ลำปาง : ไหว้พระธาตุประจำปีฉลู
ทิ้งช่วงไปนานหน่อย เพราะงานเพียบ... อันที่จริงมันเพียบตลอดล่ะ ...แต่อารมณ์ไม่สุนทรีย์พอจะมาเล่าเรื่องเที่ยวอ่ะน่ะ ตอนนี้ตั้งใจแน่วแน่แล้ว ...ต้องเล่าเรื่องทริปลำปางต่อเนื่องไปก่อน ก่อนที่จะมีกิจกรรมอื่นๆ น่าสนใจมาเล่าอีก เดือนนี้กิจกรรมเรา เยอะซะด้วย ...
อ่านความเดิม ตอนที่แล้ว
ฝนยังลงเม็ดปรอยๆ ตอนที่ำพวกเราออกเดินทางจากสถานีรถไฟเมืองลำปาง มุ่งหน้าสู่วัดแรกของทริป "วัดพระธาตุลำปางหลวง" พระธาตุประจำปีฉลู (ที่ไม่รู้ว่าใครกำหนด) สอบถามคนร่วมทั้ง ไม่มีใครเกิดปีฉลูกันเลยซักคน แต่ถ้ามาลำปางแล้วไม่มาวัดนี้ ...จะเรียกว่าถึงลำปางได้ไง ไกด์กิตติมศักดิ์ก็เลยพาชาวคณะมาวัดนี้ก่อน เป็นอันดับแรก
วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดคู่เมืองลำปาง เป็นศูนย์กลางของเวียงพระธาตุ คือเวียงทางศาสนา มีตำนานเล่าว่า พระพุทธเจ้า ได้เสด็จมา ณ ที่นี้ และได้พบกับลัวะอ้ายกอน ที่ได้ถวายน้ำผึ้ง มะตูม และมะพร้าว พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธทำนายว่า จะมีผู้มาสร้างเมืองลัมภะกัปปะนคร และได้ทรงมอบพระเกศาให้ลัวะอ้ายกอนรักษา โดยบรรจุไว้ในพระบรมธาตุเจดีย์ที่บรรจุเส้นพระเกศา พระอัฐิธาตุของพระนลาฏข้างขวาและอัฐิคอ วัดพระธาตุลำปางหลวง นับเป็นแหล่งรวมงานช่างล้านนาชั้นสูงที่มีอายุในช่วงพูทธศตวรรษที่ 21 - 24
แลเห็นได้ทั่วไปทั้งวัดเลยที่เดียว นับแต่ก้าวท้าวผ่าน ซุ้มประตูโขง เข้ามา ...
ซุ้มประตูโขง เป็นศิลปะเฉพาะของสถาปัตยกรรมล้านนา มีนัยเป็นสัญลักษณะของป่าหิมพานต์ในคติจักรวาล เปรียบกับผ่านทางจากโลกมนุษย์ เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีเขาพระสุเมรุ (พระเจดีย์) เป็นแกนกลาง ดังนั้น ซุ้มประตูโขงหลายแห่งจึงประดับประดาไปด้วยลายปูนปั้นรูปสัตว์หิมพานต์ และเป็นสัตว์มงคล และซุ้มโขงของวัดแห่งนี้ จัดเป็นซุ้มโขงแบบพื้นเมืองล้านนาที่สมบูรณ์
แม้จะผ่านกลายเวลามาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม แต่ลวดลายปูนปั้นที่ประดับไว้ ยังคงชัดเจน งดงาม อ่อนช้อย อวดฝีมือเชิงช่างได้อย่างน่าทึ่ง ถือเป็นโชคดีของการที่มีฝน (เล็กน้อย) ทำให้เราถ่ายภาพในมุมนี้ได้ง่ายขึ้น (นิดนึง) เพราะไม่ย้อนแสง เก็บภาพลวดลายได้ชัด รวมทั้งลายแกะปูนปั้นที่หน้าบัน เป็นลายธรรมจักร์บนดอกบัวล้อมรอบด้วยดอกไม้และหงส์ ธรรมจักรนี้หมายถึงพระพุทธศาสนา เพื่อนร่วมคณะ เดินลึกเข้าไปไหว้พระประธานแล้ว...
วิหารหลวงหรือวิหารโถงสร้างเมื่อพ.ศ.2039 ประดิษฐานซุ้มโขงของพระเจ้าล้านทองและผนังวิหารด้านในมีภาพจิตรกรรมแบบพื้นเมือง ซึ่งเขียนในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นเรื่องทศชาติชาดก พุทธประวัติ และพรหมจักร หน้าบันเป็นลายไม้แกะสลัก งามมาก
พระเจ้าล้านทอง พระประธานในวิหารหลวง ประดิษฐ์ในซุ้มโขง เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ที่สวยที่สุดของนครลำปาง หน้าตักกว้าง 3 ศอก 2 คืบ สูง 3 ศอก 2 คืบ เจ้าหาญศรีทัตถะสุรมนตรี เจ้าผู้ครองนครลำปางเป็นผู้สร้างถวายเมื่อพ.ศ.2045
ด้านหลังวิหารหลวง เป็นที่ตั้งขององค์พระบรมธาตุเจดีย์
องค์พระธาตุหุ้มด้วยแผ่นทองจังโกและแผ่นทองดุนลายประจำยาม
พวกเราก็จุดธูปเทียนบูชาพระธาตุ ขอพรให้คุ้มครองตลอดการเดินทาง และที่สำคัญ ขอให้ฝนซา ฟ้าใส ...
รั้วกั้นพระธาตุ ด้านขวามือ สังเกตเห็นมีคนปิดทอง คล้องมาลัยไว้ เข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็น รอยกระสุนปืนของหนานช้างทิพย์ เกร็ดประวัติศาสตร์เล่าว่า เมื่อครั้งที่ลำปางถูกพม่ายึดครอง หนานช้างทิพย์ได้นำกำลังขับไล่และสังหารท้าวมหายศ แม่ทัพจากลำพูนที่ยกทัพมาเพื่อยึดเมืองลำปาง โดยกระสุนปืนของหนานช้างทิพย์ได้ถูกรั้วทองเหลืองที่กั้นล้อมพระธาตุลำปางหลวงนี้ เราเดินวนไปทางด้านขวาของพระธาตุ เพื่อชมวิหารน้ำแต้มกันก่อน
ดูรูปทรงหลังคาแล้ว นึกถึงวัดเชียงทอง เมืองหลวงพระบางเลยล่ะ วิหารน้ำแต้ม เป็นวิหารโถง (เช่นกัน) ภายในมีภาพเขียนตามชื่อที่เรียกวิหาร ซึ่งเป็นจิตรกรรมเก่าแก่ของล้านนา แต่ปัจจุบันลบเลือนไปมาก ผนังด้านขวา (หันหน้าเข้าวิหาร) เป็นเรืองมาฆมาณพ (ประวัติพระอินทร์) อีกด้านเป็นนิทานธรรมเรื่องนางสามาวดี เป็นงานจิตรกรรสกุลช่างลำปาง ร่องรอยจิตรกรรมเริ่มเลือนลางบนเสา
พระเจ้าสามหมื่นทอง พระประธานในวิหารน้ำแต้ม เป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 52 นิ้ว สูง 71 นิ้ว สร้างโดย เจ้าหาญศรีทัตถะ มหาสุรมนตรี เจ้าผู้ครองนครลำปาง ประมาณปีพ.ศ.2044
ย้อนมาทางซ้ายมือของพระวิหารหลวง เป็นที่ตั้งของ วิหารพระพุทธ
ลายคำเทวดา ตกแต่งด้านนอกวิหาร
มีจารึกบอกไว้ว่าสร้างไว้ในสมัยพ.ศ.2019 โดยเจ้าหมื่นคำเพชร เป็นวิหารที่มีลักษณะตามแบบแผนของล้านนาองค์พระประธานในวิหาร
ภายในวิหารสามารถมองเห็นเงาขององค์พระธาตุเจดีย์ที่ลอดผ่านช่องผนังสะท้อนบนผืนผ้าปรากฎการณ์อันน่าทึ่ง
เรามุงดูเงาพระธาตุด้วยความแปลกใจ และสงสัยมาก ... แสงลอดผ่านรูเล็กๆ ที่ผนังวิหารลงมา เห็นเป็นภาพได้ไง ออกมาดูที่ช่องนั้นทางด้านนอก ก็ไม่เห็นจะมีเทคนิคหรืออุปกรณ์อะไรจะช่วยให้เห็นภาพเลยนะ แต่พี่ไกด์บอกว่า... เงาพระธาตุเห็นชัดที่หอพระพุทธบาท ด้านหลังวิหาร แต่ห้ามผู้หญิงเข้าไปข้างใน เราก็ยกขบวนกันเดินไปดูซะหน่อย มีป้ายบอกชัดเจนว่า "ห้ามผู้หญิงขึ้น" พี่เค้าก็อุตส่าห์ป้ายเลื่อนไปออกไป แล้วให้เราขึ้นไปยืนบนขั้นบันไดหอ เพื่อถ่ายรูปหน้าบันของวิหารพระพุทธ ให้ชัดชัด ไม่ได้ให้เข้าในหอซะหน่อย เพิ่งกดชัตเตอร์ไม่กี่ภาพ เสียงเจ้าหน้าที่ดูแล ตะโกนมาอย่างดังเลย "ไม่ให้ผู้หญิงขึ้น ไม่เห็นป้ายรึไง คราวที่แล้วก็มีผู้หญิงขึ้นไปแบบนี้ กลับบ้านไปเป็นบ้าไปเลย" เราเลยต้องรีบลงมา ...อ่ะ เพือความสบายของตัวเอง ไปไหว้ขอขมาที่องค์พระธาตุก่อนดีกว่า แล้วย้ายตัวเอง ไปเดินชมจุดอื่นต่อไป อ้อมออกมานอกเขตพุทธาวาส ไปทางด้านหลัง ไปกราบพระแก้วมรกต ที่ หอพระแก้วกันดีกว่า
พระแก้วมรกตองค์นี้ นำมาจากวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ตามตำนานเล่าว่า เมื่อพันกว่าปีมาแล้ว มีพระมหาเถระเจ้าปรารถนาสร้างพระพุทธรูป และได้พบแก้วมรกตในผลแตงโม (หมากเต้า) ที่นางสุชาดานำมาถวาย โดยพระอินทร์ได้ใช้อิทธิฤทธิ์แกะเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม และต่อมามีเหตุให้พระมหาเถระต้องนำพระแก้วมาฝากที่วัดพระธาตุลำปางหลวง และประดิษฐานมาจนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้กำลังมีการก่อสร้างหอพระแก้วหลังใหม่ให้งดงามกว่าเดิม ภายในหอพระแก้วนี้ ยังเก็บรักษาวัตถุโบราณที่ค้นพบภายในวัดและแหล่งต่างๆ ไว้ด้วย
สลุงหลวง หรือ ขันเงินใบมหึมา
จารึกใบลาน
ใช้เวลาที่วัดพระธาตุลำปางหลวงเกือบสองชั่วโมง ก็กลับมายังที่จอดรถ ผู้คนเริ่มทยอยกันมาไหว้พระธาตุแล้ว คนกรุงเทพก็พากันเสี่ยงดวง ซื้อสลากกินแบ่งกันคนละใบ สองใบ ซึ่งผลสุดท้าย ก็คือ....ไม่ได้ส่วนแบ่งกันเลย ...รายได้ตกเป็นของรัฐ กับเด็กที่ถือมาขายนั่นแหล่ะ อำลาวัดพระธาตุลำปางหลวง...แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป ปล. เนื้อหาเชิงประวัติเรียบเรียงจากหนังสือนำเที่ยว ชุด เมืองประวัติศาสตร์ "3 เมืองล้านนา" - สำนักพิมพ์เมืองโบราณ
Create Date : 06 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 10 ตุลาคม 2559 12:19:56 น. |
|
14 comments
|
Counter : 3729 Pageviews. |
|
|
|
ไม่ให้ผู้หญิงขึ้น???
แปลกๆเนอะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าคุณนัทธ์เที่ยวสนุกก็พอแล้วล่ะค่ะ