<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
17 กรกฏาคม 2551
 

เดินเที่ยวหามุมเงียบในย่านบางลำพูสู่สามเสน - Part 1 ช่วงเช้า



จาก ชวนไปเดินทอดน่อง มองเมือง ย่านบางลำพูสู่สามเสน ใน Blog ก่อนนั้น
ป่าวประกาศหาเพื่อนไปเดินด้วยกัน ทั้งใน Bloggang เพื่อนที่ทำงาน และเพื่อนนักเรียนร่วมเที่ยว
ปรากฎว่าส่วนหนึ่งบอกว่า ติดงาน ติดธุระ อีกกลุ่มก็บอกว่า ถ้าฝนไม่ตก ถ้าตื่นทัน ก็เจอกัน
ส่วนคนที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่แรก ....ก็โทรมาบอกตอนมืดค่ำว่า ถูกตามตัว ธุระด่วนจริงๆ ไปเที่ยวไม่ได้แล้ว
และทุกๆ คนต่างปิดท้ายว่า "จะรอดูรูป"

สรุปว่า ...ไปคนเดียว หาเพื่อนเอาดาบหน้า....
แล้วก็ ...เอารูปมาฝาก



Anna and the king -




เสาร์ที่แล้ว ....รู้อยู่แก่ใจว่างานที่ทำงานยังมากมายมหาศาล
แต่อ่านข่าวเจอ แล้วก็อารมณ์อยากพัก อารมณ์เหนื่อยหน่าย และอารมณ์ประชดด้วยล่ะ
ทำให้เราตัดสินใจ ลาพักร้อน ไปเดินเที่ยวกับ ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ

ตื่น (เกือบสาย) เลยต้องหาอาหารเช้าจาก 7/11 ข้ามฟากมาฝั่งพระนครจากท่าวังหลัง-ท่าพระจันทร์ >> เส้นทางประจำของเรา
เดินตัดเข้าธรรมศาสตร์ เข้าถนนเจ้าฟ้า มายังวัดชนะสงคราม อันเป็นจุดนัดหมาย

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า



ถึงหน้าพระอุโบสถ ก็มีสมาชิกร่วมเดินลงทะเบียนกันอยู่
จัดการเรื่องลงทะเบียนแล้ว ก็เตร่ไปเตร่มาถ่ายรูปไปพลางๆ ระหว่างรอวิทยากร



ตลอดทั้งทริปครั้งนี้ เราชอบรูปนี้ที่สุด


ในพระอุโบสถ พระ-เณร ยังทำวัตรเช้ากันอยู่เลย มีแม่ชีและอุบาสกอุบาสิก นั่งสงบจิตร่วมทำวัตรเช้าตามมุมต่างๆ ด้วย


วิทยากรมาถึงแล้ว ก็เรียกรวมตัวประมาณจากสายตา น่าจะมีคนร่วมทริปเกือบ 30 คนเห็นจะได้



วัดชนะสงคราม เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร สร้างตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่าวัดกลางนา
ต่อมาเมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งพระอาราม
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนาให้เป็นวัดหลวงในเขตพื้นที่วังหน้า
และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงครามเมื่อพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหานาททรงชนะศึก
หลังจากนั้นก็ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์โดยพระบรมวงศานุวงศ์ให้ราชวงศ์จักรีต่อๆ มา

ปัจจุบันวัดนี้เป็นวัดในเส้นทางท่องเที่ยว "ไหว้พระ 9 วัด" ที่มีคติว่าจะช่วยให้ชนะภัยพาลทั้งหลาย
จึงเป็นวัดสุดท้ายของเส้นทาง เช้าๆ แบบนี้คนก็เลยยังไม่มากนัก
แต่ก็มีงานพิธีอุปสมบทรออยู่ จากความเงียบก็เลยเริ่มจะอึกทึกขึ้น
เมื่อพิธีการเริ่มและทางวัดใช้เครื่องขยายเสียง

คณะเดินทางก็เลยต้องค่อยๆ หาที่สงบในวัดพูดคุยกันถึงประวัติความเป็นมา และพิจารณาในเชิงช่างฝีมือของวังหน้า
...ที่มีความงดงามและไว้ฝีมือมากกว่าช่างวังหลวงในสมัยเดียวกันซะอีก

หน้าบันและไม้ปั้นลม (ไม้ที่รองรับใบระกา) ที่ทำจากไม้ชิ้นเดียว


ใบเสมาเข้ามุมพระอุโบสถเลยล่ะ


พระประธานและจิตรกรรมฝาผนังที่ไม่ได้ชมนานนักเนื่องจากกำลังจะมีพิธีอุปสมบท


ก่อนแดดจะแรง ชาวคณะก็ออกเดินทางจากไปยังจุดหมายต่อไป
ผ่านเส้นทางถนนข้าวสารที่ดูค่อนข้างสงบกว่าช่วงกลางคืนเยอะเลย



แวะเยี่ยมร้าน Starbucks ซะหน่อย เนื่องจากเป็นตึกเก่าที่สร้างขึ้นในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5
เป็นบ้านเดิมของสกุลกุญชร ณ อยุธยาที่ให้เช่า ....และมีความรักความหลังในบ้านหลังนี้
วิทยากรร่วมอธิบายว่า สร้างและเป็นเรือนหอในสมัยพ่อ(จำชื่อไม่ได้ค่ะ ไม่ได้จด)
ฝีมือช่างอิตาลีกลุ่มเดียวกับที่สร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม
ตกมาถึงรุ่นลูกสาวแต่งงานก็ ยกให้เป็นเรือนหอครั้งที่ 2





คุณเชย (รึว่าคุณชื่น ...ไม่แน่ใจอีกแล้ว ฟังอย่างเดียวไม่ได้จดอ่ะ) บุตรสาวเป็นศิษย์รุ่นแรกของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี
และเธอได้ทิ้งฝีมือวาดภาพไว้ภายในตัวบ้านด้วย

ภาพลายดอกไม้บนเพดานนี้ ผลงานเธอค่ะ


ภายในห้องชั้นบน มีพระฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถ
กับภาพพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย
ภาพประดับภายในบ้านมุมบันได้นี้ เป็นภาพเขียนตัวละครจีน


เนื่องจากชาวคณะเดินฝ่าแดดกันมาและเราใช้เวลาในร้านเค้านานด้วยล่ะ
ก็เลยอุดหนุนกาแฟกันซะหน่อย ....เราไม่เคยเข้าร้านกาแฟยี่ห้อนี้

ชามะนาวแก้วนี้ 105 บาทอ่ะ แพงเป็นบ้าเลย


เดินทางกันต่อไป มุมหน้าสู่วัดบวรนิเวศ


ราว 11 โมงกว่าเมื่อพวกเราพากันเดินมาถึงวัดบวรนิเวศ
วิทยากรนำเข้าพระอุโบสถ ...วัดนี้เราต้องเอาถุงใส่รองเท้าถือเข้าไปกันเลย
เพราะเคยเกิดเหตุรองเท้าหายกันมาแล้ว >> คุณจุลภัสสรโดนกับตัวเองเลย

วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร
เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร
เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองแฝงด้วย
เนื่องจากพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ทรงเชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฏ พระอนุชาที่ทรงผนวชและจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชาธิวาส
มาครองวัดเป็นเจ้าอาวาส เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเสนอเจ้าคณะรอง
และด้วยความที่พระองค์ท่านทรงเป็นปราชญ์รอบรู้เรื่องต่างๆ และเชี่ยวชาญหลายภาษา
จดหมายโต้-ตอบกับต่างชาติในทุกๆ เรื่อง ล้วนต้องผ่านพระเนตรท่านทั้งสิ้น เพื่อตรวจแก้
วัดนี้จึงเป็นเสมือนสำนักราชเลขาธิการกลายๆ ไปด้วย
ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็เพื่อการเตรียมการให้ใครๆ (ในที่นี่หมายถึงขุนนางและพวกต่างชาติ)
ได้ทราบว่า ใครคือผู้จะขึ้นสืบต่อราชสมบัติ

ในด้านเชิงศิลป์ วัดนี้สร้างขึ้นหลังจากพื้นที่นี้ถูกใช้เป็นพระเมรุมาก่อน
ก็เลยมีการก่อสร้างพระอุโบสถเป็นจตุรมุข และตัดพื้นที่เป็นตรีมุขในช่วงเวลาหลังจากนั้น
พระประธานก็อัญเชิญมาจากเมืองพิษณุโลก เล่ากันว่าครั้งนั้นจะอัญเชิญพระสำคัญของหัวเมืองพิษณุโลกลงมาทั้ง 3 องค์
แต่ชาวเมืองไม่ยอมจึงอัญเชิญลงมาเพียง 2 องค์ พระพุทธชินสีห์ (ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่งามอย่างหาที่ติมิได้) เป็น 1 ในนั้น
และที่ประดิษฐานหลังพระพุทธชินสีห์ คือ พระสุวรรณเขต
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ก็เป็นฝีมือขรัวอินโข่ง



ลักษณะหน้าบันของพระอุโบสถและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เป็นแบบที่เรียบว่าพระราชนิยม (ในรัชกาลที่ 3)




จากความจอแจบริเวณหน้าพระอุโบสถ (เจองานอุปสมบทอีก 1 งาน)
คณะเดินทางตามหาความเงียบ ก็เดินลึกไปยังเขตพุทธาวาส
แวะชมพระตำหนักที่ประทับสมัยพระเจ้าอยู่หัวหลายพระองค์ประทับช่วงอุปสมบท
สังเกตได้จากตราพระราชลัญจกรที่ประดับอยู่ที่ตัวตำหนัก



ดูความแตกต่างของการตกแต่งอาคารในช่วงสมัยต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน




เมื่อเดินลึกเข้าไปในเขตพุทธาวาส (พื้นที่สงฆ์) เราสัมผัสได้ถึงความเงียบ ความสงบ
เสียงลมพัดใบไม้ไหว เสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล ได้ยินดังถนัดหูดีนัก
พื้นที่นี้ คือ มุมเงียบในพื้นที่บางลำพูจริงๆ ซะด้วย

ใช้เวลาสัมผัสความเงียบกันได้เพียงเล็กน้อย ท้องก็เริ่มประท้วง
แยกย้ายกันไปหาอาหารกลางวันกันเอง
จุดนัดหมายช่วงบ่ายอยู่ที่วัดเทวราชกุญชร


ปล. เที่ยวนี้ทำรูปเล็ก จะได้ไม่โหลดช้านัก
...ภาพมุมเงยเยอะหน่อยล่ะ เพราะคนถ่ายภาพรูปร่างกระทัดรัดไปหน่อย



Create Date : 17 กรกฎาคม 2551
Last Update : 18 กรกฎาคม 2551 13:36:45 น. 16 comments
Counter : 2118 Pageviews.  
 
 
 
 
ต้องหาโอกาสไปดูสตาร์บักส์สาขานี้มั่งแล้ว อิอิ
 
 

โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:55:09 น.  

 
 
 
เสียดายมากมาย
ไม่ได้ไปทริปนี้

ขอบคุณที่เก็บภาพมาฝากครับพี่ : )
 
 

โดย: ชรันจ์ วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:16:58 น.  

 
 
 
ว้าว... starbucks ร้านนี้น่านั่งจังเลย
อยู่ตรงไหนค่ะเนี้ย..
 
 

โดย: มะลิซ้อนซ่อนรัก วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:20:27 น.  

 
 
 
ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
รอบนี้..ภาพเยอะเชียวนะคะ
แจงชอบรูปที่เจ็ดค่ะ..หน้าบัน(รึเปล่า)
หลังคากับฟ้าตัดกัน..สวย
อีกรูปก็คือ..รูปที่สิบเจ็ดค่ะ..งามวิจิตร
รูปแก้วชามะนาว..ก็เก๋ค่ะ
แต่ราคาร้อยห้าบาท..เป็นลม
แพงมากค่ะ....สำหรับเมืองไทย
คนทำงานหาเช้ากินค่ำ..ทำงานทั้งวัน
คงซื้อดื่มได้แก้วเดียว...เอื๊อก..ก....ก..
 
 

โดย: nikanda วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:09:23 น.  

 
 
 
เห็นคุณไปเมนต์บ้านผมให้ซะยาว คันไม้คันมือจะมาลุยมั้ง
ปรากฏเจอวัด... ... ...ชุดนอนใบ้รับประทาน...

จนอ่านมาเจอร้านกาแฟ
เออ ค่อยยังชั่ว 555+ สารภาพว่าเกิดมาผมไม่เคยเข้าร้านกาแฟเลยครับ
ผมว่ามันต้องอาศัยเวลาและอารมณ์ในการนั่งมาก
ในขณะที่ผมไม่มีเวลาแบบนั้น
และตอนจิบกาแฟนี่เอง ที่เป็นช่วงที่สมาธิขิงผมพีคสุดในแต่ละวัน
(ทั้งวันจะมีสมาธิสั้นๆแค่ช่วง 1 ถ้วยกาแฟนี่แหละครับ)
ในตอนนั้นผมเลยจะรีบทำอะไรไปด้วยตลอดเวลา

การไปร้านกาแฟจึงเกิดขึ้นแค่เดินผ่าน แอบดมกลิ่นฟรี แล้วจากไป

แต่นั่นอาจจะเหมาะแล้ว...โฮก!!! ชามะนาว 105 บาทใส่อะไรเนี่ย มะนาวนำเข้าจากดาวอังคารหรือไง
ถ้าเป็นกาแฟพันธ์ดีๆ ชื่อเรียกยากๆ ประมาณว่าเวลาปลูกต้องเอาไปแอบปลูกร่วมกับไร่องุ่น ให้พ่อแม่องุ่นเลี้ยงดู เปิดเพลงให้ฟังทั้งไร่ แล้วต้องบดด้วยมืดเปล่าเท่านั้น(?) แถมต้องชงด้วยน้ำที่เอามาจากน้ำพุร้อน ณ เชี่ยงใหม่ที่ต้องกรองระบบศูนย์ยากาศ โอย...อารายเนี่ย

อิจฉานิดๆ สำหรับคนที่เมีเวลาไปพักผ่อนแบบนี้
ผมไปไหนไม่เคยติดกล้องไปเลยครับ (เพราะไม่มี...จะพูดทำไม)
ตอนนี้มีมือถือถ่ายรุปได้แต่ก็ไม่มีเวลาไปไหนเลย ไปได้อย่างมากก็เดินห้าง 2 ชม
เดือนึงได้ไป 3 - 4 วันอย่างมาก
และที่อิจฉาคนที่สามารถมีความสุขกับการเดินชมวัด(ที่ผมเดินแล้วร้อน เหนื่อย ง่วง) แบบนี้...
 
 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:20:10 น.  

 
 
 
คุณหมี / คุณมะลิซ้อน >> starbucks สาขานี้อยู่ช่วงกลางๆ ถนนข้างสารนะ แต่อยู่ซอยแยก ไม่รู้ว่าเดินกลางคืนจะหาร้านเจอรึป่าว
บรรยากาศในร้านสวยจริงๆ ห้องที่มีภาพเขียนบนเพดาน เป็นห้องเล็กๆ ค่ะ ติดกันมีอีกห้องนึงซึ่งเราไม่ได้เข้าไปดู ชาวคณะดูกันแน่นมาก เกรงใจลูกค้าที่อาศัยมุมสงบอ่านหนังสือ ละเลียดกาแฟ

น้องชาย >> ชวนแล้วไม่ไป ก็ดูรูปไปนะน้อง

คุณแจง >> คราวนี้ถ่ายภาพเยอะค่ะ แต่เรารู้สึกว่าสวย น้อยอ่ะ ...เพราะด้วยเวลา ด้วยมุมกล้อง ไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก
ภาพหน้าต่างในพระอุโบสถเนี่ย ชอบถ่ายรูปมุมแบบนี้มากเลย ถ้าเห็นหน้าต่างสวยๆ ละก็ อดไม่ได้ แต่มุมนี้ ก็ยังไม่ใช่อย่างที่อยากได้นะ ....ถ่ายมาแล้ว สีทองอร่ามดีจัง

คุณชุดนอน >> เมื่อก่อนเราก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลาไปเดินเล่นอย่างนี้นะ
แต่ทุกวันนี้ ถ้าเจอข่าวปุ๊บ จะพยายามจัดสรร และไปเที่ยวด้วย
ชอบเที่ยวเชิงวัฒนธรรมค่ะ ยิ่งมีวิทยากรนำด้วย ยิ่งชอบ ได้ความรู้มาประดับตัวไว้อีก
ดีกว่าอ่านเองเยอะเลย ...รึถ้าอยากรู้เพิ่ม ก็หาหนังสือมาอ่านเสริมต่อได้อีก
เรื่องร้านกาแฟเนี่ยนะ ...จะว่าไป เราก็ไม่เคยนั่งดื่มแบบเป็นกิจลักษณะหรอก ....
อาจเป็นเพราะมัน "แพง" ก็เป็นได้
เราชอบดื่มกาแฟนะ แต่ไม่จำเป็นต้องลึกซึ้งดื่มด่ำมากนักก็ได้ ....
คิดผิดไปหน่อยนะ ที่เข้าร้านแล้วดันสั่งชามะนาวเนี่ย
เค้าคิดราคาตามขนาดแก้วอยู่แล้ว ทำไมไม่สั่งกาแฟละเนี่ยเรา .....
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:55:59 น.  

 
 
 
ถ่ายภาพสวยจังเลย แล้วโพสให้ดูต่อเร็วๆ นะจ้ะ
 
 

โดย: นู๋เมี่ยง IP: 58.9.79.45 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:11:38 น.  

 
 
 
ดูท่าจะเสียเหงื่อจาก
งานนี้ไปโขเชี่ยว
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:16:16 น.  

 
 
 

สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมเยี่ยมวันหยุด
ขอบคุณมาก ๆ ที่ไปเยี่ยมที่ blog

 
 

โดย: ม่วงครา (the violetblue home ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:48:13 น.  

 
 
 
ชอบทุกรูปเลยค่ะ แถมมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ด้วย ถึงจะเดินเหนื่อยแต่ก็คุ้มนะคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:33:26 น.  

 
 
 
นู๋เมี่ยง >> ใจเย็นๆ ดิต้องใช้เวลาจัดการกับภาพก่อนนะ

คุณชาญ >> เสียเหงื่อ แลกกับความรู้ และความเงียบ ก็ o ค่ะ

คุณม่วง >> ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ

คุณส้ม >> ดีใจที่มีคนชอบดูรูปถ่ายของเรานะ รู้สึกคุ้มค่าจริงๆ ซะด้วย
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:47:19 น.  

 
 
 

comment ของคุณกรินทร์ (ทีมงานชมรมหรี่เสียงกรุงเทพ) ส่งมาทาง E-Mail ..ขอยกมาไว้ตรงนี้ด้วยแล้วกัน



เข้ามาชมภาพถ่ายเยือนมุมสงบฯ (ครึ่งทาง) ใน blog แล้วครับ รู้สึกเหมือนว่าได้เดินไปเที่ยวด้วยกันอีกรอบเลย ขอบคุณมากครับ
ชอบที่มีเรื่องราวและรูปภาพตั้งแต่เริ่มเดินทางมาจากฝั่งธนฯ ด้วยครับ

ทางชมรมฯได้สรุปจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ กับทีมงานทั้งหมดแล้ว
รวมได้ 60 คนพอดีครบ (ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 53 คน + วิทยากรกับทีมงาน 7 คน)

ขอเพิ่มเติมข้อมูลเล็กน้อยครับ คือ
เขตพื้นที่สงฆ์นั้นจะเรียกว่า "เขตสังฆาวาส" ครับ (สงฆ์ = สังฆะ)
คำนี้ตอนแรกผมก็เรียกสลับกันกับเขต "พุทธาวาส" ครับ

"......" (ละไว้ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้)

ขอบคุณพี่อีกครั้งครับ จะรอชมภาพถ่ายช่วงหลังต่อนะครับ

 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 20 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:24:30 น.  

 
 
 
ขอภาพของบ้านสกุล กุญชร ณ อยุธยาทั้งหมดค่ะ เพราะไม่มีโอกาสได้เห็น
 
 

โดย: เรวดี กุญชร ณ อยุธยา IP: 125.25.179.78 วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:20:02:03 น.  

 
 
 
คุณเรวดีจะให้ส่งทางเมล์ไหนค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:20:14:11 น.  

 
 
 
อยากได้ขอมูลเพิ่มเติมของญาติสายตรงของคุณปู่ของดิฉันชื่อ มล.สวาสดิ์ กุญชร ณ อยุธยา ท่านได้ไปรับราชการอยู่จังหวัดทางภาคเหนือ แต่ตอนนี้ท่านเสียชีวิตตั้งแต่คุณพ่อยังเด็ก..ดิฉันยังไม่แน่ใจว่าท่านมีพี่น้องกี่คนพอจะตอบได้ไมคะ
tukta_lay@hotmail.com
 
 

โดย: เรวดี กุญชร ณ อยุธยา IP: 118.174.96.241 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:21:20:12 น.  

 
 
 
แก้ไข mail นะค่ะ
thangmojang_999@hotmail.com
 
 

โดย: เรวดี กุญชร ณ อยุธยา IP: 119.42.100.25 วันที่: 1 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:30:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com