|
จดหมายจากเมืองไทย : โบตั๋น
วันที่13 สิงหาคม พ.ศ.2488 ตันส่วงอู๋ หนุ่มชาวจีนวัยยี่สิบลงเรือลำใหญ่มาพร้อมกับแต้เส็งและอึ้งกิมเพื่อนทั้งสอง ของเขาเพราะข้อความอันหอมหวานในจดหมายจากลุงของเส็งที่ว่าเมืองไทยนั้นหากิน ง่ายนักแม้สุนัขก็ไม่อดตาย ตันส่วงอู๋คาดหวังที่จะทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว ส่วนที่เหลือจากการเก็บหอมรอมริบก็จะได้ส่งกลับไปยังแม่และน้องชาย ซึ่งเขาหนีจาก มาโดยใช้การเขียนจดหมายสื่อแทนคำบอกกล่าวคนทั้งสอง . บนเรือลำที่ส่วงอู๋โดยสารมา ได้พบทั้งข่าวดีและข่าวร้าย การพบกับล้อหยงจั๊วผู้ใหญ่ ใจดีที่ยินดีเป็นพ่ออุปถัมภ์ของส่วงอู๋นับเป็นเรื่องดีราวถูกหวย แต่การถูกค่อนขอดจาก เส็งสหายที่ลงเรือมาพร้อมกัน จนกลายเป็นเรื่องบาดหมางกันชนิดมองหน้ากันไม่ติด เป็นเรื่องไม่ดีสำหรับเขา . เมื่อขึ้นถึงฝั่ง ส่วงอู๋แยกตัวจากเส็ง ขณะที่กิมติดสอยห้อยตามส่วงอู่ไปด้วย ชีวิตของ ทั้งคู่เริ่มต้นที่สำเพ็ง ชายหนุ่มทั้งสองเริ่มทำงานที่ร้านของล้อง่วนทง จากการฝากฝัง ของพ่อบุญธรรม (คนที่เจอกันบนเรือนั่นแหละ) ด้วยความรู้ที่ติดตัวมา ทำให้ส่วงอู๋ดู มีภาษีดีกว่ากิม เขาจึงได้หยิบจับงานบัญชี ขณะที่กิมทำงานเฉกเช่นคนงานทั่วไป ของร้าน . . -แข่งอะไรแข่งได้แต่เรื่องบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้- ในบรรดาเพื่อนทั้งสามคน ส่วงอู๋ ได้เป็นฝั่งเป็นฝาก่อนใคร เจ้าสาวของเขาคือหมุยเอ็ง ลูกสาวคนโตของเถ้าแก่ที่เขาได้เข้าทำงานนั่นเอง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มสร้าง”ครอบครัว” ลงหลักปักฐานจนมีลูกมีเต้าด้วยกันหลายคน . .
. . -ความแตกต่างของผู้คน- มุมมองของส่วงอู๋ หนุ่มชาวจีนผู้จากบ้านมาอย่างเสื่อผืนหมอนใบ ชาวจีนอย่างพวกเขา ทำงานด้วยความขยันอดทน หนักเอาเบาสู้ แม้จะเป็นกุลีก็ยอม ผิดกับคนไทยที่ถูกปลูก ฝังว่าข้าราชการเป็นงานที่มีศักดิ์ศรี มองงานค้าขายตามที่พวกเจ๊กจีนทำกันเป็นสิ่งน่า ละอาย ตามที่สุภาษิตเขาว่า “สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง” แต่ความจริงคือความจริง ศักดิ์ศรีนั้นกินไม่ได้ ข้าราชการกินเงินดือนหลายคน รักสบาย ใช้จ่ายไม่อดออม บางครอบครัวก็มีลูกเต้ามากมายเป็นภาระ เมื่อหมุนเงินไม่ทันใช้ แต่ตัวเองรักสบาย ลำบากไม่เป็น สุดท้ายจึงต้องซื้อของจากพ่อค้าชาวจีนด้วยเงินเชื่อ บางคนถึงเวลาก็ นำเงินมาใช้ และบางรายก็เงียบหายไปดื้อๆ . . -ลูกรัก- อันที่จริงแล้วการเลือกที่รักที่ชังไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมเล็กๆ จุดเริ่มต้นของชีวิตที่ชื่อว่า ครอบครัว เว่งคิมลูกชายหัวปีของส่วงอู๋ที่เขาชื่นชมดังหัวแก้วหัวแหวน ผู้เป็นพ่อเตรียม วางหมากชีวิตของลูกชายเพื่อหวังให้สืบทอดกิจการต่อจากตน ด้วยวิธีต่างๆ นานาที่สรร หามาให้ ทว่ารักเกินรักมักทำร้าย (ขอยืมวลีจากบัลลังก์เมฆมาใช้เด้อ) ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ เป็นดั่งใจเขาคิด . . -ลูกชัง- เม่งจู เป็นลูกคนที่สี่ของเว่งคิมและหมุยเอ็ง ในระหว่างตั้งท้องจนคลอดดันมีเหตุพลิกผัน ทำให้ผู้เป็นแม่ไม่สามารถมีบุตรได้อีกต่อไป ทั้งที่ส่วงอู่หวังจะมีบุตรสืบทอดตระกูลให้ ได้เจ็ดคนตามความเชื่อส่วนตัว (แหม ไม่ใช่ย่อยเลยนะเฮีย ถามเมียดูก่อน ) เม่งจูเลย ตกอยู่ในสถานะแพะรับบาป พ่อไม่รัก แต่...แม่ไม่เห็นด้วย รวมทั้งอั้งบ๊วย น้องเมียก็ยัง ถือหางเม่งจูอีกแรงหนึ่ง แต่ลูกชังคนนี้นี่แหละที่สร้างเซอร์ไพรส์ ให้ส่วงอู๋ได้ตลอด และเป็นสายเลือดเดียวที่มีสิ่งที่ส่วงอู๋นั้นต้องการ . . -เราล้วนหลงตัวเองกันทุกคน- “คนเรานี่เป็นโรคหลงตัวเอง ยิ่งมาจากชาติที่เจริญเก่าแก่ยิ่งเป็นมาก... แต่ถ้าเรารู้จักความพอดีก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เชื่อใจในคุณค่าของคน ไม่ว่ายุคไหนก็ต้องเจริญขึ้นไม่งั้นโลกก็ไม่เจริญ” ประโยคประทับใจ และแทนใจในเรื่องได้ดี ส่วงอู๋ผู้เรียลจีนขนานแท้ได้แต่งงานกับสาว จีนที่เกิดในเมืองไทย แต่บางเรื่องเขาก็ไม่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตามตามทั้งหมด เช่น เรื่องลูก เมื่อลูกเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนใช้ภาษาไทย แต่เมื่อก้าวเข้าบ้านปุ๊บต้อง พูดจีนเท่านั้น หวังไม่ให้ลูกๆ ลืมรากเหง้า แต่กลับเป็นดาบสองคมสร้างปมให้ตัวเด็ก เอง . . เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน เนื้อหาตลอดเวลานับยี่สิบปี ส่วงอู๋เขียนจดหมายถึงแม่โดยที่ไม่ได้รับการตอบกลับ สักฉบับ เนื่องด้วยสถานการณ์ทางการเมืองการปกครองของเมืองจีนในช่วงเวลานั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จดหมายไม่ถึงตัวผู้รับ แต่เราก็เชื่อนะว่าลึกๆ แล้วตันส่วงอู๋ ก็รู้อยู่แก่ใจ . . จดหมายจากเมืองไทย วรรณกรรมน้ำดีซึ่งผู้เขียนหยิบจีบวัฒนธรรม ประเพณี การ เปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านกาลเวลาโดยใช้จดหมายของส่วงอู๋ทำหน้าที่เป็นไทม์ไลน์ บอกเรื่องราว ได้ซึบซัมบรรยากาศห้องแถวร้านโชว์ห่วย แฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผม เทคโน- โลยีที่ค่อยๆ ย่างกรายมาสู่วิถีชุมชน และสอดแทรกแง่คิดและมุมมองของผู้คนในยุค สมัยนั้นได้อย่างดี .
เวอร์ชั่นละครโทรทัศน์ พ.ศ.2535 (คลิปจากยูทูป) . . หลายสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป แต่หากหัวใจของเรายังเต้นอยู่ก็จงสู้ไปให้ถึงที่สุด . . จดหมายจากเมืองไทย โบตั๋น เขียน ฉบับพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชมรมเด็ก . . ชวนอ่าน https://www.facebook.com/comeonreading
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2563 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2563 21:40:49 น. |
|
12 comments
|
Counter : 1378 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณhaiku, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณเริงฤดีนะ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณSleepless Sea, คุณInsignia_Museum, คุณSai Eeuu, คุณnewyorknurse, คุณฟ้าใสวันใหม่ |
โดย: อุ้มสี วันที่: 18 พฤศจิกายน 2563 เวลา:23:31:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤศจิกายน 2563 เวลา:6:16:16 น. |
|
|
|
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 19 พฤศจิกายน 2563 เวลา:9:14:43 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2563 เวลา:11:07:52 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 พฤศจิกายน 2563 เวลา:11:30:16 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 20 พฤศจิกายน 2563 เวลา:23:36:00 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 21 พฤศจิกายน 2563 เวลา:20:03:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 พฤศจิกายน 2563 เวลา:7:10:22 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 22 พฤศจิกายน 2563 เวลา:13:20:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]
|
สวัสดีครับ มาช้ายังดีกว่าไม่มา มาแนะนำตัว
จขบ. เป็นมัณฑนากรและวาดภาพประกอบ งานอดิเรกคือการอ่านการ์ตูน หนังสือ(นิยาย) วาดรูปเล่น ทำอาหาร สำหรับการรีวิวหนังสือนั้นเริ่มขึ้นจากเมื่ออ่านบ่อยๆ เข้า ก็อยากที่จะจดบันทึกช่วยจำ และอยากแนะนำเล่มนั้นเล่มนี้ให้เพื่อนๆอ่านกันด้วย
ใครแวะเวียนผ่านมาหน้าบ้านก็เคาะประตูทักทายกันได้ครับ ด้วยความยินดี ขอบคุณครับ
|
|
|
|
|
|
|
จำตัวละคร
ตันส่วงอู๋