<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
6 มิถุนายน 2552
 

ลำปาง : ไหว้พระธาตุประจำปีฉลู




ทิ้งช่วงไปนานหน่อย เพราะงานเพียบ...
อันที่จริงมันเพียบตลอดล่ะ ...แต่อารมณ์ไม่สุนทรีย์พอจะมาเล่าเรื่องเที่ยวอ่ะน่ะ
ตอนนี้ตั้งใจแน่วแน่แล้ว ...ต้องเล่าเรื่องทริปลำปางต่อเนื่องไปก่อน
ก่อนที่จะมีกิจกรรมอื่นๆ น่าสนใจมาเล่าอีก
เดือนนี้กิจกรรมเรา เยอะซะด้วย ...

อ่านความเดิม ตอนที่แล้ว


ฝนยังลงเม็ดปรอยๆ ตอนที่ำพวกเราออกเดินทางจากสถานีรถไฟเมืองลำปาง
มุ่งหน้าสู่วัดแรกของทริป "วัดพระธาตุลำปางหลวง" พระธาตุประจำปีฉลู (ที่ไม่รู้ว่าใครกำหนด)
สอบถามคนร่วมทั้ง ไม่มีใครเกิดปีฉลูกันเลยซักคน
แต่ถ้ามาลำปางแล้วไม่มาวัดนี้ ...จะเรียกว่าถึงลำปางได้ไง
ไกด์กิตติมศักดิ์ก็เลยพาชาวคณะมาวัดนี้ก่อน เป็นอันดับแรก




วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดคู่เมืองลำปาง เป็นศูนย์กลางของเวียงพระธาตุ คือเวียงทางศาสนา
มีตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้า ได้เสด็จมา ณ ที่นี้ และได้พบกับลัวะอ้ายกอน
ที่ได้ถวายน้ำผึ้ง มะตูม และมะพร้าว พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธทำนายว่า
จะมีผู้มาสร้างเมืองลัมภะกัปปะนคร และได้ทรงมอบพระเกศาให้ลัวะอ้ายกอนรักษา
โดยบรรจุไว้ในพระบรมธาตุเจดีย์ที่บรรจุเส้นพระเกศา พระอัฐิธาตุของพระนลาฏข้างขวาและอัฐิคอ
วัดพระธาตุลำปางหลวง นับเป็นแหล่งรวมงานช่างล้านนาชั้นสูงที่มีอายุในช่วงพูทธศตวรรษที่ 21 - 24



แลเห็นได้ทั่วไปทั้งวัดเลยที่เดียว นับแต่ก้าวท้าวผ่าน ซุ้มประตูโขง เข้ามา ...



ซุ้มประตูโขง เป็นศิลปะเฉพาะของสถาปัตยกรรมล้านนา มีนัยเป็นสัญลักษณะของป่าหิมพานต์ในคติจักรวาล
เปรียบกับผ่านทางจากโลกมนุษย์ เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีเขาพระสุเมรุ (พระเจดีย์) เป็นแกนกลาง
ดังนั้น ซุ้มประตูโขงหลายแห่งจึงประดับประดาไปด้วยลายปูนปั้นรูปสัตว์หิมพานต์ และเป็นสัตว์มงคล
และซุ้มโขงของวัดแห่งนี้ จัดเป็นซุ้มโขงแบบพื้นเมืองล้านนาที่สมบูรณ์


แม้จะผ่านกลายเวลามาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม
แต่ลวดลายปูนปั้นที่ประดับไว้ ยังคงชัดเจน งดงาม อ่อนช้อย อวดฝีมือเชิงช่างได้อย่างน่าทึ่ง
ถือเป็นโชคดีของการที่มีฝน (เล็กน้อย) ทำให้เราถ่ายภาพในมุมนี้ได้ง่ายขึ้น (นิดนึง)
เพราะไม่ย้อนแสง เก็บภาพลวดลายได้ชัด รวมทั้งลายแกะปูนปั้นที่หน้าบัน
เป็นลายธรรมจักร์บนดอกบัวล้อมรอบด้วยดอกไม้และหงส์
ธรรมจักรนี้หมายถึงพระพุทธศาสนา

เพื่อนร่วมคณะ เดินลึกเข้าไปไหว้พระประธานแล้ว...

วิหารหลวงหรือวิหารโถงสร้างเมื่อพ.ศ.2039 ประดิษฐานซุ้มโขงของพระเจ้าล้านทองและผนังวิหารด้านในมีภาพจิตรกรรมแบบพื้นเมือง
ซึ่งเขียนในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเรื่องทศชาติชาดก พุทธประวัติ และพรหมจักร

หน้าบันเป็นลายไม้แกะสลัก งามมาก







พระเจ้าล้านทอง พระประธานในวิหารหลวง ประดิษฐ์ในซุ้มโขง
เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ที่สวยที่สุดของนครลำปาง หน้าตักกว้าง 3 ศอก 2 คืบ สูง 3 ศอก 2 คืบ
เจ้าหาญศรีทัตถะสุรมนตรี เจ้าผู้ครองนครลำปางเป็นผู้สร้างถวายเมื่อพ.ศ.2045



ด้านหลังวิหารหลวง เป็นที่ตั้งขององค์พระบรมธาตุเจดีย์



องค์พระธาตุหุ้มด้วยแผ่นทองจังโกและแผ่นทองดุนลายประจำยาม





พวกเราก็จุดธูปเทียนบูชาพระธาตุ ขอพรให้คุ้มครองตลอดการเดินทาง
และที่สำคัญ ขอให้ฝนซา ฟ้าใส ...


รั้วกั้นพระธาตุ ด้านขวามือ สังเกตเห็นมีคนปิดทอง คล้องมาลัยไว้
เข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็น รอยกระสุนปืนของหนานช้างทิพย์
เกร็ดประวัติศาสตร์เล่าว่า เมื่อครั้งที่ลำปางถูกพม่ายึดครอง
หนานช้างทิพย์ได้นำกำลังขับไล่และสังหารท้าวมหายศ แม่ทัพจากลำพูนที่ยกทัพมาเพื่อยึดเมืองลำปาง
โดยกระสุนปืนของหนานช้างทิพย์ได้ถูกรั้วทองเหลืองที่กั้นล้อมพระธาตุลำปางหลวงนี้


เราเดินวนไปทางด้านขวาของพระธาตุ เพื่อชมวิหารน้ำแต้มกันก่อน



ดูรูปทรงหลังคาแล้ว นึกถึงวัดเชียงทอง เมืองหลวงพระบางเลยล่ะ
วิหารน้ำแต้ม เป็นวิหารโถง (เช่นกัน) ภายในมีภาพเขียนตามชื่อที่เรียกวิหาร
ซึ่งเป็นจิตรกรรมเก่าแก่ของล้านนา แต่ปัจจุบันลบเลือนไปมาก
ผนังด้านขวา (หันหน้าเข้าวิหาร) เป็นเรืองมาฆมาณพ (ประวัติพระอินทร์)
อีกด้านเป็นนิทานธรรมเรื่องนางสามาวดี เป็นงานจิตรกรรสกุลช่างลำปาง

ร่องรอยจิตรกรรมเริ่มเลือนลางบนเสา



พระเจ้าสามหมื่นทอง พระประธานในวิหารน้ำแต้ม
เป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 52 นิ้ว สูง 71 นิ้ว
สร้างโดย เจ้าหาญศรีทัตถะ มหาสุรมนตรี เจ้าผู้ครองนครลำปาง ประมาณปีพ.ศ.2044




ย้อนมาทางซ้ายมือของพระวิหารหลวง เป็นที่ตั้งของวิหารพระพุทธ






ลายคำเทวดา ตกแต่งด้านนอกวิหาร


มีจารึกบอกไว้ว่าสร้างไว้ในสมัยพ.ศ.2019 โดยเจ้าหมื่นคำเพชร
เป็นวิหารที่มีลักษณะตามแบบแผนของล้านนา
องค์พระประธานในวิหาร



ภายในวิหารสามารถมองเห็นเงาขององค์พระธาตุเจดีย์ที่ลอดผ่านช่องผนังสะท้อนบนผืนผ้า


ปรากฎการณ์อันน่าทึ่ง





เรามุงดูเงาพระธาตุด้วยความแปลกใจ และสงสัยมาก ...
แสงลอดผ่านรูเล็กๆ ที่ผนังวิหารลงมา เห็นเป็นภาพได้ไง
ออกมาดูที่ช่องนั้นทางด้านนอก ก็ไม่เห็นจะมีเทคนิคหรืออุปกรณ์อะไรจะช่วยให้เห็นภาพเลยนะ
แต่พี่ไกด์บอกว่า...เงาพระธาตุเห็นชัดที่หอพระพุทธบาท ด้านหลังวิหาร แต่ห้ามผู้หญิงเข้าไปข้างใน
เราก็ยกขบวนกันเดินไปดูซะหน่อย มีป้ายบอกชัดเจนว่า "ห้ามผู้หญิงขึ้น"
พี่เค้าก็อุตส่าห์ป้ายเลื่อนไปออกไป แล้วให้เราขึ้นไปยืนบนขั้นบันไดหอ
เพื่อถ่ายรูปหน้าบันของวิหารพระพุทธ ให้ชัดชัด ไม่ได้ให้เข้าในหอซะหน่อย
เพิ่งกดชัตเตอร์ไม่กี่ภาพ เสียงเจ้าหน้าที่ดูแล ตะโกนมาอย่างดังเลย
"ไม่ให้ผู้หญิงขึ้น ไม่เห็นป้ายรึไง
คราวที่แล้วก็มีผู้หญิงขึ้นไปแบบนี้ กลับบ้านไปเป็นบ้าไปเลย"

เราเลยต้องรีบลงมา ...อ่ะ เพือความสบายของตัวเอง ไปไหว้ขอขมาที่องค์พระธาตุก่อนดีกว่า
แล้วย้ายตัวเอง ไปเดินชมจุดอื่นต่อไป

อ้อมออกมานอกเขตพุทธาวาส ไปทางด้านหลัง
ไปกราบพระแก้วมรกต ที่หอพระแก้วกันดีกว่า


พระแก้วมรกตองค์นี้ นำมาจากวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
ตามตำนานเล่าว่า เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว มีพระมหาเถระเจ้าปรารถนาสร้างพระพุทธรูป
และได้พบแก้วมรกตในผลแตงโม (หมากเต้า) ที่นางสุชาดานำมาถวาย
โดยพระอินทร์ได้ใช้อิทธิฤทธิ์แกะเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม
และต่อมามีเหตุให้พระมหาเถระต้องนำพระแก้วมาฝากที่วัดพระธาตุลำปางหลวง
และประดิษฐานมาจนถึงทุกวันนี้



ตอนนี้กำลังมีการก่อสร้างหอพระแก้วหลังใหม่ให้งดงามกว่าเดิม
ภายในหอพระแก้วนี้ ยังเก็บรักษาวัตถุโบราณที่ค้นพบภายในวัดและแหล่งต่างๆ ไว้ด้วย


สลุงหลวง หรือ ขันเงินใบมหึมา


จารึกใบลาน


ใช้เวลาที่วัดพระธาตุลำปางหลวงเกือบสองชั่วโมง
ก็กลับมายังที่จอดรถ ผู้คนเริ่มทยอยกันมาไหว้พระธาตุแล้ว
คนกรุงเทพก็พากันเสี่ยงดวง ซื้อสลากกินแบ่งกันคนละใบ สองใบ
ซึ่งผลสุดท้าย ก็คือ....ไม่ได้ส่วนแบ่งกันเลย ...รายได้ตกเป็นของรัฐ กับเด็กที่ถือมาขายนั่นแหล่ะ

อำลาวัดพระธาตุลำปางหลวง...แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป


ปล. เนื้อหาเชิงประวัติเรียบเรียงจากหนังสือนำเที่ยว ชุด เมืองประวัติศาสตร์ "3 เมืองล้านนา" - สำนักพิมพ์เมืองโบราณ




Create Date : 06 มิถุนายน 2552
Last Update : 10 ตุลาคม 2559 12:19:56 น. 14 comments
Counter : 3729 Pageviews.  
 
 
 
 
วันหยุด คุณนัทธ์ยังอุตส่าห์ตื่นขึ้นมาอัพบล็อกแต่เช้า ขยันจัง

ไม่ให้ผู้หญิงขึ้น???
แปลกๆเนอะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าคุณนัทธ์เที่ยวสนุกก็พอแล้วล่ะค่ะ
 
 

โดย: ภาวันต์ วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:12:30:02 น.  

 
 
 
อ่านช่วง รอยกระสุนปืนของหนานช้างทิพย์

แล้ว

ไ่ม่อยากนึกเลยว่า ถ้ากระสุุนของพระนเรศวร

ที่ข้ามแม่น้ำสะโตงเป็นจริง

แล้วยังมีร่องรอยให้ปรากฎ

มันคงเป็นอะไรทีีสุดยอดมาก
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:12:59:18 น.  

 
 
 
ข้องใจตรงไม่ให้ผู้หญิงขึ้นจังค่ะ เพราะอะไรหรือคะ ผู้หญิงก็ไม่มีโอกาสได้เห็นความสวยงามข้างในเลยน่ะสิคะ

แต่โดยรอบวัดนับว่างามจริงๆ ช่างสมัยก่อนเก่งจังค่ะ กว่าจะแกะลายได้แบบนี้ต้องใช้ความมานะมากเลย
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:14:18:44 น.  

 
 
 
เคยไปพระธาตุโบอ่อง ที่กาญจนบุรีค่ะ ห้ามผู้หญิงขึ้นเหมือนกัน มีทหารเฝ้าถือปืนด้วยแหล่ะ แหะๆๆ ไม่กล้าแหยมเลยล่ะ
 
 

โดย: nonefat วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:16:14:57 น.  

 
 
 
ถ่ายรูปได้สวยมากเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วไปบ่อย เพราะเพื่อนจะเกิดปีนั่นกันค่า ต้องเป็นไก่ พาเขาไปเที่ยว
 
 

โดย: บี๋ (Yushi ) วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:17:33:29 น.  

 
 
 
คุณภาวันต์ >> เช้าเช้า จิตใจแจ่มใส ก็เรียบเรียงความทรงจำเล่าเรื่องได้ กลัวว่าเข้าช่วงบ่าย อารมณ์ไม่สุนทรีย์ ก็จะไม่ได้ up อีกแหละ

คุณชาญ >> รอยกระสุนพระนเรศวร ... ต้องขุดศพท่านแม่ทัพขึ้นมาหาร่องรอยเลยมั๊ง

คุณส้ม >> เรื่องไม่ให้ผู้หญิงขึ้นเนี่ย ...คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่มั๊งคะ ...แบบว่ามีอาคม ถ้าผู้หญิงเข้าไปใกล้ของจะเสื่อม รึป่าว

คุณ nonefat >> จากชื่อพระธาตุ คาดว่าคงเป็นความเชื่อมาจากแหล่งเดียวกันนะเนี่ย ...แต่ที่นี่ยังไม่ถึงขั้นถือปืนคุม...แต่เสียงคุณลุงสุดยอดเลย ....ได้ยินไปทั่วเลยว่า มีคนแหกกฎอ่ะ

คุณบี๋ >> ขอบคุณที่ชมค่ะ ..
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:18:15:33 น.  

 
 
 
คุณนัทธ์ทำบล็อกคุณภาพมากเสมอ ภาพ
ประกอบจุใจ ขยันเก็บข้อมูลด้วย อ่านเพลิน

ขอให้มีความสุขนะครับ

 
 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:20:37:44 น.  

 
 
 
คุณหนูหล่อ >> ปลื้มคำชมค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:21:54:04 น.  

 
 
 
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:23:32:20 น.  

 
 
 
คุณเกศ >> มุงได้เรื่องยังไง ก็มาเล่าต่อด้วยค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:8:14:14 น.  

 
 
 
เมื่อไรจะเอาตอนเดินกาดมาลงอ่ะคะ

รออ่านอยู่น๊า~
 
 

โดย: http://twitter.com/wiina IP: 58.8.246.96 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:14:54:09 น.  

 
 
 
อ่านไปเรื่อยๆ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:15:39:41 น.  

 
 
 
อืมมม...ข้อมูลกับภาพตรึมจริงๆค่ะ
เราคนลำปางยังมีไม่ละเอียดละออขนาดนี้เลยอ่ะ..อิอิ
เค้าเรียกใกล้เกลือกินด่าง
 
 

โดย: mutcha_nu วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:23:13:39 น.  

 
 
 
ผมเข้ามาโดยบังเอิญด้วยมี นักเรียนส่งงานว่า ที่อยู่ เป็นที่ตั้งของพระธาตุประจำปีฉลู ก็เลยต้องมาหาว่ามันอยู่ที่ไหน ก็ได้ความรู้เยอะเลย มาเอะใจตรงที่ว่าผู้หญิงห้ามขึ้น วันก่อนไปพระบาทสี่รอยก็เจอ เจอมาหลายที่แล้ว ก็ตอบกับนักเรียนไม่ได้ว่าทำไม บางที่มีแต่ภาษาไทย ก็เลยพาลเอากะเราว่า เราเหยียดเพศ ไปกันใหญ่เลย
 
 

โดย: preecha49@yahoo.com IP: 118.172.99.119 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:39:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com