<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 มกราคม 2552
 

ย้อนอดีต 100 ปี ที่ตลาดสามชุก





ถึงนามสามชุกถ้า.............ป่าดง
เกรี่ยงไร่ได้ฟ่ายลง................แลกล้ำ
เรือค้าท่านั้นคง.....................คอยเกรี่ยง เรียงเอย
รายจอดทอดท่าน้ำ................นับฝ้ายขายทอง

สามเพ็งเล็งสะล่างไม้........ไพรสณฑ์
ป่าใหญ่ใช่เขตคน..................ขาดบ้าน
ร่มรื่นชื่นชมชล.....................ชุ่มแต่ แร่เอย
ปลาว่ายสายสินธุ์สะอ้าน.........สะอาดตื้น พื้นทราย

นิราศสุพรรณ - สุนทรภู่


รจนาไว้เมื่อครั้งเดินทางมายังเมืองสุพรรณบุรีในปีพุทธศักราช 2385 เพื่อมาหาเหล็กไหล เป็นการเดินทางมายังเมืองสุพรรณบุรี ครั้งที่สอง บรรยายถึงสภาพบ้านสามชุกและบ้านสามเพ็ง ในช่วงปลายรัชกาล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3



รถตู้แล่นข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ....ขึ้นทางยกระดับถนนสิรินธร แล้วก็ตรงไป ตรงไป เรื่อยเรื่อย
แรกๆ พวกเราก็นั่งคุยกันอยู่ ...แต่ความที่ถนนลาดยางอย่างดี ....แปดเลนกว้างขวาง
เสียงคุยเริ่มเงียบลง ....ทุกคนเริ่มหลับตา พักเอาแรง
เรามาลืมตามองข้างทาง ก็ตอนที่เข้าถึงเขตอำเภอบางปลาม้า
อ้าว...ถึงสุพรรณบุรีแล้ว .....พอเข้าเขตอำเภอเมือง มองไปไกลๆ จะเห็นหอคอยบรรหาร-แจ่มใส

ราวสิบโมงเกือบครึ่ง ก็เข้าเขตอำเภอสามชุก ....
ถนนตู้จอดส่งที่วิน ...ไม่ยักเลี้ยวไปส่งหน้าตลาดอ่ะ
ลงรถแล้ว ก็เดินเลียบข้ามสะพาน เข้าตลาดทางด้านท้าย (หรือด้านข้าง...ไม่แน่ใจ)

ก่อนอื่นก็เดินหาป้ายชื่อตลาด มาตั้งหลักกันตรงนี้ดีกว่า .....
ตามธรรมเนียมก็ต้องมาโพสต์ท่าถ่ายรูปกันที่หน้าป้ายชื่อ ...เช้าๆ อย่างนี้คนยังไม่มากนัก
แต่ก็มีกรุ๊ปใหญ่มาลงในช่วงเวลาเดียวกับเรานะ ....ได้ยินคนนำทัวร์บอกให้รอไกด์น้อยๆ ที่จะมาพานำชมตลาด ....
พวกเราก็เลยชิงออกตัวกันก่อน ไม่งั้น จะกลายเป็นเดินตามกันเยอะ ....ไม่ค่อยชอบอ่ะ


ตู้ไปรษณีย์ตู้นี้ เป็นตู้เก่าสมัยพ.ศ.2454 เปรียบเทียบกับตู้ไปรษณีย์ปัจจุบันที่ท่ารถบ.ข.ส.


พอเดินตลาดแล้ว ...ไอ้ที่จะเที่ยวด้วยกันอ่ะ เลิกคิด .....ต่างคนต่างเดิน เพราะความสนใจต่างกัน
เราก็เน้นถ่ายรูป ....น้องเราก็เน้นของกิน ...เพื่อนเราก็แยกไปหามุมสงบ ดื่มกาแฟ เขียนโปสการ์ด
ส่วนอีกคนที่พาแม่มาด้วย ...ก็ต้องช้อปปิ้ง เป็นธรรมดา
ก็เลยเหมือนกับว่า ทริปนี้ แค่อาศัยนั่งรถมาด้วยกัน

ตลาดสามชุก เป็นห้องแถวไม้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน มีความเป็นอยู่ผสมผสานกันระหว่างคนจีนกับคนไทย ในยุคเฟื่องฟูนั้น เป็นย่านการค้าสำคัญของลำน้ำท่าจีน การคมนาคมสัญจรและขนถ่ายสินค้าก็ใช้แม่น้ำท่าจีนเป็นหลัก จนกระทั่งปีพ.ศ. 2510 การสัญจรทางบกเริ่มเข้ามามีบทบาทมายิ่งขึ้น การสัญจรทางน้ำก็ลดความสำคัญลงเรื่อยๆ ตลาดริมน้ำก็เริ่มซบเซาลง ผู้คนเริ่มย้ายออกไปทำมาหากินย่านอื่นๆ จนกระทั่งปีพ.ศ.2543 จึงมีการร่วมตัวกันในชุมชน ตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุกเชิงอนุรักษ์ขึ้นมา บริหารจัดการ จนประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักในนาม สามชุกตลาด 100 ปี "ตลาดมีชีวิต พิพิธภัณฑ์มีชีวา" เป็นแหล่งเรียนรู้การพัฒนาที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างแท้จริง

บ้านขุนจำนงษ์จีนารักษ์ เป็นจุดแรกที่นักท่องเที่ยวควรจะแวะก่อน
เพราะมีโมเดลทั้งตลาดอยู่ที่ชั้นล่าง ให้เราได้ดูกันก่อนว่า สถานที่เด็ดๆ ที่ควรเยี่ยมชมนี้อยู่ตรงไหนบ้าง


ที่นี่ เหมาะจะเป็นสถานที่ถ่ายรูปจริงๆ มองมุมไหนก็สวย


ถ่ายแสง-เงา ก็สวย




เพื่อนที่เคยมาก่อนนั้น เล่าว่าเค้าสัมผัสวิญญาณเด็กได้ที่ห้องนอนนี้แหละ
แต่เรา ไม่เห็นเจออะไรเลย ....ภาพถ่ายก็ปกติดีนะ


จุดอำนวยการของชุมชนจริงๆ คือ บริเวณลานโพธิ์ที่ซอย 2 และบ้านเถ้าแก่เช้ง ...ห้องน้ำก็อยู่บริเวณนี้แหละ


อีกแห่งหนึ่งที่ค่อยข้างทึ่งมากๆ ก็คือ บ้านโค้ก


จ่ายเงิน 5 บาทค่าตั๋วเข้าชม....อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ แต่ห้ามหยิบ ห้ามจับ
เด็กที่ดูแลบอกว่า ของทั้งหมด เป็นของสะสมส่วนตัว ที่เจ้าของนำมาจัดแสดง เพียง 20% เท่านั้น
แค่นี้ก็เต็มพื้นที่ 2 ชั้นแล้วล่ะ




นอกจากของสะสมที่มีตราสัญลักษณ์โค้กแล้ว ก็ยังมีป้ายโฆษณา หรือภาพภาพโฆษณาโค้กอีกมากมาย


แบบนี้ บรรดาของสะสมที่เกือบจะเป็นขยะของเรา เช่น แก้วกับกระป๋องข้าวโพดคั่วจากหนังเรื่องต่างๆ และแสตมป์ ก็ดูจะมีค่าขึ้นอีกเยอะ
เอาไว้มีมากๆ ก็เอามาจัดโชว์ได้เนอะ ...ตอนนี้ปล่อยให้รกห้องนอน กินพื้นที่ สะสมฝุ่นไปพลางๆ ก่อน


ก่อนออกจากบ้านโค้ก ....ก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันซะก่อน


ออกจากบ้านโค้กแล้วก็เดินสำรวจ เก็บภาพ เก็บบรรยากาศ เก็บรอยยิ้มของผู้คนไปตามซอยต่างๆ
ตลาดนี้ มี 4 ซอย มีป้ายบอกชัดเจน ร้านรวงก็ยังคงสภาพเก่าๆ ไว้ให้เห็น
ส่วนที่ขาย บางอย่างก็ใหม่...ตั้งขายกันหน้าร้านเดิมนั่นแหละ






อาหารการกินก็หลายหลาย เหมือนกับตลาดอื่นๆ นั่นแหละ ที่ขึ้นชื่อและกล่าวขวัญกัน
ก็มีขนมดอกจอก, หมี่กรอบ, ข้าวห่อใบบัว รวมถึงกาแฟคั่วแบบโบราณ >> ซึ่งเราไม่ได้ชิมซักอย่าง
มีขนมไข่ปลา หน้าตาแปลกกว่าขนมอื่น ก็เลยลองชิม รสชาติหวานๆ มันๆ อร่อยดีล่ะ
ทำจากแป้งกับลูกตาล ...ก็คล้ายๆ จะป็นขนมตาล แต่ว่าปั้นต้มในน้ำเดือด
พอลอยตัว ก็ตักขึ้น มาคลุกกับมะหร้าวขูด โรยน้ำตาล


เดินผ่านโรงแรมอุดมโชค...เก่าแก่มาก ไม่ได้ขออนุญาตขึ้นไปชมห้องพัก ...ไว้คราวหน้านะ
สมัยก่อนโจรชุกชุม ทางโรงแรมป้องกันโดยทำกรงเหล็กกั้นระหว่างทางขึ้นบันได
เมื่อก่อนคิดค่าบริการ 22 บาทต่อคืน ปัจจุบันไม่เปิดให้พักแล้ว
เห็นบรรยากาศแล้ว...ไม่แน่ใจนะว่าเราจะกล้าพักรึป่าว ...ดูเก่าๆ ทึมๆ อ่ะ


เราแวะกินก๋วยเตี่ยวกัน ถือเป็นรองท้องมื้อเที่ยงละกัน
มีโต๊ะเครื่องแป้งในร้านนี้ หน้าตาโบราณดีก็เลยเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกมาด้วย


ข้างร้านก๋วยเตี๋ยว มีร้านขายของที่ระลึกที่เก๋ไก๋มาก ทำเป็นเสาบอกชื่อจังหวัด ชื่อสถาบันการศึกษา
พี่เจ้าของร้านอัธยาศัยดี ก็เลยได้จ่ายเงินซื้อของที่ระลึกซะที


ร้านขายยาสวัสดีโอสถ ... เป็นของคุณตาสวัสดิ์ จอมแสง หมอพื้นบ้าน เดินทางไปรักษาตามบ้าน
ต่อมาเปิดเป็นร้านจำหน่ายสมุนไพร จัดชุดไทย จีน และยาสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศ
สืบทอดกันจนถึงปีพ.ศ.2516 จึงได้ปิดตัวลง และลูกหลานคุณตาได้เปิดบ้านให้เข้าชมรำลึกอดีต



มาถึงศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสามชุกนี้ เป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเดิมที่ ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดสามชุก สร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2370
ต่อมามีการสร้างศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสามชุกขึ้นใหม่ในปีพ.ศ. 2439 และขุนจำนงค์จีนารักษ์ ได้บูรณะขึ้นใหม่โดยวิธีโบราณ
โดยอัญเชิญเถ้าธูปมาจากศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณในปีพ.ศ.2467


ดูนาฬิกาเที่ยงกว่าแล้ว...เราจะไปเที่ยวกันต่อนี่นา โทรหาเพื่อนๆ ปรากฎว่ายังติดกันอยู่ตรงนั้นตรงนี้
เราก็น้องๆ ก็เลยแยกตัวจากคณะ ...ไปเข้าห้องน้ำที่ลานโพธิ์
ได้ของที่ระลึกมาอีกอย่าง

ในถุงผ้าเป็นแก้วน้ำกับชาม พร้อมตะเกียบและช้อน...ถ้าสิ้นปีนี้ยังไม่แตกไปซะก่อนละก็นะ
ถือกลับมาเที่ยวงานบุฟเฟต์ตอนช่วงปีใหม่ที่ตลาดสามชุกได้เลย
มีอุปกรณ์ชุดนี้ กินฟรีตั้งแต่สี่โมงเย็น ได้ทุกร้านเลยล่ะ

อ่ะ...จะไปเที่ยวต่อแล้ว...ต้องซื้อเสบียง เตรียมตัวเดินทางต่อกันซะที
ได้หมูอบน้ำผึ้ง (เค้าว่า) อร่อย ...ไม่รู้ร้านไหนล่ะ มีตั้ง 2 ร้าน แล้วก็ข้าวเหนียว (หนักท้องดี)
แล้วก็ต้องหิ้ว ประคับประคอง ขนมทองม้วน ขึ้นสะพานสูง ข้ามแม่น้ำท่าจีน
ไปรอรถบ.ข.ส. ไปเที่ยว บ้านอนุรักษ์ควายไทยกันต่อ
ขออำลาตลาดสามชุด ร้อยปี ไว้แค่นี้
แล้วจะกลับมาเยือนใหม่ เพราะยังมีหลายที่ หลายแห่ง ที่เราพลาดไป





ปล. - ข้อมูลเนื้อหาสาระเชิงประวัติศาสตร์ เรียบเรียงจากแผ่นพับและหนังสือของชุมชมจ๊ะ


Create Date : 29 มกราคม 2552
Last Update : 30 มกราคม 2552 0:12:41 น. 5 comments
Counter : 7616 Pageviews.  
 
 
 
 


หยิบดอกไม้จากบล็อกอัพใหม่ …ได้แล้วได้เลย… มาฝากค่ะ

อยู่กับใจที่อิ่มเย็นและดูแลสุขภาพนะคะ


 
 

โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:1:09:47 น.  

 
 
 
ได้เจิมหรือนี่

งั้นอีกที เจิม เจิม เจิม เจิม เจิมจ้า
 
 

โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:1:11:12 น.  

 
 
 
รูปสีสวยจังค่ะ + ชอบลายน้ำของคุณนัทธ์ด้วย
 
 

โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 30 มกราคม 2552 เวลา:4:33:55 น.  

 
 
 
รูปสวยอ่ะคะ อยู่สุพรรณยังไม่มีโอกาสไปสามชุกสักที
T_T
 
 

โดย: ต้นหนึ่ง IP: 125.24.190.246 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:52:00 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่เอารูปมาลง เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วย
 
 

โดย: chopov วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:07:56 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com