คิดถึงอินเดีย
ความจริงทริปอินเดียทั้งสองภาคจบไปนานแล้ว แต่กลิ่นไอของอินเดียไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำและชีวิตของปอป้าเลย เมื่อหลายวันก่อนได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับเพื่อนที่ร่วมผจญภัยในอินเดียด้วยกันทั้งสองครั้ง มีการแจ้งข่าวพร้อมทั้งชักชวนให้ร่วมเดินทางครั้งต่อไปซึ่งถูกกำหนดขึ้นในราวต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๕๓ แต่เนื่องจากปอป้ามีทริปอื่นรออยู่แล้ว จึงไม่สามารถร่วมเดินทางสู่อินเดียในครั้งนี้ได้ พูดคุยกันแล้วก็อดหวนนึกถึงกลิ่น..กลิ่น..(เวลาอ่านกรุณาเน้นเสียงให้หนักแน่นหน่อย..นะคะ) ที่บ่งบอกถึงความเป็นอินเดียจริง ๆ อันจะหาสูดดมจากที่ใดในโลกนี้ไม่ได้ นับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ...ขอย้ำว่า...จริง ๆ
อ้าว...แล้ววันนี้ปอป้า เขียนเรื่องอินเดียอีกทำไม มีอะไรใหม่หรือ..??.. จะว่าใหม่ก็ไม่เชิง เพราะเป็นเรื่องเก่าที่หลาย ๆ คนคงจะเคยได้ยินกันมาแล้ว แต่ด้วยความคิดฮอดอินเดียหลาย ๆ ปอป้า ก็เลยขอนำเรื่องราวนี้มาเล่าอีกสักครั้ง...(เถอะน่า..นะ..นะ..ก็คิดถึงนี่นา..) ความจริงไม่ได้เล่าเองหรอก อาศัยไปเก็บบทความเขามา..น่ะ แบบว่า..นิสัยดีก็เป็นเยี่ยงนี้แหละ..แต่ว่าภาพประกอบเรื่องน่ะ ของปอป้า ๑๐๐% นะคะ ไม่ได้ไป have มาจากไหน ไง ๆ ก็ขออวดความดีของตัวเองสักหน่อยละกัน...555... เริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า..ค่ะ
อาชีพสัปเหร่อที่อินเดียมีเกียรติมาก โดย ศีล มติธรรม หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน
พระไทยที่ไปเรียนต่อในประเทศอินเดียหลายรูป ใช่จะตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว แต่ยังแบ่งเวลาส่วนหนึ่งมาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องราวของศาสนาพุทธให้แก่ญาติโยมที่ไปแสวงบุญที่สังเวชนียสถาน ๔ แห่งฟัง พระอาจารย์ราเชนทร์ วิสารโท ซึ่งมาเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยพาราณสี เป็นพระที่คลุกคลีอยู่กับชาวเมืองภารตะมานาน และศึกษาเกี่ยวกับพิธีเผาศพของชาวฮินดูที่เมืองนี้ ท่านจะบอกกล่าวให้ฟังว่า พิธีดังกล่าวชาวพุทธควรจะได้แง่คิดอะไร
คงคาแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ความผูกพันของคนพาราณสีกับแม่น้ำคงคานี้มีมาตั้งแต่เกิดจนไปถึงตาย และไม่ใช่เฉพาะชาวเมืองพาราณสีเท่านั้นที่มุ่งหน้าและนึกถึงที่จะมาแม่น้ำสายนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งที่นี่มีการเผาศพมานานกว่า ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว เมื่อมีคนตายในบ้าน ประเพณีของคนอินเดียเป็นกฏหมายก็ว่าได้ เจ้าภาพจะต้องนำศพออกจากบ้านภายใน ๒๔ ชั่วโมง โดยจะเชิญพราหมณ์มาทำพิธีที่บ้าน แล้วญาติที่เป็นผู้ชายจะนำศพนั้นเคลื่อนขบวน บ้านที่พอมีเงินก็นำขึ้นรถไปยังฝั่งแม่น้ำคงคาบริเวณที่ใกล้ที่สุด หรือบางบ้านที่ยากจนก็หามไป แต่ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือต้องมีแคร่ไม้ไผ่ ก่อนจะเผาช่วงเดินจากบ้านไปยังแม่น้ำคงคาจะต้องท่องสวดไปด้วยว่า ราม นาม สัจจะแฮ หมายถึงว่าพระรามเป็นสัจจะ เป็นความจริงที่เที่ยงแท้ แปลว่าความตายเป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ท่องไปจนถึงบริเวณที่จะเผาศพที่เรียกว่า ท่ามณิกรรณิการ์ฆาต เจ้าภาพจะเข้าไปต่อรองราคากับสัปเหร่อที่มีหน้าที่ดูแลจัดการเผาศพด้วยราคาฟืน ราคาค่าตัว โดยปกติราคา ๑๖-๑๘ รูปีต่อกิโลกรัม เมื่อก่อนใช้ไม้อย่างดี แต่ปัจจุบันใช้ไม้ตามแต่ที่จะหาได้ เมื่อตกลงราคาได้แล้วก็นำฟืนมากองเหมือนกองฟอนบ้านเรา
ขบวนการไม้ฟืนมือสอง เมื่อนำศพมาถึงก็นำศพไปสัมผัสกับแม่น้ำคงคาก่อน พอวางให้สะเด็ดน้ำแล้วก็นำผ้าออกจากร่างที่ไร้วิญญาณ เหลือแต่ร่างที่เปล่าเปลือย เมื่อนำร่างว่างบนเชิงตะกอนแล้ว พราหมณ์จะนำน้ำจากแม่น้ำคงคามาประพรม มาราดบนหัว บนเท้า บนหน้าอก และทีสำคัญคือนำใบสะระแหน่ซึ่งเขาถือว่าเป็นใบไม้บูชาอย่างหนึ่งใส่ปากผู้ตายแล้วนำน้ำคงคากรอกเข้าไป จากนั้นให้ลูกชายคนโตจุดไฟเผา เมื่อเผาไปได้ ๑๐-๒๐ นาที ญาติบางคนกลับไป บางคนก็อยู่รอจนกระทั่งศพไหม้หมด แต่บางศพฟืนหมดศพยังไหม้ไม่หมด เขาก็จับโยนลงแม่น้ำคงคา ดับฟืนเอาฟืนไว้ขายต่อ แปลว่าญาติกลับไปหมดแล้วไม่รอจนกระทั่งศพไหม้หมด เลยเกิดขบวนการอย่างหนึ่งคือขายฟืนมือสอง ศพที่ญาติกลับไปแล้วสัปเหร่อก็เอาศพที่ไหม้ไม่หมดโยนลงน้ำไปให้กลายเป็นเหยี่อของเต่า ปลา อีกา แร้งไป ส่วนฟืนที่เหลือก็ดับแล้วกองไว้ต่างหาก เอามาไว้ขายให้คนจนในราคาไม่เกินกิโลกรัมละ ๘-๙ บาท ศพศพหนึ่งถ้าจะใช้ฟืนเผาให้หมด ศพผู้ดีใช้ไม้ดีหน่อย จะใช้เงินประมาณ ๕,๐๐๐ รูปี แต่ถ้าคนจนที่ต้องการจะเผาศพที่ ท่ามณิกรรณิการ์ฆาต ก็มีไม้หลายราคาให้เลือก อย่างไรก็ตามพื้นเพแล้วที่เมืองพาราณสีมีคนจนมากกว่าคนรวย
เชื่อวิญญาณคนตายสู่สวรรค์ หลังจากที่เผาศพเรียบร้อย ญาติพี่น้องก็เกิดควมประทับใจว่าวิญญาณของคนตายต้องไปถึงสวรรค์แน่นอน เพราะแม่น้ำคงคาไหลมาจากสวรรค์ เมื่อเรามาเห็นการปลงศพของที่นี่แล้วก็เกิดความสลดใจว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ควรจะเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของเรา ชีวิตจบลงก็เอาอะไรไปไม่ได้ คนอินเดียเขาทำเหมือนว่าเป็นตัวอย่างชีวิตที่ติดดิน
ศพคนจนคนรวยแตกต่างกัน เท่าที่สังเกตศพผู้หญิงใช้ผ้าสวยหน่อย ถ้าเป็นศพผู้ชายจะใช้ผ้าขาวธรรมดา ศพผู้หญิงจะมีลวดลายของผ้า ที่ไม่เผาคือศพเด็ก ซึ่งมีศพ ๕ ประเภทที่ไม่เผาที่ ท่ามณิกรรณิการ์ฆาต คือ ๑. เด็กทารก ๒. หญิงพรหมจรรย์ ๓. นักบวช ๔. คนถูกงูกัด ๕. คนถูกฟ้าผ่า เพราะมีความเชื่อว่า ๕ ประเภทนี้ไม่มีราคี ไม่มีบาป เป็นพรหมจรรย์ ศพคนรวยคนจนจะสังเกตได้จากขบวนแห่ อาตมาเคยเห็นรถซาเล้งเหมือนบ้านเราเขาเอาศพวางไว้ข้างบนแล้วก็มีคนเดินตาม ๒-๓ คน รู้เลยว่าเป็นศพคนจน ผ้าที่พันศพก็พันไม่มิด ส่วนเท้าโผล่ออกมา ส่วนแขนโผล่ออกมา กลิ่นก็เหม็น บางครั้งอาจจะไม่มีญาติ คนข้างบ้านอาจจะช่วยกัน ท่าที่ใช้เผาศพที่แม่น้ำคงคาที่พาราณสีนี้มี ๒ ท่า ท่ามณิกรรณิการ์ฆาต อีกท่าหนึ่งคือ หิริจันทคราส คือการเผาศพที่ทันสมัย ใช้ระบบน้ำมัน ใช้ระบบไฟฟ้าเหมือนบ้านเรา แต่ไม่เป็นที่นิยม ที่อินเดียที่ไหนมีแม่น้ำทีนั่นก็อธิษฐานเอาว่าเป็นแม่น้ำคงคา นำศพเอาไปเผาข้างแม่น้ำคงคา พอเผาเสร็จก็โกยขี้เถ้าลงแม่น้ำ
ญาติผู้เสียชีวิตไม่ร้องไห้ เท่าที่มีโอกาสได้นำญาติโยมคนไทยมาล่องแม่น้ำคงคานี้ พวกเขามีทุนของความศรัทธาความเชื่อว่าการเกิดความแก่ความเจ็บความตายเป็นเรื่องธรรมดาก็เกิดความสลดใจ เมื่อกลับไปบ้านมีหลายคนที่ได้คิดว่าเราไม่น่าจะสิ้นเปลืองตรงนี้มาก เมื่อมีคนในบ้านตายมัวแต่โศกเศร้าร่ำไห้รำพึงรำพันไม่ไปทำมาหากิน ไม่ได้ไปทำการงานต่าง ๆ คนอินเดียใช้เงินอย่างมาก ๕,๐๐๐ บาท เอาเงินมาซื้อฟืนเผาแล้วก็จบกันไปเป็นการตัดอาลัย และเชื่อว่าผู้ตายได้ไปสวรรค์แล้ว สังเกตดูญาติคนตายจะไม่ร้องไห้ ที่สุภาษิตคนจีนว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา แต่คนอินเดียไม่มีโลงศพจะให้หลั่งน้ำตา
สัปเหร่ออาชีพสืบทอด อาชีพสัปเหร่อที่อินเดียมีเกียรติมาก มีคนนับหน้าถือตา เป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาเป็นตระกูล ๆ มีบ้านหลังใหญ่ ไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาทำได้ง่าย ๆ คนอินเดียนี้จะสืบทอดกันมาเป็นทอด ๆ แล้วระบบวรรณะก็กำหนดไว้ว่าวรรณะนี้ต้องทำงานอย่างนี้ วรรณะนี้ทำงานอย่างนี้
ก็เป็นอันจบบทความเกี่ยวกับเรื่องคนตายกับสัปเหร่อ ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความตายที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยจะชอบให้พูดถึงกันแล้ว ปอป้าก็ไปนำภาพสาวงามของอินเดียจากกูเกิ้ลมาฝากคุณ ๆ จะได้หายสยองเรื่องความตาย แต่อยากจะขอบอกว่า ดูแล้วก็ปลง ๆ เสียเหอะ สวยยังไงอีกหน่อยก็ไม่เหลือ..อิ อิ
เพลงแสนแสบ โดย ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี พธู เอื้อเฟื้อ
Create Date : 21 กันยายน 2552 |
|
62 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2558 22:46:32 น. |
Counter : 3506 Pageviews. |
|
|
|