หัวใจในม่านหมอก (ตอนที่1 แรกเจอ)

เป็นนิยายเรื่องแรกที่เอามาลงไว้ในบล็อค อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรคอมเมนต์ได้นะค่ะ อยากได้คำติชมจะได้นำไปแก้ไข ชื่อเรื่องยังไม่ลงตัวเพราะคิดไว้หลายชื่อ เหอๆแต่ไม่หลายใจนะ




คีตภัทรหญิงสาวซึ่งได้รับรางวัลจากการเรียนจบโดยการถูกคู่หมั้นอกและไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนสนิทของหล่อนนั่นเอง
เอกปวีร์ชายหนุ่มซึ่งมอบรักให้ภรรยาซึ่งเสียชีวิตไปปิดกั้นตัวเองจากความรัก
เมื่อทั้งคู่มาพบกันจะเกิดอะไรขึ้น สองคนจะสู้กับม่านหมอกบางๆที่พรางตาไว้ได้หรือไม่แล้วใครจะเป็นผู้ชักนำให้ทั้งสองยอมเปิดประตูใจให้แก่กัน

ตอนที่1แรกเจอ

“ระวังตัวด้วยนะลูก เจอใครแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้วางใจก็อย่าไปคุยด้วย” อำภาเตือนลูกสาวขึ้นด้วยความห่วงใย เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่คีตภัทรลูกสาวคนเดียวของหล่อนเดินทางไปต่างจังหวัดคนเดียว “ใช่ แล้วมือถือน่ะ แบตเตอร์รี่ชาร์ตไว้เต็มหรือยัง ถ้ายังเอามาแลกกับพ่อก็ได้ พ่อจะได้โทรหาเราได้ระหว่างเราเดินทาง กว่าจะถึงบ้านย่าอีกนานนะ”ผู้เป็นพ่อถามขึ้น คีตภัทรมองผู้เป็นพ่อและแม่ด้วยรอยยิ้มรับรู้ถึงความห่วงใยของพ่อและแม่จนไม่อยากที่จะเดินทางไปไกล แต่คงทำเช่นนั้นไม่ได้ในเมื่อหล่อนตัดสินใจแล้วที่จะไปพักผ่อนสักพักที่บ้านคุณปู่คุณย่า อย่างน้อยบรรยากาศดีๆของจังหวัดแถบชายทะเลคงทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง และหวังว่าเขาคนนั้นจะไม่มาตอแยหล่อนอีกให้เหนื่อยหัวใจอย่างที่ผ่านมา “ไปถึงแล้วก็โทรหาอาเค้านะลูก อย่านั่งรถสองแถวไปบ้านย่าเองมันอันตราย”แม่ยังคงกำชับหล่อนต่อด้วยความห่วงใย
“จ๊ะแม่” คีตภัทรรับปากผู้เป็นแม่ ก่อนที่จะโผเข้ากอดพ่อและแม่อีกแล้วเดินไปยังรถโดยสารปรับอากาศV.I.P.ที่จอดรอผู้โดยสารอยู่ที่ชานชาลา
คีตภัทรเดินไปยังที่นั่งตามที่พนักงานบริการบนรถหาให้ตามหมายเลขที่ระบุไว้บนตั๋วผู้โดยสาร ปรากฏว่ามีชายหนุ่มอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับอาวิศาลของตนนั่งอยู่ก่อนแล้วในที่นั่งซึ่งนั่งคู่กับตน คีตภัทรยิ้มให้นิดนึงก่อนที่จะเก็บกระเป๋าสัมภาระแล้วนั่งลงข้างๆเขา เขาละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านมามองแวบนึงแล้วกลับไปสนใจหนังสือในมือต่อ คีตภัทรเห็นว่าไม่มีอะไรจะทำจะให้ดูวีซีตลกที่ทางรถเปิดให้ดูก็น่าเบื่อจึงหยิบเอาหนังสือในกระเป๋าสะพายที่พาติดตัวออกมาอ่าน
“ไร้สาระ” เสียงแว่วดังมาจากคนข้างๆซึ่งนั่งคู่กับตน คีตภัทรละสายตาจากหนังสือหันไปมองเขาทันที “คุณว่าอะไรนะ” แม้จะได้ยินชัดเจนแต่คีตภัทรก็อยากรู้ว่าอยู่ดีๆผู้ชายคนนี้มาว่าตนทำไมจึงถามเขากลับไป
“ทำไมผู้หญิงชอบอ่านนิยายประโลมโลกกันนะ” เขาถามขึ้นพลางมองหนังสือในมือของคีตภัทร “อ่านแล้วคลายเครียดคลายเหงาไงค่ะ”คีตภัทรตอบเขากลับไปไม่เข้าใจว่าเขาถามทำไม
“หนังสือดีๆมีสาระเยอะแยะไม่รู้คิดจะอ่าน เป็นเด็กเป็นเล็กผลาญเงินพ่อแม่ดีๆนี่เอง”เขายังบ่นว่าเหมือนกับหล่อนคือลูกศิษย์ที่โดนเขากำลังติเตียนความประพฤติไม่มีผิด
“อะไรของเค้านี่” คีตภัทรแอบบ่นในใจก่อนที่จะหันไปสนใจหนังสือในมือต่อเลิกสนใจผู้ชายท่าทางปากจัดคนข้างๆไปเสียสิ้น ก็นิยายในมือมันสนุกกว่าการคุยกับเขาเป็นไหนๆนี่นา
*******
เสียงเพลงวัยรุ่นดังมาจากกระเป๋าของหญิงสาวซึ่งนั่งคู่กับตน ซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว เอกปวีร์ปลุกหล่อนขึ้นมาทันทีเมื่อยิ่งปล่อยไปเสียงเจ้ากรรมมันก็ยิ่งดังทำความรำคาญให้ผู้โดยสารคนอื่นๆในรถไม่เฉพาะเพียงเขาคนเดียว คีตภัทรงัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วรีบควาญหาโทรศัพท์ในกระเป๋า คงเป็นพ่อกับแม่โทรมาเป็นแน่ คีตภัทรรีบรับสายซึ่งก็เป็นพ่อกับแม่จริงๆที่โทรมาถามข่าวคราวการเดินทาง
“ทีหน้าทีหลังรู้จักปิดเสียงโทรศัพท์บ้างก็ดีนะคุณ” เอาอีกแล้วทันทีที่หล่อนวางสายเขาก็ดุขึ้นมา สงสัยตานี่คงเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองแหงๆ
“ก็ใครจะไปคิดล่ะว่ามีสายเข้าดึกๆอย่างนี้” แม้จะรู้ว่าผิดแต่ก็ขอเถียงหน่อยละกันเมื่อเห็นสีหน้าที่เขามองมาบอกชัดว่าหล่อนไม่ประสีประสาจริงๆ แล้วคีตภัทรก็ทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นรถเลี้ยวเข้าไปจอดในสวนอาหารริมถนน ผู้โดยสารเริ่มทยอยลงจากรถกัน มองออกไปก็มีรถโดยสารจอดอยู่เรียงรายอยู่ก่อนแล้วหลายคัน
“ต้องลงไปเปลี่ยนรถอีกคันหรือคุณ” ทันทีที่สิ้นคำถามเขามองหน้าหล่อนด้วยสายตาเหมือนคนปลงกับชีวิต
“ไม่เคยนั่งรถโดยสารทางไกลหรือไงคุณ” เอกปวีร์ถามขึ้นพลางส่ายหน้า นี่หากเป็นน้องหรือหลานของเขาๆคงไม่ปล่อยให้เดินทางมาคนเดียวเป็นแน่
“ไม่เคย ครั้งแรก” คีตภัทรบอกออกไปตรงๆก่อนที่จะนึกได้ว่าพ่อกับแม่สั่งนักสั่งหน้าว่าอย่าพูดอะไรบอกอะไรกับคนแปลกหน้า แต่ตาคนนี้ไม่เฉพาะแปลกหน้าหรอกทั้งน่าแปลกอีกด้วยสิ
“ถึงว่าสิ นี่เค้าให้ลงไปทานอาหารกัน บริษัทเค้าเลี้ยง แต่คุณจะไม่นานก็ได้หรือว่ามีเงินเหลือก็ซื้อกินเองตามซุ้มก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ” นั่นประไรคีตภัทรคิดไว้ไม่มีผิดนายนี่คงมีย้อนมาแน่ๆ
“เหรอ แล้วคุณไม่ทานหรอ” คีตภัทรถามขึ้นเมื่อไม่เห็นเขาลุกออกจากที่นั่งอย่างคนอื่นๆ
“แล้วผมจะไปยังไงล่ะคุณ ในเมื่อคุณนั่งไม่ยอมลุกหลีกทางให้อย่างนี้” เขาถามกลับมาทันที คีตภัทรแทบจะกระโดดลุกให้เขาออกไปเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเขา
หลังจากลงจากรถคีตภัทรก็เดินตามหลังเอกปวีร์ไปต้อยๆ จนเอกปวีร์ต้องหยุดเดินแล้วหันมาถามขึ้น
“นี่มาเดินตามผมทำไมฮึคุณ”
“ก็ฉันไม่รู้จักใครเลยนี่ แล้วนี่คุณไม่เข้าไปทานข้าวข้างในหรอ” คีตภัทรถามเขากลับไปเมื่อเห็นว่าทางที่เขาเดินมากับห้องที่เค้าจัดไว้ให้ทานข้าวมันคนละทางกัน
“ไม่ล่ะ ไม่หิว” เอกปวีร์บอกแล้วเดินต่อไปทันที
“แล้วคุณจะไปไหนน่ะ” คีตภัทรยังคงเดินตามเขาไป
“ไปห้องน้ำ จะตามอีกไหมฮึคุณ” เอกปวีร์บอกขึ้นน้ำเสียงฟังว่ารำคาญเต็มที
“ไปสิ ฉันก็อยากเข้าห้องน้ำเหมือนกัน อยากล้างหน้าล้างตาด้วย” คีตภัทรบอกขึ้นแล้วเดินตามเขาไป
หลังจากเสร็จธุระ ได้ล้างหน้าล้างตารู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าเดิม คีตภัทรก็เดินกลับออกมาจากห้องน้ำของผู้หญิง เจอกับเอกปวีร์มายืนรออยู่
“ขอบคุณนะค่ะที่รอ” ไหนๆเขาก็ยืนรอหล่อนทั้งทีคีตภัทรจึงเอ่ยคำขอบคุณออกไป
“ผมไม่อยากทำบาปโดยไม่รู้ตัว เกิดคุณหลงจำรถคันที่นั่งมาไม่ได้แล้วตกรถขึ้นมาจะทำไง ดีไม่ดีพรุ่งนี้ผมอาจเห็นหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งมีรูปคุณโชวร์อยู่มันคงยิ่งบาปหนัก”เขาบอกขึ้นแล้วเดินกลับไปยังรถ คีตภัทรแทบจะขอคำขอบคุณกลับคืนมาเมื่อได้ยินคำตอบของเขา

********
เมื่อกลับมาบนรถอีกครั้งเอกปวีร์ก็ยกที่นั่งริมหน้าต่างของตนให้กับคีตภัทร ทำให้คีตภัทรมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ผมกลัวว่าคุณจะหลับแล้วดิ้นตกไปที่พื้น คออาจหักได้น่ะคุณ” ฟังที่เขาพูดคือน้ำใจหรือหรือแช่งกันนี่ แต่เมื่อเขาเสียสละให้แล้วคีตภัทรก็ไม่อยากปฏิเสธ
“ฉันพอรู้ตัวหรอกนะว่านอนไม่ดิ้น แต่เมื่อคุณเสียสละทั้งทีฉันก็ไม่ขัดศรัทธาล่ะ ขอบคุณนะ” คีตภัทรบอกขึ้นแล้วเข้าไปนั่งทันที ขืนชักช้าตานี่เปลี่ยนใจเอาสิ
หลับบนรถยังไงก็ไม่สบายเท่านอนยังที่นอนนุ่มๆแต่คีตภัทรก็รู้สึกว่าตนหลับได้นานโดยที่ไม่ฝันอะไรให้ต้องเหนื่อยใจอย่างทุกๆวันที่ผ่านมา คีตภัทรมองนาฬิกาข้อมือเมื่อรถเลี้ยวเข้าขนส่งจังหวัดจุดหมายปลายทางที่หล่อนเดินมามาครั้งนี้ ผู้คนยังไม่พลุกพล่านอาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่มาก
หลังจากรับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จากพนักงานบริการของรถแล้ว คีตภัทรก็เดินไปรอผู้เป็นอาหน้าอาคารที่ขายตั๋วผู้โดยสารเพราะคิดว่าเป็นจุดนัดพบที่หาง่ายที่สุด
เอกปวีร์เดินมาหยุดข้างๆหล่อนแล้วเอ่ยถามขึ้น
“มีคนมารับหรือเปล่า”
“ค่ะ” ตอบรับแต่พอตัวคงจะดีกว่าพูดจ้อให้โดนเขาดุ คีตภัทรจึงตอบไปสั้นๆ
“อืม...ก็ดีเด็กๆอย่างคุณไม่ควรนั่งรถสองแถวไปเองมันอันตราย” ไม่เพียงแต่คำพูดหรอกที่เขาว่าเด็กแม้แต่สายตาที่มองมาของเขาก็ยังเหมือนกับผู้ใหญ่มองเด็กคนหนึ่ง
“ใครเด็กฮึคุณ ฉันโตแล้วนะบรรลุนิติภาวะแล้วด้วย” คีตภัทรบอกออกไปด้วยความฉุน
“ งั้นหรือ” ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆก็รู้ว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ตนบอกคีตภัทรจึงเงียบเสีย ซึ่งพอดีกับที่มองไปเห็นอาของตนเดินมาพอดี
“อ้าวเฮ้ย...ไอ้เอกไหนว่าจะกลับมะรืนนี้ไม่ใช่หรือวะ แล้วทำไมไม่นั่งเครื่องล่ะนาย” วิศาลทักทายเพื่อนสนิทซึ่งอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงห่างแค่เพียงรั้วกั้นซึ่งยืนอยู่ข้างๆหลานสาวขึ้น คีตภัทรจึงมองอาด้วยความงง อารู้จักตาคนนี้ด้วยหรือนี่
“ก็ดูงานเสร็จแล้ว ทางคณะเค้าจะพาไปเที่ยวกันนะวันที่เหลือชั้นไม่อยากไปเลยขอกลับมาก่อน แต่โชคร้ายตั๋วเครื่องบินเต็มหมด แล้วนายมารับใครหรือ” เอกปวีร์ถามเพื่อนขึ้น
“มารับหลานสาวฉันน่ะ ยัยคีย์เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ” วิศาลบอกขึ้นแล้วมองไปยังคีตภัทร
“นี่นายอย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้หลานนาย” เอกปวีร์ถามขึ้นสีหน้าบอกว่ายังไงก็ไม่เชื่อ
“ทำไม ฉันเป็นหลานอาวินมันผิดตรงไหนฮึคุณ” คีตภัทรถามขึ้นทันที
“ก็ไม่มีอะไร งั้นชั้นไปก่อนนะวิน” เอกปวีร์บอกกับเพื่อนขึ้น ในเมื่อสาวน้อยมีคนมารับแล้วเค้าก็ค่อยหายห่วง
“อ้าว ก็กลับด้วยกันสิ จะนั่งรถโดยสารไปทำไมให้ลำบากวะ” วิศาลท้วงเพื่อนขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนจะเดินไปอีกทาง เอกปวีร์มองเด็กสาวที่ยืนข้างหน้าๆเพื่อนด้วยความชั่งใจก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“ตกลงกันได้แล้วใช่ไหมค่ะจะได้ไปเสียที คีย์หิวแล้วนะค่ะอาวิน” คีตภัทรบอกขึ้น
“จ้าหลานอา ทนหิวอีกนิดนะ ย่าเราทำกับข้าวไว้ตอนรับเยอะแยะเลย ไปกันเถอะเอกเดี๋ยวหลานข้าหิวมากกว่านี้จะเดือดร้อน” วิศาลปลอบหลานสาวแล้วหันไปบอกกับเพื่อนที่ยืนมองหลานสาวเขาด้วยสายตาที่เขาก็ไม่เข้าใจนักว่าหมายถึงอะไร


*******-----------------------------*******










Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
Last Update : 28 กรกฎาคม 2550 19:48:17 น. 5 comments
Counter : 459 Pageviews.

 
เข้ามาทักทายค่ะสนุกดีค่ะ แล้วจะเข้ามาอ่านอีกนะค่ะ
รีบมาลงเร็วนะ


โดย: นู๋นิ IP: 61.19.50.66 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:11:33:19 น.  

 
เข้าไปอ่านตอนที่ 2แล้วค่ะ แต comment ไม่ได้ก็เลยเข้ามา comment ตอนที่ 1 แทน รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ สนุกดีค่ะ ตอนต่อไปรีบมาอัพเร็วๆๆ นะคะรออ่านอยู่ค่ะ ขอบคุณค่ะ


โดย: นู๋นิ IP: 203.154.169.133 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:12:02:08 น.  

 
ขอบคุณนะค่ะ ที่เข้ามาอ่านและมีคอมเมนต์ให้ ตอนต่อไปจะอัพวันเสาร์นะค่ะ คงไม่ช้าเกินไปนะค่ะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:21:26:49 น.  

 


โดย: ไลเดเลีย วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:13:43:57 น.  

 
ฟ่างเข้ามาอ่านแล้วน่าค่าสนุกดีค่ะ
แต่พระเอกเนี่ยขี้บ่นจัง


โดย: ข้าวฟ่างกลางทุ่งนาอันแสนอบอุ่น IP: 117.47.171.150 วันที่: 9 ธันวาคม 2550 เวลา:19:56:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มัยดีนาห์
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]





เช็คหลังไมค์มัยดีนาห์
Color Codes ป้ามด
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มัยดีนาห์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.