INDIA 2009 ตอนที่ 9/3...อิสิปตนมฤคทายวัน สารนาถ
วันที่แปดของการเดินทาง 12 ก.พ. 2552/3
สารนาถที่แสดงปฐมเทศนา สารนาถ หรือป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แคว้นเมืองพาราณสี เป็นสังเวชนียสถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เมื่อวันเพ็ญอาสาฬหมาส ก่อนพุทธศก 45 ปี
ป้ายบอกเรื่องราวของโบราณสถานแห่งนี้ เป็นภาษาอังกฤษก็มี แต่ปอ ป้า เลือก version แขก..มาให้ดู..อิ อิ
บริเวณอันกว้างใหญ่ของป่าอิสิปตนมฤทายวัน
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพราหมณ์ มีพวกฤาษีชีไพรตั้งอาศรมอยู่นอกเมือง โดยเฉพาะในครั้งพุทธกาล ป่าอิสิปตนมฤคทายวันเป็นรมณียสถานที่สมบูรณ์ด้วยนักพรต ดาบส ฤาษี แม้แต่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ผู้ละทิ้งพระพุทธองค์ ขณะเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ก็พากันมาอยู่ที่นี่
ตามมิคราชชาดก กล่าวว่า ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแห่งนี้ เป็นที่อาศัยของกวาง ซึ่งพระเจ้ากรุงพาราณสีโปรดพระราชทานไว้ และให้ความคุ้มครองด้วยคุณธรรมของพระยากวางโพธิสัตว์ คำว่า สารนาถ จึงนำมาจาก สารังคนาถ แปลว่า พื้นดินที่เป็นที่พึ่งของสัตว์ คือ กวาง หมายถึงที่พึ่งอันประเสริฐของมวลมนุษย์ จากการประกาศพระธรรมจักร คือ ทางเดินที่เลือกไว้ดีแล้ว ได้แก่มัชฌิมาปฏิปทา
บุญสถานของผู้แสวงบุญที่จาริกมา ไหว้พระ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ของชาวพุทธจากทั่วโลก ด้วยสำคัญว่า เป็นที่สังฆรัตนะ เกิดขึ้นสมบูรณ์ครั้งแรกในโลก เมื่อพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม หลังจากสดับพระธรรมเทศนากัณฑ์แรก และลำดับต่อมาได้เทศนาโปรดบุตรเศรษฐีชื่อว่า ยสะ ไม่นานพระอริยสงฆ์ก็เกิดขึ้น 60 องค์ ในพรรษาแรกนี้เอง
อุบัติสังฆรัตนะ ในวันเพ็ญเดือนอาสาหฬะ ( เดือน 8 ) เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตร อันเป็นพระธรรมเทศนากัณฑ์แรก ให้ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว ท่านได้กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระบรมศาสดา พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา แล้วประทับจำพรรษาแรก ณ อิสิปตนมฤคทายวัน
ผู้แสวงบุญจากเมืองไทย สวมใส่ชุดขาว นั่งสวดมนต์เสียงดังกระหึ่ม
วันต่อมา พระพุทธองค์ประทานโอวาทแก่ปัญจวัคคีย์ที่เหลือด้วยธรรมีกถาดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินได้เกิดขึ้นแก่ท่านวัปปะ และท่านภัทิยะ ว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับเป็นธรรมดา ท่านทั้งสองบรรลุธรรมแล้วได้กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระบรมศาสดาประทานเอหิภิกขุอุปสมบทแก่ท่านทั้งสองนั้น ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยพระกระยาหารที่ภิกษุทั้งสามที่บรรลุแล้วบิณฑบาต นำมาถวาย ทั้ง 6 รูป ก็เลี้ยงชีพด้วยบิณฑบาตนั้น
วันต่อมา พระโลกนาถประทานโอวาทแก่ปัญจวัคคีย์ที่เหลือ คือ ท่านมหานามะ และ ท่านอัสสชิ จนบรรลุดวงตาเห็นธรรม และได้ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่ท่านทั้งสอง
ยสเจดียสถาน สถานที่แห่งความไม่ขัดข้อง ไม่มีความวุ่นวาย เป็นเจดีย์ขนาดเล็ก มีอาคารสี่เหลี่ยมมุงไว้เป็นอย่างดี สถานที่นี้เชื่อกันว่า พระพุทธองค์ทรงแสดงอิทธาภินิหารโปรดพระยสะกุลบุตร บุตรเศรษฐีแห่งเมืองพาราณสี ผู้ซึ่งประสบทุกข์ในการครองชีวิตในฐานะบุตรเศรษฐี เมื่อได้สดับพระพุทธวจนะที่ว่า ที่นี้ไม่วุ่นวาย ที่นี้ไม่ขัดข้อง มาเถิดยสะ นั่งลง เราจักแสดงธรรมแก่เธอ พระองค์ทรงแสดงอิทธาภินิหารด้วยอนุปุพพิกถา ในข้อธรรมที่แสดงทาน ศีล สวรรค์ เนกขัมมะ กามาทีนพ ตามลำดับ เป็นผลให้ยสะมานพได้ดวงตาเห็นธรรม และนำให้บิดาได้เป็นปฐมอุบาสก มารดาและภรรยา ได้เป็นปฐมอุบาสิกา ณ สถานที่นี้อีกด้วย
คุณเพื่อน..คนสวย ยืนโพสต์ท่าให้ถ่ายรูป หน้า " ยสะเจดียสถาน "
ธัมเมกขสถูป สถูปโบราณทรงบาตรคว่ำ ก่อด้วยหินทราย สถูปสร้างอุทิศแด่ผู้เห็นธรรม ( ธัมมะ + อิกขะ : อิขะ แปลว่า เห็น ธัมมะ แปลว่า ธรรม ) หมายถึง สถานที่แสดงธรรมที่นำพาให้ถึงความหลุดพ้น มียอดทรงกรวย สูงประมาณ 80 ฟุต วัดโดยรอบประมาณ 120 ฟุต สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์
สารนาถบริเวณนี้ เคยเป็นอุทยานที่กว้างใหญ่ มีต้นไม้ร่มรื่น สนามหญ้าเขียวขจี มีสวนกวางขนาดย่อมทางด้านหลัง และสวนสัตว์อีกด้วย โดยเฉพาะนกยูง ซึ่งอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ เป็นการสร้างบรรยากาศให้คล้ายคลึงกับครั้งพุทธกาล ในอาณาบริเวณมีซากวัตถุโบราณที่ทำการขุดค้นแล้วมากมาย
พุทธสถานแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสี่ของสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่พระพุทธองค์ตรัสเชิญชวนให้พุทธบริษัทได้เข้าใกล้ทั้งกายและใจ เพื่อให้เกิดความสังเวช อันเป็นคุณเครื่องนำพาไปสู่ความเจริญ ณ ที่แห่งนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพทั้งหลายว่า จรถ ภิกขเว จาริกัง พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ แปลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวไปเพื่อประโยชน์และความสุข แก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์โลก อย่าไปทางเดียวกัน 2 รูป จงแสดงธรรมที่งามในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์ให้ครบบริบูรณ์โดยสิ้นเชิงเถิด
กุฏิของพระพุทธองค์ เจ้าหน้าที่กำลังใช้ความพยายามอย่างเหนื่อยล้า กับการล้าง เช็ด แผ่นทองที่นักท่องเที่ยวนำมาแปะติดไว้
ธัมเมกขสถูป ในอีกมุมมองหนึ่ง
ธัมเมกขสถูป
ลวดลาย...ความงดงามของศิลปะอินเดีย
อีกมุมหนึ่ง...ของความงามแห่งศิลปะโบราณ
สถูปแห่งนี้บางแห่งเรียกว่า ธรรมมุขะ สร้างขึ้นในสมัยคุปต์ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศรีอริยเมตไตรย โดยเข้าใจว่า ณ สถานที่นี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาแก่พระศรีอริยเมตไตรยว่า ผู้ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนคตจะต้องเป็นพระศรีอริยเมตไตรย และสถานที่บริเวณสารนาถตามความเห็นของอินเดีย มีความสำคัญสำหรับพระพุทธศาสนา 3 ประการ คือ
1) เชื่อกันว่า พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติที่นี่ 2) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาประทานปฐมเทศนาที่นี่ 3) พระพุทธองค์ทรงตกลงกับพระศรีอริยเมตไตรยที่สถูปธรรมมุข เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคต
ที่บริเวณธัมเมกขสถูปนี้เอง ที่พวกเราต้องนั่งตากแดดที่ร้อนแรง สวดมนต์ภาวนา ปฏิบัติเป็นพุทธบูชา พร้อมทั้งถวายผ้าป่ากันกลางแจ้ง แต่ใจจิตของพวกเรามิได้ร้อนไปตามแสงแดดเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก...
ถวายผ้าป่ากลางแจ้ง
เสร็จแล้วหัวหน้าคณะชวนกันห่มผ้าพระสถูป...อย่างที่เห็น ( No Comment...อิ อิ )
นักบวชชาวเวียตนาม เดินประทักษิณเวียนรอบพระสถูป
ความเหมือน...ที่บังเอิญ อย่างนี้ต้องเรียกว่า ..หมวกเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย...อิ อิ
และในที่สุด เวลาแห่งการจากลาก็มาถึง เมื่อคณะของพวกเราต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 16.30 น. เป็นอันจบทริปการเดินทางแสวงบุญ ปฏิบัติธรรม ที่สังเวชนียสถานในครั้งที่สองของ ปอ ป้า.....ตอนหน้าจะเป็นบทส่งท้ายอินเดีย 2009 โปรดติดตาม....นะคะ
ฐาตุ จิรํ สตํ ธฺมโม
ขอพระสัทธรรม ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงสถิตเสถียรยั่งยืนนาน
ขอบคุณ
ภาพพระพุทธองค์ จาก..คุณสดายุ.. และ เพลงไพเราะ จาก..นู๋ดาวจ๋า..
Create Date : 21 พฤษภาคม 2552 |
|
72 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 22:49:43 น. |
Counter : 6995 Pageviews. |
|
|
|
ดาวจ๋า
ดาวจ๋าดาวจ๋า
ดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋า
ดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋า
ดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋า
ดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋าดาวจ๋า
ดาวจ๋ามาเจิมให้ปอป้าค่ะ