1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30
อารมณ์ทางเพศ
1..อารมณ์ทางเพศเกิดได้อย่างไร เมื่อมีการสัมผัสเกิดขึ้น เช่น ตาได้เห็นภาพที่น่ารักน่าใคร่ หูได้ยินเสียงที่น่าฟัง กายได้รับการสัมผัสที่น่ายินดี นี่คือการเริ่มต้นของอารมณ์ต่างๆ เมื่อมีการสัมผัสที่น่ายินดีดังกล่าวแล้ว ผลต่อไปก็คือ จะมีความรู้สึกที่พึงพอใจขึ้นภายในจิตใจ อันเป็นจิตปรุงแต่ง ปัญหาค่อไปก็คือ ท่านนักภาวนามีสัมมาสมาธิที่มีจิตตั้งมั่นหรือไม่ คนส่วนใหญ่จะไม่มีสัมมาสมาธิจิตตั้งมั่น เมื่อจิตไม่ตั้งมั่นแล้ว ผลก็คือ จิตจะไหลออกจากฐานของจิตด้วยแรงอำนาจของความพอใจนั้นซึ่งก็คืออำนาจของกามตัณหา ซึ่งคนทั่ว ๆ ไปเรียกว่า การมีอารมณ์ทางเพศได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่ิอได้เกิดขี้นแบบนี้ จิตมีการยึดติดด้วยกามตัณหา ทำให้อารมณ์ทางเพศเกิดค้างอยู่ได้นาน แต่สำหรับคนที่มีสัมมาสมาธิจิตตั้งมั่น พอเกิดสัมผัสอันน่าพอใจดังกล่าวขึ้น จะมีอยู่ 2 อย่าง 1.1 สำหรับท่านที่มีกำลังสัมมาสมาธิตั้งมั่นพอสมควร เมื่อเกิดผัสสะขึ้น จิตจะไหลออกขั่วคราวเพราะแรงของกามตัณหามากกว่าสัมมาสมาธิในจังหวะที่เกิดสัมผัส แล้วเกิดจิตปรุงแต่งขึ้น ทำให้เกิดอารมณ์เพศขึ้นมาได้ แต่ด้วยพลังแห่งสัมมาสมาธิที่เขามีอยู่ จิตเกิดพลังสลัดกลับอำนาจของตัณหา จิตวิ่งกลับสู่ฐานของจิตได้ เมื่อจิตสลัดคืนกลับมาที่ฐาน นักภาวนาจะเห็นอารมณ์ทางเพศสลายไปเป็นไตรลักษณ์เองโดยไม่ต้องทำอะไรเลย อันเป็นภาวนามยปัญญาของนักภาวนา 1.2 สำหรับนักภาวนาที่มีกำลังสัมมาสมาธิตั้งมั่นอย่างที่สุด เมื่อเกิดผัสสะขึ้น จิตยังคงตั้งมั่นในฐาน จิตไม่ไหลออก จิตไม่มีการปรุงแต่งแห่งอารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้น คือไม่มีอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้นได้ นักภาวนาจะเพียงรู้ว่ามีสัมผัสขึ้นเท่านั้น แต่ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่งใดๆ เกิดขึ้น 2.นักภาวนาต้องอย่าให้มีอารมณ์ทางเพศเกิดเลยหรือไม่ ผมจะไม่ฟันธงในคำถามนี้ครับ เพราะทุกอย่างเป็นเหตุและปัจจัย อารมณ์ทางเพศจะเป็นทุกข์ค้างอยู่นานถ้านักภาวนาไม่มีกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิเลย แต่ว่า มันจะเป็นปัญญา ถ้านักภาวนามีกำลังสัมมาสติ สัมมาสมาธิแบบข้อ 1.1 หรือ 1.2 ถ้าท่านเป็นนักบวช ท่านจำเป็นต้องหลีกหนี เพราะนี่คือทางเสื่อมแห่งนักบวช และเป็นการติเตียนในทางโลก แต่ถ้าท่านเป็นฆราวาส ถ้าท่านเป็นนักภาวนา อารมณ์ทางเพศจะเป็นหนึ่งอย่างทีท่านจะพบและ เป็นทางผ่านสำหรับการภาวนา เพียงแต่ขอให้ท่านฝึกสัมมาสมาธิอย่างตรงทางจนมีกำลังตั้งมั่น 3.อสุภะกรรมฐาน ทำลายอารมณ์ทางเพศได้จริงหรือ เมื่อนักภาวนาเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้น การเห็นภาพอสุภะจะเป็นผัสสะตัวหนึ่งที่สามารถสลายอารมณ์ทางเพศได้แต่เพียง..ชั่วคราวเท่านั้น.. อสุภะไม่สามารถจัดการทำลายอารมณ์เพศได้อย่างเด็ดขาด การทำลายอารมณ์เพศได้อย่างเด็ดชาด จะมีแต่สัมมาสมาธิที่จิตตั้งมั่นมากๆ อย่าง 1.2 เท่านั้น แต่ถ้ายังไม่ถึง 1.2 จะเป็นแบบ 1.1 ก็ดีมากแล้ว 4.บทสรุป ถ้าท่านไม่ได้เป็นนักบวช อย่าได้กลัวอารมณ์เพศเลย ขอเพียงแต่ท่านหมั่นฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิให้ตรงทางจนจิตมีกำลังตั้งมั่น แล้วอารมณ์เพศจะเป็นปัญญาให้แก่จิตเอง เมื่อจิตเกิดปัญญาเห็นอารมณ์เพศเป็นไตรลักษณ์ได้ มันก็ทำอะไรท่านนักภาวนาไม่ได้เลย ในชีวิตฆราวาสที่ต้องอยู่กับผู้คน ต้องทำงาน มีตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบ ท่านจะไม่มีทางหนีสิ่งเหล่านี้อันเป็นสิ่งเร้าใจต่าง ๆ ได้ ท่านจะพบมันเสมอ เพียงแต่ว่า ท่านมีกำลังจิตพอที่จะผ่านมันไปหรือไม่เท่านั้น ซึ่งก็ขึ้นกับการฝึกฝนอย่างถูกทางของตัวท่านเอง พระพุทธองค์ทรงสอนว่า เมื่อฝึกสมาธิจนจิตตั้งมั่น จะเห็นธรรมตามความเป็นจริง อารมณ์เพศ ถ้ามีจิตตั้งมั่น ก็เห็นความเป็นไตรลักษณ์ เห็นความไม่เที่ยงของมัน อันเป็นธรรมนั่นเอง ในอริยสัจจ์ 4 ทุกข์ให้รู้ สมุทัยให้ละ ถ้าในเรื่องของอารมณ์เพศ ทุกข์ คือ การรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้น สมุทัยคือ การละอารมณ์นั้นเสียด้วยการชนะตัณหาเพราะความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิ
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554
12 comments
Last Update : 25 มกราคม 2555 20:27:58 น.
Counter : 2061 Pageviews.
โดย: **mp5** 27 พฤศจิกายน 2554 11:14:34 น.
โดย: แม่ลูกสอง IP: 180.183.240.116 27 พฤศจิกายน 2554 16:17:10 น.
โดย: เบบี้บอย IP: 202.28.179.5 28 พฤศจิกายน 2554 22:45:45 น.
โดย: คนลำสาลี IP: 124.122.133.54 29 พฤศจิกายน 2554 7:51:11 น.
โดย: นมสิการ 29 พฤศจิกายน 2554 12:38:15 น.
โดย: ออย IP: 101.51.58.213 30 พฤศจิกายน 2554 22:08:22 น.
โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 1 ธันวาคม 2554 12:20:27 น.
โดย: นมสิการ 1 ธันวาคม 2554 16:02:50 น.
โดย: ออย IP: 113.53.138.176 6 ธันวาคม 2554 22:53:03 น.
โดย: นมสิการ 25 มกราคม 2555 20:28:20 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
ขอบพระคุณมากคะ