INDIA 2009 ตอนที่ 9/2...แม่น้ำคงคา - อิสิปตนมฤคทายวัน
วันที่แปดของการเดินทาง 12 ก.พ. 2552/2
ครั้งที่แล้วเราได้รู้ประวัติความเป็นมาบางส่วนของเมืองพาราณสีและแม่น้ำคงคากันแล้ว วันนี้มาต่อกันเลย...ค่ะ
อรุณรุ่งที่แม่น้ำคงคา
จะเห็นว่าอีกฟากฝั่งของแม่น้ำคงคา ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอาศัยอยู่ เนื่องจากซากศพที่ทิ้งลงแม่น้ำส่วนใหญ่จะลอยไปเกยริมฝั่งที่ฟากโน้น แล้วบรรดานกแร้งก็จะพากันไปอาศัยอยู่มากมาย คอยกัดกินซากศพเหล่านั้น จึงเปรียบว่าฝั่งนั้นเป็น " แดนคนตาย "
ถึงอย่างไรก็ตาม แม่น้ำคงคาก็ยังคงใสสะอาด
สุริยะนมัสการ อุเทตยัญจักขุมา เอกราชา หริสสวัณโณ ปฐวิปปภาโส ตัง ตัง นมัสสามิ หริสสวัณณัง ปฐวิปปภาสัง ตยัชช คุตตา วิหเรมุ ทิวสัง
แปลว่า
พระอาทิตย์เป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเพียงดังสีแห่งทอง ยังพื้นปฐพีให้สว่างไสวอุทัยขึ้นมา เพราะเหตุนั้น ข้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์นั้น ซึ่งมีสีเพียงดังสีแห่งทอง ยังพื้นปฐพีให้สว่างไสว ข้าทั้งหลาย อันท่านคุ้มครองแล้วในวันนี้ พึงอยู่เป็นสุขตลอดวัน
นี่คือเรือที่คณะของพวกเราใช้ล่องแม่น้ำคงคา
พระท่านพาสวดพระปริตรขณะลอยเรืออยู่กลางแม่น้ำ นั่งดูการบูชาพระอาทิตย์ยามเช้า ดอกดาวเรืองในกระทงใบตองที่บรรจงวางลงบนแม่น้ำคงคา เหมือนชีวิตหนึ่งกระเพื่อมไปตามแรงคลื่น เสียงสาธยายมนต์จากเทวาลัยดังกึกก้อง เสียงสวดมนต์บนเรือของชาวไทยพุทธแผ่กังวานไป เสียงครวญเพลงของผู้มีดนตรีกาล เสียงกดกล้องถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวนานาชาติ รวมแล้วนี้คือ เสียงสวรรค์ของทุกคนผู้ใฝ่หา
ขณะฟังบรรยาย มองตามฝั่งนรก ฝั่งสวรรค์ จะเห็นผ้าหลายสีของสรรพมนุษย์ผู้มาจากทิศทั้งสี่ และจากอมนุษย์ที่มาเข้าคิวนั้น มนุษย์ใช้ผ้าสีเพราะใจชอบ แต่ที่นอนรอไฟอยู่นั้น จะเลือกสีได้ก็เฉพาะสตรีเท่านั้น ส่วนชายผู้ตายเป็นผีแล้ว จะนุ่งห่มได้ก็เฉพาะผ้าขาวเท่านั้น คนตายที่ถูกหามมาเผา บางศพไฟยังไหม้ไม่หมด ก็ต้องเชิญลง อาบน้ำคงคาให้หายร้อนไปก่อนก็มี บางประเภทที่ต้องถ่วงลงคงคาได้เลย คือ ศพนักบวช ศพเด็ก ศพหญิงสาวพรหมจารี ศพถูกงูกัด ฟ้าผ่า เป็นต้น
เมื่อครั้งที่แล้ว ปอ ป้า ล่องแม่น้ำคงคา ได้มีโอกาสเห็นซากศพที่ลอยขึ้นมา มีนกแร้งเจาะกินซากศพนั้น ท่านเจ้าคุณฯ ได้รจนาเป็นอักษรไว้ว่า เมื่อลงสู่คงคาบ่อยครั้ง อาจจะเห็นศพลอยขึ้นมา ก็ชี้ให้คณะดู ระหว่างศพกับดอกดาวเรืองนั้น ทั้งสองคือความงามของพระอริยะ ศพก็คือคนที่ตายแล้วจากโลก ดอกดาวเรือง คือ ดอกไม้ที่ตายจากต้นแล้วนั่นเอง ฉะนั้น กำไรหรือขาดทุนในการล่องเรือตามสายแม่น้ำคงคา ก็ย่อมอยู่ที่การรู้จักจัดสรร ชั่วดี ถี่ห่าง ควรมิควร สุขทุกข์ ทุกอย่างท่านเป็นผู้ลิขิตลงได้ทั้งนั้น ........
กระทงของปอ ป้า และ น้องนก...กำลังลอยตุ๊บป่อง...ตุ๊บป่อง..
บุณยสถานกาสี ในสมัยพุทธกาล เมืองพาราณสีมีความสำคัญในมหาปรินิพพานสูตร กล่าวว่า อิสิปตนะ เป็นสังเวชนียสถานแห่งหนึ่ง ในบรรดาสังเวชนียสถาน 4 แห่ง และเป็นเมือง 1 ใน 8 คือ จำปา ราชคฤห์ สาวัตถี สาเกต โกสัมพี ที่พระอานนท์กราบทูลเสนอต่อพระพุทธองค์ ให้ทรงเลือกมาปรินิพพาน และยังเป็นนครแห่งการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เตมิยราช กับสุวรรณสาม เป็นต้น
กาสิคามแห่งแคว้นกาสี ในคัมภีร์บาลีกล่าว่า เป็นหมู่บ้านที่พระเจ้าโกศลทรงมอบให้แก่โกศลเทวีธิดาของพระองค์ เป็นของขวัญเมื่อทรงอภิเษกกับพระเจ้าพิมพิสารกษัตริย์มคธ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารถูกอชาตศัตรูทำปิตุฆาต พระนางโกศลเทวีก็สวรรคตด้วยความระทมทุกข์ พระเจ้าโกศลจึงยึดเมืองกาสีคืน และเมื่อพระราชธิดาแห่งพระเจ้าโกศล ได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าอชาตศัตรู ก็ทรงยกเมืองกาสีให้เป็นสินสมรสอีก
ท่าที่เห็นอยู่ไกล ๆ นั้น กำลังทำพิธีเผาศพกันอยู่
ต้องแอบซูมภาพจากกลางแม่น้ำ เพราะเวลาเขาทำพิธีเผาศพ หากเราเข้าไปใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปถ่ายรูปพวกเขา ถือว่าไม่ให้เกียรติคนตาย
พระพุทธศาสนาเคยรุ่งเรืองในพาราณสีมานาน ถึงคราวอับแสงลงก็ต่อเมื่อ พระเจ้าพลาทิยคุปต์ สถาปนาเมืองพาราณสี ที่มหาโควิทนทสูตรกล่าวว่า สร้างขึ้นด้วยมหาโควินทราชนี้ ให้เป็นราชธานีอีกครั้ง และได้ทรงยกย่องศาสนาพราหมณ์ขึ้นเป็นศาสนาประจำรัฐ สร้างเทวาลัยทั่วเมืองพาราณสี แม้แต่กษัตริย์ที่ผลัดกันขึ้นครอง ก็นับถือศาสนาพราหมณ์แทบทั้งหมด พุทธกับชิน จึงถึงคราวอับแสงลง ยิ่งสังกราจารย์ ( ศตวรรษที่ 8 ) ได้ปรับปรุงหรือปฏิรูปศาสนาพราหมณ์เสียใหม่ นำเอาคำสอนอื่นมาผสมผสานเข้า ยกให้พระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางหนึ่งของพระวิษณุ ศาสนาพุทธก็ถูกกลืนหายไปในศาสนาของสังกราจารย์ ซึ่งเรียกว่า ศาสนาฮินดู ในปัจจุบัน
สถานที่ตั้งของเมืองพาราณสี อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองคยา ตัวเมืองอยู่ด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำคงคา เชื่อกันว่าเก่าแก่โบราณนานกว่า 4,000 ปี คำว่า พาราณสี เป็นชื่อเมืองที่อมตะ ยังไม่เคยเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเลย ทั้ง ๆ ที่กาลเวลายุคสมัยพยายามที่จะให้เป็นชื่ออื่นมาแล้วหลายครั้ง
อิสิปตนมฤคทายวัน เป็นป่าไม้ที่มีความร่มรื่น เป็นที่ตกลงของเหล่าฤาษี ความเดิมเล่ากันว่า ฤาษีผู้ทรงฌานสมาบัติ นิยมมาชุมนุมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ สนทนาธรรม ข้อตกลงในข้ออรรถ ข้อธรรมต่าง ๆ บางท่านเล่าว่า พระฤาษีเหาะมาจากทิศใด ๆ ก็ตาม ก็จะตกลงมา ณ ที่ตรงนี้ เมื่อดูตามศัพท์ที่ว่า อิสิ + ปตนะ ก็น่าจะได้ความเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน
" อิสิปตนมฤคทายวัน " ใน พ.ศ. นี้
อรรถกถาธรรมบทกล่าวว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่ เศรษฐีผู้ใจบุญแห่งเมืองพาราณสีชื่อ นันทิยมานพ ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ได้สร้างวิหารอย่างวิจิตรสวยงาม ณ อิสิปตนมฤคทายวัน แล้วมอบถวายแด่พระพุทธองค์กับพระภิกษูสงฆ์ ด้วยผลแห่งกรรมดีดังกล่าว นันทิยมานพได้วิมานเกิดขึ้นคอยท่าในสวรรค์ ทั้ง ๆ ที่นินทิยมานพยังไม่ตาย
ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พ.ศ. 295 ( ก่อน ค.ศ. 248 ) ได้เสด็จมาที่อิสิปตนมฤคทายวัน ยังได้เห็นเป็นสังฆารามที่ใหญ่โตมากแห่งหนึ่ง และพระองค์โปรดให้สร้างสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และศิลาจารึกไว้ให้เป็นเครื่องหมายแห่งความเจริญรุ่งเรืองในยุคนั้น
เสาพระเจ้าอโศก แตกหักเหลือเพียงเท่านี้
เจ้าหน้าที่กำลังล้างเช็ดคราบแผ่นทองออกจากซากเสาหิน ที่นักท่องเที่ยวขยันนำมาแปะไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง " นักท่องเที่ยวชาวไทย " ปอ ป้า ก็ไม่เข้าใจว่าจะแปะกันไว้ทำไม โบราณวัตถุบางอย่างมองไม่เห็นรายละเอียดอะไรเลย เพราะหนาปึ้กอุดมไปด้วยแผ่นทอง รู้สึกเห็นใจผู้ดูแลรักษาเป็นอย่างยิ่ง
อิสิปตนมฤคทายวัน กลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง เป็นสำนักสงฆ์ที่ใหญ่โตนั้น ได้ถูกทอดทิ้งให้กลายเป็นป่าก้อนอิฐ เป็นเวลา 700 ปี ตั้งแต่ครั้งมุสลิมเตอร์ก เข้าทำลายล้างประมาณ พ.ศ. 1737 ( ค.ศ. 1194 ) นับว่ายุคนี้เป็นยุคแห่งการประหารพระพุทธศาสนา ไม่มีครั้งใดรุนแรงเท่า
ศาสนาพุทธตั้งมั่นอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ซึ่งมีหลายลัทธิ หลายศาสนา เป็นที่เกิดความขัดแย้งทางความเชื่ออันเกิดจากความคิดที่ไม่เหมือนกัน ชาวพุทธรุ่นหลังจึงนิยมสร้างศาสนวัตถุหุ้มห่อปกป้องศาสนธรรม ด้วยการสร้างวัดของตนให้เข้มแข็ง ที่สารนาถแห่งนี้มีห้องลับสำหรับเก็บพระคัมภีร์ ไม่ยอมให้ผู้ใดที่ไม่ใช่ชาวพุทธทราบ จากมูลคันธกุฎี มีทางแคบ ๆ ไปสู่ห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นห้องเก็บพระคัมภีร์ ดังนั้น จะเห็นว่าอิสิปตนที่เคยเจริญคู่กับความเสื่อมสลับกลับกัน ทำให้เรามองเห็นความเป็นสัจจะแห่งอนิจจังชัดขึ้น....
โรงแรมสุดหรูใจกลางเมืองพาราณสี เป็นที่คณะของเราเข้าพัก
ห้องน้ำอย่างหรู
ให้หรูเริ่ดอย่างไร..ก็ขาดกระบวยคู่ชักโครกไป..ไม่ได้...อิ อิ
ถ้าไปอินเดีย ต้องเตรียมปลั๊กไฟไปให้ดี เพราะที่นี่ที่เสียบปลั๊กไฟเป็นแบบนี้
และก็...แบบนี้..
หนุ่มคนนี้..ปอ ป้า ไปขอหมั้นหมายเค้าไว้ด้วยเงิน ๕๐ รูปี ว่าจะขอมาให้นู๋อิม เป็นของฝากที่สั่งนักสั่งหนาว่า..ห้ามลืม แต่ตอนนี้นู๋อิมหายไปไหนก็ไม่รู้...หุ หุ
ปิดท้ายตอนนี้ด้วยดอกไม้แฝด...สวย..ที่โรงแรม
ขอบคุณเพลงไพเราะจาก...นู๋ดาวจ๋า คนซน คนน่ารัก...
Create Date : 17 พฤษภาคม 2552 |
|
64 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 22:51:05 น. |
Counter : 3957 Pageviews. |
|
|
|
๙
๙๙
๙๙๙
๙๙๙๙
๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ดาวจ๋า ขอเจิมค่ะ