<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 ธันวาคม 2551
 

ใส่บาตรข้าวเหนียว เดินเที่ยวตลาดเช้า


ทำตัวเป็นเด็กไม่ดี เที่ยวผับกลางคืน แล้วก็กลับมาอาบน้ำ สระผม จัดเก็บสมบัติที่ซื้อมาใส่กระเป๋าเดินทางไว้
ตอนเช้าคุณบุญบอกว่าจะมี morning เคาะ ตอนตีห้า .
ที่เป็นระบบเคาะ ก็เพราะว่าที่พักของเรา (และที่อื่นๆ ส่วนใหญ่) ไม่มีโทรศัพท์ในห้องค่ะ

เพื่อนร่วมห้องของเรา ตั้งโทรศัพท์มือถือให้ปลุกไว้ล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง
เราได้ยินเสียงปลุกตอนตีสี่ครึ่ง และเสียงเพือนบอกว่า ...นอนต่ออีกหน่อยก็ได้
...OK งั้นยังไม่ลุก ....หลับต่อ

แล้วก็มาได้ยินเสียงผึบผับ พรวดพลาดลุกตอนตีห้าครึ่ง
เฮ้ย ....นัดรวมพลที่ล้อบบี้ตอนหกโมงนี่หว่า ....
เพื่อนเรารีบอาบน้ำก่อน เพราะเค้าแต่งตัวช้ากว่าเรา
พอถึงคิว คราวนี้ ไม่อาบน้ำแล้ว ...ก็เพิ่งอาบตอนหกทุ่มกว่าๆ เองอ่ะ
ขอแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วกัน
ระหว่างที่เราแต่งตัว ....เค้าก็ออกไปเคาะประตูห้องเพื่อนๆ ....เงียบไม่มีเสียงตอบ
พวกเราแต่งตัวอย่างรีบเร่ง ...แล้วขึ้นไปล้อบบิ้ ทุกคนอยู่กันครบแล้ว รอแต่เรา 2 คน
มิน่าล่ะ ...เคาะห้องแล้วเงียบ ....กำลังจะอ้าปากต่อว่าพนักงานที่ไม่ morning เคาะ ....
เพื่อนอีกคนก็บอกว่า พนักงานเคาะประตูค่อยไปหน่อยนะ ถ้าไม่ได้ยินเสียงมือถือปลุก คงยังไม่ลุกหรอก
แสดงว่า เราสองคน หลับเพลินกันเอง ทำตัวสงบเสงี่ยมรับผิดแต่โดยดี
แต่ไม่เป็นไร ไม่เกินหกโมง ครบกันแล้ว พร้อมเดินทางกันได้

เรื่องใส่บาตรข้าวเหนียวนี้ เราต้องจ่ายค่าข้าวเหนียวเพิ่มคนละ 100 บาท
ทางร้านจะไปจัดการปูเสื่อ วางม้านั่ง ผ้าสไบ และข้าวเหนียวกระติบใหญ่ไว้ให้
คุณบุญหันมาบอกว่า ที่นั่งของพวกเราอยู่หน้าวังของเจ้าหญิง
ธิดาเจ้าศรีสว่างวัฒนา เจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้ายก่อนเปลี่ยนการปกตรอง

อ้อ ...คำแนะนำจากไกด์ของเรา บอกว่า
ข้าวเหนียวที่จัดให้ กระติบใหญ่มากแล้ว ...ให้หยิบข้าวเหนี่ยวเป็นคำๆ ใส่บาตร
ไม่ต้องกลัวว่า จะไม่พอ ....เพราะกระติบใหญ่มาก และไม่ต้องกลัวข้าวเหนียวติดมือด้วย
ถ้าข้าวเหนียวหมดก่อนพระ ...ก็จะมีแม่ค้าส่งกระติบข้าวเหนียวมาให่ใส่ต่อ
ถ้าคิดจะใส่ต่อ ให้ตกลงราคาก่อนรับกระติบมา
ถ้าไม่คุยกันก่อน ....พอใส่หมด ราคาจะแพงเป็นพิเศษ ต้องระวังไว้

ผ้าสไบ ที่เตรียมไว้ให้นั้น ผู้หญิงให้พาดเฉวียนที่บ่าซ้ายหรือขวาตามถนัด
ส่วนผู้ชาย ให้สะพายเฉียงผูกไว้ด้านช้ายหรือขวาก็ได้
ผู้หญิงให้คุกเข่าใส่บาตร ส่วนผู้ชายให้ยืนใส่บาตร
ถ้าหยิบข้าวเหนียวไม่ทันก็ไม่เป็นไร พระท่านไม่ยืนรอเราหรอกนะ
ท่านต้องเดินไปเรื่อยๆ ....เพราะพระและเณรต่อแถวเยอะ ...คนรอใส่บาตรก็เยอะด้วย

บางคนสงสัยว่า ใส่แต่ข้าวเหนียว แล้วกับข้าวล่ะ
อันนี้ เราอ่านจากคู่มือ (เล่มเดิม) บอกว่า ชาวบ้านจะตามไปถวายกับข้าวที่วัดเอง ....

รถตู้จอดส่งแล้วต้องไปหาที่จอดรถจุดอื่น เพราะบริเวณนั้นเต็มไปด้วยรถตู้และรถนักท่องเที่ยว
เค้าจัดให้นักท่องเที่ยวอยู่บริเวณต้นทางของถนนสายนี้ (ไม่ได้ดูชื่อถนน)
พระและเณร วัดต่างๆ จะเริ่มต้นเดินมาเป็นทิวแถว จนสุดถนนนี้ ก่อนจะแยกสายไปตามเส้นทางของแต่ละวัด
นักท่องเที่ยว....หลายกลุ่ม...นั่งเรียงกันเป็นพระอันดับ
ถ่ายรูปกันเอง ถ่ายรูปกลุ่มอื่น ...ช่วยกันถ่าย ผลัดกันกดชัตเตอร์
สนุกสนานดี

มีชาวบ้านหาบขนมมาขายให้นักท่องเที่ยวที่รอใส่บาตรอยู่


และมีชาวบ้านอีกประเภทอุ้มลูกมานั่งรอพระ...ระหว่างแถวนักท่องเที่ยวด้วย
พร้อมกล่องหรือตะกร้า....เพื่อรอพระทิ้งทาน


เจ็ดโมงเช้า...พระและเณรชุดแรกก็แถวเรียงแถวมา ...มีตากล้องรายล้อม จนน่าอึดอัดแทนท่าน
เราก็เลยไม่ลุกไปเล็งใกล้ๆ แค่รอระยะให้ท่านเดินเข้าในระยะกล้องเรา แล้วกดชัตเตอร์
วางกล้อง รอใส่บาตร ....เว้นไปแป๊บนึง ชุดใหม่ก็มา
เราก็ทำแบบเดิม ไปเรื่อยๆ จนข้าวเหนียวหมดกระติบ ....
ได้ภาพมานิดนึง บางภาพไหว บางภาพกำลังได้มุมดีเลยล่ะ แต่ก็ดันมีตากล้องโฉบเข้ามาบังซะอีก





เสร็จจากการใส่บาตรด้วยความอิ่มใจในบรรยากาศที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลกนี้อีกแล้ว
แม้ว่าดูจะพลุกพล่านไปหน่อย...แต่ก็ยังรู้สึกดี ...
ไกด์เตือนให้เราอุทิศส่วนกุศล ด้วยเศษข้าวเหนียวที่เหลือติดก้นกระติบ
ขูดมารวมกัน ปั้น แล้วอธิษฐาน จากนั้นก็วางก้อนข้าวเหนียวไว้ที่ข้างรั้ววังนั่นเอง

รถตู้พวกเราจอดไกล เราก็เลยได้เดินเก็บภาพตึกงามๆ ทั้งแบบผสมผสาน และแบบฝรั่งเศสไปด้วย

ห้องการตำรวจ = สถานีตำรวจ


บ้านเรือนแถบนี้ ส่วนใหญ่แปรสภาพเป็นร้านค้าและโรงแรม




สังเกตได้ว่า ตึกที่เมืองนี้..สร้างปีไหน...จะมีปูนปั้นปีค.ศ.ติดไว้ด้วย




ซึบซับ ซาบซึ้ง กับบรรยากาศสงบๆ ยามเช้ากันพอสมควรแล้ว...
ก็มุ่งหน้าสู่ตลาดเช้ากันดีกว่า .....


ตลาดนี้ อยู่ไม่ไกลกับถนนเส้นที่เป็นตลาดมืด ...ลงรถแล้ว...จุดนัดหมายก็คือ หน้าไปรษณีย์เช่นเดิม


ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและดูความเป็นอยู่ของผู้คน ก็ต้องเที่ยวตลาดตอนเช้าๆ นี่แหละ
ตลาดในเมืองหลวงพระบางนี้...แม่ค้าบางคนยังวางของขายแบบแบกับดิน


อาหารการกินแบบพื้นบ้านก็มีมากมาย ...น่าลอง..และพวกเราก็ซื้อมาลองกันด้วย ..เช่น
ขนมครก ...ขนมเทียน (ที่ไม่ได้เรียกว่าขนมเทียน และห่อใบตองเป็นสี่เหลี่ยม) ปากหม้อ ข้าวจี่
...ส่วนไกด์ของเรา ก็ช้อบเก่งเหมือนกัน...พอทัก ก็บอกว่า
ทางบ้านฝากซื้อไคแผ่น ไกด์เป็นสาวเวียงจันทร์ (เหมือนนางเอกเรื่อง สะบายดีหลวงพระบางเลย)


เดินตลาดผ่านวัดแห่งหนึ่ง...ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมเที่ยว.....
แต่เราก็อดที่จะเข้าไปเมียงมองและเก็บภาพไว้ไม่ได้


คงเพราะอ่านหนังสือเกี่ยวกับวัดในหลวงพระบางมาด้วยล่ะ
ก็เลยอยากรู้ว่า "สิม" วัดนี้ต่างกับวัดนั้นยังไง
"ช่อฟ้า" แบบนี้ วัดหลวงหรือวัดราษฎร์


การที่ได้อ่านก่อนไปเที่ยว และได้ไปเห็นจริงๆ ช่วยให้สนุกกับการเรียนรู้ขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ
คนอื่นเที่ยวแบบไหน...เราก็ไม่รู้หรอกนะ ...แต่เราเที่ยวของเราแบบนี้แหละ
บางทีเราก็ถ่ายภาพเก็บมาไว้ก่อน...กลับมาดูอีกครั้ง เปิดหนังสืออ่านเพิ่ม
ก็เข้าใจได้ว่า ...ทำไมวัดเมืองนี้ ถึงไม่อลังการแบบวัดเมืองไทย ....
ก็บ้านเมืองเค้า ไม่สงบร่มเย็นเท่าบ้านเรา...ตามประวัติศาสตร์ก็ถูกรุกราน ถูกครอบงำ
แต่หลังจากนั้น...สิ่งที่ชาวบ้านรักษาไว้คือ...
วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี และสิ่งก่อสร้างที่เรียบง่ายเหล่านี้นั่นเอง
เมืองเล็ก เมืองนี้จึงผ่านเกณฑ์ได้รับยกย่องเป็น "เมือง"มรดกโลก
ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกถึง 5 ข้อด้วยกัน ทั้งๆ ที่แค่ข้อเดียวก็เข้าข่าย "มรดกโลก" แล้ว
ระยะเวลาสั้นๆ แค่ 2 วันของเรา...ยังสัมผัสได้เพียงเศษเสี้ยวของวิถีชีวิตที่นี่เท่านั้นเอง
ถ้ามีโอกาส มีเวลา และมีเงินพอ ....ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวใหม่....


หลังจากเดินเที่ยวตลาด ชิมอาหารพื้นบ้านแล้ว ....ก็ไปกินอาหารเช้าแบบบ้านๆ กันที่ร้านอาหารข้างทาง
อาหารเช้าของคนที่นี่ ก็มี ปาท่องโก๋ กาแฟ เฝอ ข้าวผัด ข้าวต้ม ข้าวเปียก
เราสั่ง เฝอผัดเนื้อ....รอนานมากกกกกกกกกกกกกก
เพราะเจ้าของร้าน ผัดทีละจานอ่ะ ....
อาจเป็นเพราะความที่พวกเรา รีเควสพื้นบ้าน ...บริษัททัวร์ทางนี้เลยต้องเปลี่ยนร้าน
ร้านนี้ น่าจะยังไม่คุ้นกับการรับลูกค้าทัวร์ ที่ต้องการความรวดเร็ว เพราะเวลาจำกัดก็เป็นได้
แต่ก็ไม่เป็นไร ...เค้าทำมาช้า แต่พวกเรากินเร็ว ....ทดเวลากันไปได้
ได้สังเกตความเป็นอยู่ของผู้คนแทน..ก็เห็นข้าราชการแวะทานอาหารเช้า
ไปทำงานตอน 9 โมง ดูทีวีจากประเทศไทย ....

คุณบุญเล่าว่า
คนลาวรุ่นใหม่...พูดภาษาไทย เข้าใจภาษาไทย
ะบางคนเขียนภาษาไทย จากการดูทีวีประเทศไทยนั่นแหละ
ส่วนคนลาวรุ่นเก่าอายุ 50-60 ปีไปแล้ว
จะใช้ภาษาฝรั่งเศสได้คล่องมากกว่าคนรุ่นใหม่


สถานีโทรทัศน์ที่เมืองหลวงพระบาง (และในส.ป.ป.ลาว) รับสัญญาณจากเมืองไทยได้ครบทุกช่อง
มีช่องสัญญาณของส.ป.ป.ลาวเพียงช่องเดียว
หนังสือพิมพ์ มีหลายหัว ...แต่ไม่มีขายตามร้านค้าทั่วไปเลย....เราไม่เห็นเลยล่ะ
เพราะหนังสือพิมพ์ จะส่งไปยังสถานที่ราชการ โรงแรม และเกสต์เฮ้าส์ต่างๆ ที่บอกรับและชำระเงินเป็นรายเดือน ...

อาจจะเป็นเพราะ "ความแคบ" ในเรื่องเหล่านี้ จึงทำให้เมืองนี้ยังคงความสงบ และเรียบง่ายเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นก็เป็นได้

Blog นี้ออกจะมีความคิดเห็นมากอยู่สักหน่อยนะ
ไปเที่ยวกันต่อใน Blog หน้าละกัน ....



Create Date : 22 ธันวาคม 2551
Last Update : 23 ธันวาคม 2551 21:10:03 น. 10 comments
Counter : 1937 Pageviews.  
 
 
 
 
นึกว่ากำลังมาดูหนัง
สะบายดีหลวงพระบาง

ถ้ามีนายอนันดามาด้วย
น่าแจ่มกว่านี้อีกนิดหน่อย
ลาวคือเมืองหนึ่งที่ผมอย่ากไป
กอ่นตาย มากม๊ากเลย...
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:1:16:41 น.  

 
 
 
ตามมาเที่ยวลาวต่อค่ะ "เฝอ"..เคยได้ยินแต่ชื่อ
ยังไม่เคยลองทานเลยซักครั้ง......อร่อยไหมคะ?
ของขาย..แบกะดินกันจะๆไปเลย ท่าทางสดและเป็นธรรมชาติดี

ปล.เม้นท์ข้างบน..ฮา ฮา มีอนันดา..ก็อยากไปด้วยเหมือนกัน..
 
 

โดย: nikanda วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:5:34:20 น.  

 
 
 
สนุกดีอ้ะ

เราก็ชอบศึกษาก่อนไปเหมือนกัน

เพราะไม่งั้น บางทีจะพลาดสิ่งที่ไม่ควรพลาด ไปแบบโหวงๆ เราไม่สนุกอ้ะ แหะๆ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:10:01:14 น.  

 
 
 
น้องสาวก็เพิ่งไปหลวงพระบางใส่บาตรข้าวเหนียวกัน เลยแวะมาดูรูปเพิ่มค่ะ น่าสนใจนะคะที่นี่
 
 

โดย: BeachBum วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:10:01:42 น.  

 
 
 
ตามมาเบิ่งลาว...เหมือนเคย
ดูบล็อกนี้เสร็จต้องวิ่งไปยืมสะบายดีหลวงพะบางมาดูอีกรอบแล้ว...

ในคอมเมนท์ข้างล่างนั่น...คุณนัทธ์คิดเหมือนใจเลยค่ะ...
 
 

โดย: แม่ไก่ วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:10:13:59 น.  

 
 
 
ไคแผ่น สาหร่ายน้ำจืด อร่อยดีนะคุณนัทธ์ว่าม๊ะ

หลงเสน่ห์หลวงพระบางเข้าให้ล่ะซิ อิ อิ อิ
 
 

โดย: โมกสีเงิน วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:12:42:20 น.  

 
 
 
ดีออกค่ะที่คุณนัทธ์ใส่ความคิดของตัวเองลงไปด้วย ทำให้คนที่ไม่เคยไปอย่างส้มได้รู้ว่าสถานที่นั้นๆในความเป็นจริงกับคนที่เคยสัมผัสมาแล้วรู้สึกยังไง เผื่อมีโอกาสได้ไปจะได้เตรียมใจให้พร้อมกับสถานที่จริงๆ เหล่านั้นค่ะ

บ้านเมืองของเค้าอยู่อย่างสงบสุขดีจังแม้เป็นเมืองเล็กแต่ก็ไม่ได้คับแคบทางจิตใจเลย แถมยังพูดไทยพูดฝรั่งเศสได้คล่องกว่าคนไทยอย่างส้มซะอีกนะคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:16:09:49 น.  

 
 
 
น่าไปเที่ยวจัง ไว้ต้องไปให้ได้
 
 

โดย: dharma วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:21:46:17 น.  

 
 
 
ได้ทั้งการท่องเที่ยวและเนื้อหาคะ สนุกดี เขียนได้ดีคะ เข้าใจความเป็นธรรมชาติ บรรยากาศสบายๆ ดีคะ
 
 

โดย: dolores วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:21:51:55 น.  

 
 
 
มัวแต่ up ไม่ค่อยได้ตอบเพื่อนๆ เลย....

ถ้ามีอนันดาไปด้วยจริงๆ ขออยู่ต่อที่หลวงพระบางเลยล่ะ
กลับมาสะสางงานไป..ก็หงุดหงิดไป ...ไม่อยากกลับมาเล้ยยยยยยย

ใครยังไม่เคยไป ขอแนะนำให้ไปเที่ยวกันค่ะ
ไปซะ...ก่อนที่ไทยจะทะเลาะกับลาว แบบที่ทะเลาะกับเขมรอ่ะ

เนี่ยว่าจะไปเที่ยวดูปราสาทหินที่ยังไม่ได้ดู...ไม่รู้ว่าจะปลอดภัยพอรึป่าว...
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:21:53:20 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com