|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เดินเที่ยวหามุมเงียบในย่านบางลำพูสู่สามเสน - Part 1 ช่วงเช้า
จาก ชวนไปเดินทอดน่อง มองเมือง ย่านบางลำพูสู่สามเสน ใน Blog ก่อนนั้น ป่าวประกาศหาเพื่อนไปเดินด้วยกัน ทั้งใน Bloggang เพื่อนที่ทำงาน และเพื่อนนักเรียนร่วมเที่ยว ปรากฎว่าส่วนหนึ่งบอกว่า ติดงาน ติดธุระ อีกกลุ่มก็บอกว่า ถ้าฝนไม่ตก ถ้าตื่นทัน ก็เจอกัน ส่วนคนที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่แรก ....ก็โทรมาบอกตอนมืดค่ำว่า ถูกตามตัว ธุระด่วนจริงๆ ไปเที่ยวไม่ได้แล้ว และทุกๆ คนต่างปิดท้ายว่า "จะรอดูรูป"
สรุปว่า ...ไปคนเดียว หาเพื่อนเอาดาบหน้า.... แล้วก็ ...เอารูปมาฝาก
เสาร์ที่แล้ว ....รู้อยู่แก่ใจว่างานที่ทำงานยังมากมายมหาศาล แต่อ่านข่าวเจอ แล้วก็อารมณ์อยากพัก อารมณ์เหนื่อยหน่าย และอารมณ์ประชดด้วยล่ะ ทำให้เราตัดสินใจ ลาพักร้อน ไปเดินเที่ยวกับ ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ
ตื่น (เกือบสาย) เลยต้องหาอาหารเช้าจาก 7/11 ข้ามฟากมาฝั่งพระนครจากท่าวังหลัง-ท่าพระจันทร์ >> เส้นทางประจำของเรา เดินตัดเข้าธรรมศาสตร์ เข้าถนนเจ้าฟ้า มายังวัดชนะสงคราม อันเป็นจุดนัดหมาย
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า
ถึงหน้าพระอุโบสถ ก็มีสมาชิกร่วมเดินลงทะเบียนกันอยู่ จัดการเรื่องลงทะเบียนแล้ว ก็เตร่ไปเตร่มาถ่ายรูปไปพลางๆ ระหว่างรอวิทยากร
ตลอดทั้งทริปครั้งนี้ เราชอบรูปนี้ที่สุด
ในพระอุโบสถ พระ-เณร ยังทำวัตรเช้ากันอยู่เลย มีแม่ชีและอุบาสกอุบาสิก นั่งสงบจิตร่วมทำวัตรเช้าตามมุมต่างๆ ด้วย
วิทยากรมาถึงแล้ว ก็เรียกรวมตัวประมาณจากสายตา น่าจะมีคนร่วมทริปเกือบ 30 คนเห็นจะได้
วัดชนะสงคราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร สร้างตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่าวัดกลางนา ต่อมาเมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอาราม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนาให้เป็นวัดหลวงในเขตพื้นที่วังหน้า และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงครามเมื่อพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหานาททรงชนะศึก หลังจากนั้นก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยพระบรมวงศานุวงศ์ให้ราชวงศ์จักรีต่อๆ มา
ปัจจุบันวัดนี้เป็นวัดในเส้นทางท่องเที่ยว "ไหว้พระ 9 วัด" ที่มีคติว่าจะช่วยให้ชนะภัยพาลทั้งหลาย จึงเป็นวัดสุดท้ายของเส้นทาง เช้าๆ แบบนี้คนก็เลยยังไม่มากนัก แต่ก็มีงานพิธีอุปสมบทรออยู่ จากความเงียบก็เลยเริ่มจะอึกทึกขึ้น เมื่อพิธีการเริ่มและทางวัดใช้เครื่องขยายเสียง
คณะเดินทางก็เลยต้องค่อยๆ หาที่สงบในวัดพูดคุยกันถึงประวัติความเป็นมา และพิจารณาในเชิงช่างฝีมือของวังหน้า ...ที่มีความงดงามและไว้ฝีมือมากกว่าช่างวังหลวงในสมัยเดียวกันซะอีก
หน้าบันและไม้ปั้นลม (ไม้ที่รองรับใบระกา) ที่ทำจากไม้ชิ้นเดียว
ใบเสมาเข้ามุมพระอุโบสถเลยล่ะ
พระประธานและจิตรกรรมฝาผนังที่ไม่ได้ชมนานนักเนื่องจากกำลังจะมีพิธีอุปสมบท
ก่อนแดดจะแรง ชาวคณะก็ออกเดินทางจากไปยังจุดหมายต่อไป ผ่านเส้นทางถนนข้าวสารที่ดูค่อนข้างสงบกว่าช่วงกลางคืนเยอะเลย
แวะเยี่ยมร้าน Starbucks ซะหน่อย เนื่องจากเป็นตึกเก่าที่สร้างขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นบ้านเดิมของสกุลกุญชร ณ อยุธยาที่ให้เช่า ....และมีความรักความหลังในบ้านหลังนี้ วิทยากรร่วมอธิบายว่า สร้างและเป็นเรือนหอในสมัยพ่อ(จำชื่อไม่ได้ค่ะ ไม่ได้จด) ฝีมือช่างอิตาลีกลุ่มเดียวกับที่สร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม ตกมาถึงรุ่นลูกสาวแต่งงานก็ ยกให้เป็นเรือนหอครั้งที่ 2
คุณเชย (รึว่าคุณชื่น ...ไม่แน่ใจอีกแล้ว ฟังอย่างเดียวไม่ได้จดอ่ะ) บุตรสาวเป็นศิษย์รุ่นแรกของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี และเธอได้ทิ้งฝีมือวาดภาพไว้ภายในตัวบ้านด้วย
ภาพลายดอกไม้บนเพดานนี้ ผลงานเธอค่ะ
ภายในห้องชั้นบน มีพระฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถ กับภาพพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ภาพประดับภายในบ้านมุมบันได้นี้ เป็นภาพเขียนตัวละครจีน
เนื่องจากชาวคณะเดินฝ่าแดดกันมาและเราใช้เวลาในร้านเค้านานด้วยล่ะ ก็เลยอุดหนุนกาแฟกันซะหน่อย ....เราไม่เคยเข้าร้านกาแฟยี่ห้อนี้
ชามะนาวแก้วนี้ 105 บาทอ่ะ แพงเป็นบ้าเลย
เดินทางกันต่อไป มุมหน้าสู่วัดบวรนิเวศ
ราว 11 โมงกว่าเมื่อพวกเราพากันเดินมาถึงวัดบวรนิเวศ วิทยากรนำเข้าพระอุโบสถ ...วัดนี้เราต้องเอาถุงใส่รองเท้าถือเข้าไปกันเลย เพราะเคยเกิดเหตุรองเท้าหายกันมาแล้ว >> คุณจุลภัสสรโดนกับตัวเองเลย
วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองแฝงด้วย เนื่องจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงเชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฏ พระอนุชาที่ทรงผนวชและจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชาธิวาส มาครองวัดเป็นเจ้าอาวาส เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเสนอเจ้าคณะรอง และด้วยความที่พระองค์ท่านทรงเป็นปราชญ์รอบรู้เรื่องต่างๆ และเชี่ยวชาญหลายภาษา จดหมายโต้-ตอบกับต่างชาติในทุกๆ เรื่อง ล้วนต้องผ่านพระเนตรท่านทั้งสิ้น เพื่อตรวจแก้ วัดนี้จึงเป็นเสมือนสำนักราชเลขาธิการกลายๆ ไปด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็เพื่อการเตรียมการให้ใครๆ (ในที่นี่หมายถึงขุนนางและพวกต่างชาติ) ได้ทราบว่า ใครคือผู้จะขึ้นสืบต่อราชสมบัติ
ในด้านเชิงศิลป์ วัดนี้สร้างขึ้นหลังจากพื้นที่นี้ถูกใช้เป็นพระเมรุมาก่อน ก็เลยมีการก่อสร้างพระอุโบสถเป็นจตุรมุข และตัดพื้นที่เป็นตรีมุขในช่วงเวลาหลังจากนั้น พระประธานก็อัญเชิญมาจากเมืองพิษณุโลก เล่ากันว่าครั้งนั้นจะอัญเชิญพระสำคัญของหัวเมืองพิษณุโลกลงมาทั้ง 3 องค์ แต่ชาวเมืองไม่ยอมจึงอัญเชิญลงมาเพียง 2 องค์ พระพุทธชินสีห์ (ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่งามอย่างหาที่ติมิได้) เป็น 1 ในนั้น และที่ประดิษฐานหลังพระพุทธชินสีห์ คือ พระสุวรรณเขต ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ก็เป็นฝีมือขรัวอินโข่ง
ลักษณะหน้าบันของพระอุโบสถและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เป็นแบบที่เรียบว่าพระราชนิยม (ในรัชกาลที่ 3)
จากความจอแจบริเวณหน้าพระอุโบสถ (เจองานอุปสมบทอีก 1 งาน) คณะเดินทางตามหาความเงียบ ก็เดินลึกไปยังเขตพุทธาวาส แวะชมพระตำหนักที่ประทับสมัยพระเจ้าอยู่หัวหลายพระองค์ประทับช่วงอุปสมบท สังเกตได้จากตราพระราชลัญจกรที่ประดับอยู่ที่ตัวตำหนัก
ดูความแตกต่างของการตกแต่งอาคารในช่วงสมัยต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อเดินลึกเข้าไปในเขตพุทธาวาส (พื้นที่สงฆ์) เราสัมผัสได้ถึงความเงียบ ความสงบ เสียงลมพัดใบไม้ไหว เสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล ได้ยินดังถนัดหูดีนัก พื้นที่นี้ คือ มุมเงียบในพื้นที่บางลำพูจริงๆ ซะด้วย
ใช้เวลาสัมผัสความเงียบกันได้เพียงเล็กน้อย ท้องก็เริ่มประท้วง แยกย้ายกันไปหาอาหารกลางวันกันเอง จุดนัดหมายช่วงบ่ายอยู่ที่วัดเทวราชกุญชร
ปล. เที่ยวนี้ทำรูปเล็ก จะได้ไม่โหลดช้านัก ...ภาพมุมเงยเยอะหน่อยล่ะ เพราะคนถ่ายภาพรูปร่างกระทัดรัดไปหน่อย
Create Date : 17 กรกฎาคม 2551 |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 13:36:45 น. |
|
16 comments
|
Counter : 2118 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: ชรันจ์ วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:16:58 น. |
|
โดย: nikanda วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:09:23 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:55:59 น. |
|
โดย: นู๋เมี่ยง IP: 58.9.79.45 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:11:38 น. |
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:33:26 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:47:19 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:24:30 น. |
|
โดย: เรวดี กุญชร ณ อยุธยา IP: 125.25.179.78 วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:20:02:03 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:20:14:11 น. |
|
โดย: เรวดี กุญชร ณ อยุธยา IP: 118.174.96.241 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:21:20:12 น. |
|
โดย: เรวดี กุญชร ณ อยุธยา IP: 119.42.100.25 วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:30:49 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|