัดกุศินาคาร์ รัฐอุตตรประเทศ มีพื้นที่ทั้งหมด 5.85 เอเคอร์ หรือประมาณ 14 ไร่เศษ พุทธบริษัทชาวไทยร่วมใจกันสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2537 เพื่อน้อมเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติการครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในความอำนวยการของ พระสุเมธาธิบดี อธิบสงฆ์ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ มีนายจุมพล โพธิ์ศรีวิสุทธิกุล กับ พุทธบริษัทชาวไทยได้ถวายศาสนูปถัมภ์ และการดำเนินงานของพระราชโพธิวิเทศ วัดไทยพุทธคยา ทั้งนี้ มีสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี คอยอุปการะช่วยเหลือในภารกิจอันสำคัญนี้ด้วยดีตลอดมา
ศาลพระภูมิ ภายในวัด
ศาลาเอนกประสงค์
การก่อสร้างเริ่มงานเมื่อ พ.ศ. 2537 มีอาคารสัณฐาคารเฉลิมพระเกียรติ อาคารโมกขเวศม์สันติอนุสรณ์พระสุเมธาธิบดี กุฏีสมเด็จ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ กุฎิกรรมฐาน 10 หลัง คลินิก สำนักงาน โรงทาน (ครัว) โรงสูบน้ำ โรงไฟฟ้า พระอุโบสถ กำแพงล้อมรอบ พิพิธภัณฆ์ ห้องสมุด พระมหาเจดีย์ ศาลาเอนกประสงค์
ซุ้มนี้ เป็นที่รับประทานอาหารของญาติโยมที่มาพักหรือมาทำบุญที่วัด
ซุ้มกาแฟ อุปถัมภ์โดยการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า
ดอกไม้สวย ภายในวัด
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก เสด็จเป็นองค์ประธานประกอบพิธียกช่อฟ้า ตัดลูกนิมิตเมื่อวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2542 ผูกสีมาตามพระบรมพุทธานุญาต พร้อมด้วยสงฆ์คณะปูรกะ 80 รูป กรรมการมหาเถรสมาคม พระสุเมธาธิบดี พระพรหมโมลี พระวิสุทธาธิบดี พระธรรมโมลี เป็นประธานในขณะผูกสีมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อวัดว่า วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระราชทานนามพระพุทธรูป องค์พระประธานในพระอุโบสถว่า พระพุทธสยัมภูญาณ พร้อมด้วยพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ภาพทรงผนวช ฉัตร 3 ชั้น ภาพพระมหาชนก ภาพพระราชกรณียกิจ ตราสัญลักษณ์ครองราชย์ 50 ปี ตราสัญลักษณ์สมโภชพระชนมายุ 6 รอบ 72 พรรษา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระปรมาภิไธยย่อ ภปร เพื่อประดิษฐานไว้ที่หน้าบันพระอุโบสถ เป็นมิ่งมคลต่อวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์อย่างยิ่ง
พระอุโบสถ วัดไทยกุสินาราฯ
พระประธานในพระอุโบสถ นามพระราชทานว่า " พระพุทธสยัมภูญาณ "
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์ วัดไทยกุสินาราฯ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2544 และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา
ขณะนี้มีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น การปฏิบัติกรรมฐาน รักษาศีล และให้การสงเคราะห์ด้วยการเปิดสถานรักษาพยาบาล กุสินาราคลินิก ตรวจรักษาคนยากคนจน ผู้ด้อยโอกาสประมาณวันละ 50-110 คน มีนายแพทย์ แพทย์หญิง พยาบาล และเภสัชกร มาทำงานทุกวัน โดยรักษาฟรี ไม่เลือกชั้นวรรณะ เปิดพิเศษในวันพุธสำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กับวันเสาร์สำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 5 ขวบ โดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งปัจจุบันนี้ กุสินาราคลินิก ได้แปรสภาพเป็นคลินิกเคลื่อนที่ เนื่องจากโรงพยาบาลสร้างเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว
กุสินาราคลีนิค
พ่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ ประดิษฐานอยู่ข้างกุสินาราคลีนิค
ภาพนี้ถ่ายไว้เมื่อปี 2005 ขณะกำลังทำพิธีวางอิฐฤกษ์ สร้างโรงพยาบาลของวัดไทยกุสินารา ฯ
ปัจจุบันนี้ โรงพยาบาลสร้างเสร็จและเปิดดำเนินกิจการแล้ว
" คุณนาย " เพื่อนเลิฟ กับ " น้องนก " นั่งรับลมหนาวอย่างมีความสุขที่หน้าห้องพัก
ที่นอนของปอ ป้า และ น้องนก
ยิ้มของคนอิ่มบุญ...สาวสองพัน..เก้าปี สวยไม่เสร็จ...ซะที...อิ อิ
วันนี้ปอ ป้า ขออำลาด้วยภาพสองสาวสองพัน..เก้าปี กำลังช่วยกันเผด็จศึก..อาหารเช้ามื้อสุดท้าย..ก่อนอำลาวัดไทยกุสินาราฯ เพื่อเดินทางต่อไปยัง...ลุมพินีวัน
Create Date : 23 เมษายน 2552 |
|
60 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 22:59:31 น. |
Counter : 5888 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดีครับ...
เอารูปที่สมกับจิตนาการของพมมาฝากครับ