ศุกร์ที่ 31 มีนาคม วันสิ้นเดือน
ผมคิดว่าจะไปดูหนังเรื่อง Daisy อยู่ทีเดียว เพราะอยากเห็นน้อง จวน จี ฮุน อยู่ ๆ น้องที่ทำงานก็ชวนไปดูหนัง ผมก็เลยตกลง ชวนกันไปชวนกันมา มีคนคล้อยตามอีก 3 คน รวมแล้วเป็น 5 คน ด้วยกัน
ผมอยากดูเรื่อง Daisy ส่วนน้องคนที่ชวนบอกว่าอยากดู โหน่ง-เท่ง นักเลงภูเขาทอง ขณะที่อีกคนบอกว่าอยากดูหนังตลก ผมพยายามชักจูงให้ดูเรื่อง Daisy โดยบอกว่าแม้เมื่อเข้าไปดูแล้วปรากฏว่าหนังมันห่วย แต่การได้เห็นจวน จี ฮุน ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแล้ว น้องที่ชวนดูเรื่องโหน่ง เท่ง ฯ อ้างว่าเชื่อในตัวปัญญา นิรันดร์กูล ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่ดีไปหมด แม้ผมจะบอกว่าหนังเรื่องนี้แม้แต่ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นนักเลง เพราะฉะนั้นต้องเป็นสไตล์ตีหัวเข้าบ้าน หลอกเอาเงินเราแล้วชิ่งหนีแน่นอน
จนมาถึงหน้าโรงหนัง เราก็ยังตกลงกันให้เป็นที่แน่นอนไม่ได้ ในที่สุดเราตกลงกันว่าให้ใช้วิธีโหวต
ผลการโหวตออกมา หนังเรื่องโหน่ง-เท่ง นักเลงภูเขาทอง ได้เสียงข้างมากไป คือได้ 3 เสียง คิดเป็น 60 % ส่วนคนที่ไม่อยากดูโหน่ง เท่ง มีแค่ 2 เสียง คิดเป็น 40 %
เป็นอันว่าทั้ง 5 ชีวิตก็ได้เข้าไปนั่งแถวเรียงหนึ่ง ดูหนังเรื่องโหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทองกัน
พอออกมาจากโรงหนัง น้องที่เป็นต้นคิดที่จะดูหนังเรื่องนี้ ยิ้มแหย ๆ ให้ผม แล้วบอกว่า
พี่ หนูขอโทษ
ผมไม่อยากยกโทษให้สักเท่าไร
ที่จริงหนังเรื่องนี้ก็ตลกดี แต่รู้สึกว่ามุกตลกแบบคาเฟ่ ตลกที่พยายามยัดเยียดดูแล้วไม่ประทับใจ มุกตลกที่ยัดเยียดมานั้นได้ผลไม่ได้ผลบ้าง ด้านการแสดง บางคนก็แสดงดีครับ แต่ตัวเอกทั้งสองมาตรฐานเดียวกับละครในชิงร้อยชิงล้าน ภาพรวมก็เหมือนละครในชิงร้อยชิงล้านเช่นกัน
ผู้กำกับเป็นใครนะ ใครบางคนถามขึ้น
ไม่รู้ แต่สงสัยเป็นผู้กำกับละครในชิงร้อยชิงล้าน เพราะดูแล้วหลาย ๆ อย่างเหมือนชิงร้อยชิงล้านมาก
ถ้าใช่แสดงว่ามาตรฐานเขาคงเส้นคงวามากนะนั่น
สรุปว่าสิ่งที่ได้จากการโหวตก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป ผมสรุปดื้อ เพื่อตอกย้ำคนที่เลือกหนังดูเรื่องนี้
การโหวตเป็นวิธีการที่ดีแล้ว น้องแย้ง
ผมยอมรับว่าการโหวตเป็นวิธีที่ดี แต่ก็ยังยืนยันว่าผลที่ได้จากการโหวต บางครั้งก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป
ปล. ผมยังไม่ได้ดูเรื่อง Daisy จึงยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว Daisy จะดีกว่า โหน่ง-เท่งฯ อย่างที่คิดหรือเปล่า