รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

การปฏิบัติเมื่อฤดูหนาวมาเยือน

เช้าวันนี้ ผมตื่นมาประมาณตี 4 ครี่ง ได้สัมผัสกับอากาศเย็น นี่เป็นสัญญาณว่า ลมหนาวได้มาเยือนแล้ว

อากาศที่กำลังเย็นสบาย ส่งผลดีในการปฏิบัติมาก นอกจากจะสบายกายแล้ว จิตใจยังสบายอีกด้วย
นักภาวนายังสามารถเอาการสัมผัสอากาศที่เย็นมาเป็นอารมณ์ในการปฏิบัติได้เป็นอย่างดี

ผมอ่านในห้องศาสนา ผมพบว่า นักภาวนามือใหม่ที่ไม่เข้าใจในการฝึกฝน มักไปฝึกฝนที่ไม่ตรงทาง เมื่อไม่ตรงทาง ก็ยากยิ่งที่การปฏิบัติจะได้ผลดีออกมา

การเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ในอริยมรรคมีองค์ 8 นั้น จะดีเยี่ยมเมื่อให้จิตสัมผัสแบบที่เป็นไปเอง ไม่มีการอยากรู้ อยากเห็นในสิ่งใด

และนี่คือ ประเด็นที่ผมจะนำเสนอในบทนี้ คือ การปฏิบัติที่ใจจิตสัมผัสที่เป็นไปเองกับความเย็นของฤดูหนาว

เมื่อท่านเดินจงกรมในกลางแจ้ง ที่มีลมเย็นกระทบกาย เมื่อเดินไปด้วยกฏ 3 ข้อที่ผมได้เคยบอกไว้แล้ว ขอให้ท่านสังเกตดูว่า นอกจากการรับรู้โดยทั่วๆ ไปแล้วที่ว่า ตามองเห็น หูได้ยิน รู้สึกได้ถึงการกระทบสัมผัสและสั่นไหวในการเดิน ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นของอากาศอีกด้วย

ขอให้ท่านลองสังเกตจากของจริง ๆ อย่าเพียงอ่าน blog ที่ผมเขียน
การได้พบของจริง นี่คือสิ่งที่่จะส่งผลให้ท่านเข้าใจ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทีตรงทาง
แน่วแน่ต่อองค์อริยมรรค

ขอให้ท่านลองสังเกตดูว่า ยามเมื่อท่านกำลังเดินจงกรมด้วยกฏ 3 ข้อ การสัมผัสอากาศที่เย็น ๆ นั้น ท่านจะรับรู้ได้รอบๆ รับรู้ได้เอง ถึงแม้ว่าไม่ต้องการรับรู้ โดยที่ท่านจะไม่เห็นความเย็นมันอยู่ที่ใด ความรู้สึกมันจะกระจาย ๆ ออกกว้าง ๆ พร้อมกับการเดินไป รับรู้อาการที่เดิน รับรู้อาการทีสั่นไหวไปของกายเนื่องจากการเดิน

**** ผมขอเน้นย้ำว่า ท่านจะสามารถรับรู้แบบกว้าง ๆ ที่กระจาย ๆ ได้หลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้นั้น ท่านต้องรับรู้ด้วยความรู้สึก ที่ไม่มีการจงใจที่จะรู้สิ่งใด แล้วท่านจะรับรู้อย่างนี้ได้เอง อันเป็นธรรมชาติของจิตใจ ***

ถ้าท่านรับรู้อย่างนี้ได้ นั้นแหละ ท่านกำลังดำเนินอยู่ในสัมมาสติแล้ว เพียงแต่ขอให้ท่านหมั่นรับรู้อย่างนี้ไปบ่อย ๆ เรื่อย ๆ อย่าเพิ่งได้ใส่ว่า นี่คือสมถะ หรือ วิปัสสนา

จุดมุ่งหมายของสัมมาสมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่น ไม่ไหลไปตามการกระทบสัมผัสต่างๆ
เมื่อ จิตตั้งมั่น ได้เมื่อไร ท่านก็จะพบธรรมตามความเป็นจริงได้เอง

การรับรู้ทีแผ่กระจายออกอย่างกว้าง ๆ นี่แหละ คือ หนทางแห่งการพัฒนาไปสู่จิตที่ตั้งมั่น

แล้ววันกิจกรรมครั้งที่ 3 ผมจะต่อยอดให้ต่อจากบทความนี้ในการเดินจงกรม เพราะสิ่งที่ผมจะต่อยอด ผมไม่อาจเขียนอธิบายเป็นตัวหนังสือได้ ต้องแสดงให้ดู ชี้ให้เห็น เพียงแต่ท่านขอให้หมั่นฝึกแบบนี้ไปก่อน ฝึกมาก ๆ ฝึกบ่อย ๆ เพื่อเสริมกำลังจิต




 

Create Date : 16 ตุลาคม 2554
4 comments
Last Update : 27 มกราคม 2555 9:38:18 น.
Counter : 1110 Pageviews.

 

ขอบคุณครับ สำหรับบทความ คำแนะนำการปฏิบัติ
ได้เข้ามาอ่านทบทวนอยู่ห่าง ๆ เทียบเคียงกับอาการปัจจุบันที่ตนเองสัมผัสได้ คลำทางตามไปห่าง ๆ ได้พบเจออาการตามคำแนะนำได้เป็นลำดับครับ แต่ยังไม่ถามอะไรเพิ่มเติมรอให้เค้ารู้แจ้งเอง

 

โดย: Num IP: 113.53.59.186 16 ตุลาคม 2554 15:53:31 น.  

 

การเกิดปัญญาของจิตนั้น จะเกิดเพียงแว๊บสั้น ๆ สั้นเพียงกระพริบตาเท่านั้น ซึ่งสภาวะแบบนี้ จะเกิดเองทั้งสิ้น ถ้ามีการบังคับจิตให้ไปอยู่โน่นอยูนี่ละก็ ถึงแม้ว่าจะเห็นสภาวะก็จริง แต่จะไม่เกิดปัญญาของจิตจริงครับ

ในอริยสัจจ์ 4 พระพุทธองค์ทรงสอนว่า ทุกข์ให้รู้ สมุทัยให้ละ นี่แหละครับ คือแก่นแท้ของการปฏิบัติ การเห็นสภาวะธรรมต่าง ๆ นั้น ก็เพื่อให้รู้จักครับ (ซึ่งก็คือ ทุกข์ให้รู้ นั่นเอง ) เมื่อรู้จักแล้ว ก็ละทิ้งเสีย การละทิ้งสภาวะนี้ หมายความว่า สภาวะได้สลายตัวลงไป พระพุทธองค์ก็ทรงสอนอีกว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นสมควรหรือที่ว่าเป็นเรา เป็นของเรา <<<< ส่วนนี้อ่านดี ๆ นะครับ อ่านหลาย ๆ รอบ เพราะนี่คือแก่นการปฏิบัติจริง ๆ มันจะเป็นแบบนี้ และก็ตรงเป๊ะกับคำสอนของพระพุทธองค์เสียด้วยซิครับ การที่จิตเห็นว่า สภาวะเป็นไตรลักษณ์ แล้วจิตเกิดปัญญาแว๊บเดียวเท่านั้น จิตก็จะเข้าใจเองว่า นั้นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา

เราอย่าไปติดใจสภาวะว่า ต้องเห็นโดยไปทำมันขึ้นมา ขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง นี่คือธรรมชาติ แล้วแว๊บเดียวที่จิตเกิดปัญญาจะเกิดขี้นมาเอง <<< สิ่งเหล่านี้ นักภาวนาพลาดมามากครับ คือไปฟังครูบาอาจารย์แล้วไม่มีโอกาสได้ถาม ก็เข้าใจเอง ตีความเอง พยายามไปทำสภาวะขึ้นมา เช่น เดินช้า ๆ เคลื่อนตำแหน่งจิตไปมาเพื่ออยากเห็นสภาวะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็ดีอยู่ แต่เป็นสมถะครับ การปลดปล่อยจิตให้เป็นอิสระเท่านั้น จิตจะรู้แจ้งได้เอง

*******
นำมาจากคำถามในห้องรับแขก ผมเห็นว่า คำถามดี จึงนำมาแสดงไว้ที่นี่ด้วย

 

โดย: นมสิการ 16 ตุลาคม 2554 19:43:56 น.  

 

ขอบคุณครับ การปฏิบัติตอนนี้(เข้าเดือนที่ 7)ผมกำลังประสบกับสภาวะที่คุณนมสิการเขียนไว้ คือเริ่มรู้สึกตัวได้บ่อยและยาวนานขึ้นคือวูบวาบไปทั่วตัว ความรู้สึกตัวไม่อยู่กับที่ แรก ๆ ก่อนอ่านบทความมีความพยายามนิด ๆ ที่จะบังคับเค้าให้อยู่ที่เดียวแต่หลังจากมาอ่านบทความก็ปล่อย ๆ เค้าไปแค่ตามรู้และละไป ได้เข้าใจยิ่งขึ้นที่คุณนมสิการบอกว่า ตราบใดที่เรารู้สึกตัวอยู่ โลภ โกรธ หลง ไม่มีในจิตใจ

 

โดย: Num IP: 61.19.90.30 17 ตุลาคม 2554 7:55:28 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 27 มกราคม 2555 9:38:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.