<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2552
 

ลำปาง : ชมเงาพระธาตุ - เที่ยววัดพม่า


หลังจากชื่นชมความงดงามของลวดลายศิลปะช่างล้านนาที่ วัดเสลารัตนปัพพตารามหรือวัดไหล่หินแก้วช้างยืน (วัดไหล่หินหลวง)กันพอสมควรแล้ว
สังเกตดูฟ้า.. เริ่มเห็นเมฆขาว ฝนขาดเม็ดซะที...คำอธิษฐานเริ่มจะเป็นผลแล้วล่ะ
พวกเราก็เดินทางต่อมา ไม่นานนัก (อีกแล้ว)
ใจเราว่าไม่นาน ก็เพราะระหว่างทางมีอะไรต่อมิอะไรให้มอง
และในรถก็มีลิ้นจิ่ให้แกะกินอยู่ตลอดทาง



ไกด์และคนขับพากันสับสน เลี้ยวรถผิดทางไปหน่อย ก็เลยต้องถามทางชาวบ้าน
แล้วเราก็มาถึง วัดพระธาตุจอมปิง จนได้



ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งราชอาณาจักรล้านนาไทย
ว่าเป็นวัดคู่กันกับวัดพระธาตุลำปางหลวง และมีสิ่งที่น่าพิศวงเช่นเดียวกัน
คือการเกิดเงาสะท้อนเป็นภาพสีธรรมชาติขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ ผ่านรูเล็กบนหน้าต่าง
มาปรากฎบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลาที่มีแสงสว่าง


แต่ก่อนอื่น เข้าไปไหว้พระในพระวิหารกันก่อน (เพิ่งสังเกตว่า วิหารสร้างใหญ่กว่าโบสถ์นะ)


นายทวารบาลวัดนี้ ขี้เกียจนะ..นั่งเฝ้าประตู หน้าตาก็ไม่รับแขกเอาซะเลย


พระประธานในพระวิหาร



ขอพรให้พระคุ้มครอง เสี่ยงเซียมซี ได้ผลไม่ค่อยดีก็เลยวางใบทำนายคืนที่เดิม
ทำบุญบำรุงน้ำไฟให้วัดแล้ว ก็พากันมุ่งหน้าไปยังพระอุโบสถ ...

อุโบสถวัดพระธาตุจอมปิง เป็นอุโบสถขนาดเล็ก ไม่ปรากฏปีพุทธศักราชที่สร้างแน่ชัด
แต่จากคำบอกเล่าสืบต่อกันกล่าวว่า อุโบสถหลังนี้ได้รับการบูรณะเมื่อพ.ศ.2501




อุโบสถวัดพระธาตุจอมปิง มีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 14 เมตร หลังคาซ้อน 2 ชั้น บริเวณหน้าบันเหนือซุ้มประตูทางเข้ามีการตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประธาน ฝีมือช่างท้องถิ่น ลักษณะที่โดดเด่นของพระอุโบสถวัดพระธาตุจอมปิง คือ การปรากฏเงาพระธาตุภายในอุโบสถ โดยผ่านช่องหน้าต่างขนาดเล็กสะท้อนลงมายังพื้นอุโบสถ บังเกิดภาพเสมือนจริงคล้ายภาพภาพถ่ายพระธาตุแต่กลับหัว ค้นพบครั้งแรกเมื่อพุทธศักราช 2513

เวลาขณะนั้นใกล้จะเที่ยงแล้ว
คุณตาที่ดูแลโบสถ์อยู่...บอกว่าช่วงเวลากำลังดี ...แดดก็กำลังดี
เข้าไปในโบสถ์ปิดประตูให้สนิท ปรับสายตาในความมือนิดนึง
แล้วก็ได้เห็นภาพอัศจรรย์บนพื้นโบสถ์


ภาพที่ปรากฎบนพื้น เป็นภาพพระธาตุกลับหัว และเป็นภาพสีด้วย..แปลกจัง
พอเลื่อนโต๊ะขึงผ้าขาวเข้ามาแทนที่ ก็ได้เห็นภาพไม่กลับหัว และขนาดขยายใหญ่ขึ้น ตามระยะใกล้ไกล


มีนักท่องเที่ยวทยอยเวียนเข้าเวียนออกในพระอุโบสถเพื่อชมภาพพระธาตุนี้
คุณตาก็อธิบายวนไปเวียนมาด้วยภาษาคำเมือง ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง
จับใจความได้ว่า พอพบภาพแรกที่หน้าต่างแรก ...หลายปีถัดมา
ก็มีคนพบภาพนี้จากหน้าต่างที่ 2 และที่ 3 อีกด้วย

และช่วงเวลาที่ภาพจะชัดเจน และเห็นเป็นสีทองเปล่งประกายงามๆ คือเวลาบ่าย 4 โมง
เข้าใจว่า น่าจะเป็นช่วงที่พระอาิทิตย์ลดระดับลงและทอแสงกระทบองค์พระธาตุในมุมสวยพอดี
แต่พวกเราไม่มีเวลาอยู่รอชม ไว้คราวหน้านะคะ




เราพากันออกจากโบสถ์มาไหว้พระธาตุและเดินชมรอบๆ บริเวณ
มีพิพิธภัณฑ์เก็บของเก่าที่พบขณะบูรณะซ่อมแซมด้วย เป็นเครื่องสัมฤทธิ์เยอะมาก
แสดงว่า พื้นที่บริเวณนี้รุ่งเรืองมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคสัมฤทธิ์โน้นเลยนะ


ท้องร้องเตือนแล้ว ...ก็เลยต้องลดกล้องลง แล้วรีบเดินตามหมู่คณะ
ขึ้นรถ มุ่งหน้า...หาร้านอาหาร ได้ร้านลาบ ส้มตำ ก็ปั้นข้าวเหนียวกันเพลิน
ท้องอิ่ม...ก็เที่ยวต่อ

ดูวัดแบบล้านนากันมาตลอดเช้าแล้ว พี่ไกด์กิตติมศักดิ์เลยพาชมวัดศิลปะพม่าบ้าง




วัดศรีรองเมือง เดิมชื่อว่า วัดท่าคะน้อยพม่า สร้างขึ้นในพ.ศ.2443 เป็นหนึ่งในสามวัดแบบพม่าภายในเมืองลำปาง
โดยมีพระวิหารไม้สักทองที่สวยงามที่สุดในจังหวัดลำปาง เหมือนวิมานของพระอินทร์ ใช้เวลาสร้าง 7 ปีจึงแล้วเสร็จ (พ.ศ.2448-2455)
ลักษณะวิหารแบบพม่าที่เด่นชัดคือ การสร้างหลังคาซ้อนกันเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันขึ้นไปจนถึงส่วนยอด
5 ชั้นบ้าง 7 ชั้นบ้าง ลักษณะโครงสร้างหลังคาเช่นนี้เรียกว่า "พญาธาตุ" หรือ "เปียะตั๊ด" ในภาษาพม่า
จะสร้างเฉพาะพระราชวังและศาสนสถานที่สำคัญ เป็นสัญลักษณ์ถึงชั้นของสวรรค์



ภายในพระวิหารประดิษฐานพระประธานไว้ที่ตำแหน่งใต้เรือนยอด ซึ่งเปรียบได้ดั่งศูนย์กลางของจักรวาล



พระประธาน พระพุทธรูปไม้แกะสลักแบบพม่า


ส่วนการตกแต่งเสาทุกต้นในวิหาร ซึ่งใช้กระจกสลับสี ลวดลายทองทั้งแต่โคนเสาถึงปลายเสาตามศิลปะแบบพม่า


ประตูบานเฟี้ยมสีสันสดใส


ภาพวาดและลายฉลุไม้



น่าทึ่งกับความงามแบบพม่าเต็มรูปแบบที่ปรากฎอยู่ทั่วไปในวิหารนี้
แต่ภายในความงดงาม ย่อมมีความเสื่อมโทรม
ผู้ดูแลท่านหนึ่ง เข้าใจว่าเป็นลูกหลานของคนในพื้นที่นี่ เล่าว่า
วัดทรุดโทรมลงมากแล้ว ...แต่ไม่มีปัจจัยมาบูรณะ ขาดการสนับสนุนจากราชการ
ตอนนี้มีการใช้เสาไม้ค้ำโครงหลังคาไว้ ด้านใต้ถุนก้ค้ำเช่นกัน



ถ้าไม่ค้ำไว้ มีหวังทลายลงมานานแล้วล่ะ

ส่วนลายฉลุไม้ที่ประดับหลังคา ก็สึกกร่อน จะหล่นมิหล่นแหล่หลายจุดมาก



พวกเรามองดูแล้วก็ทำได้แค่เพียงบริจาคเงินไว้ ...
กลับมาเล่าต่อ บอกต่อ เผื่อใครผ่านไปเที่ยวแถวลำปาง ก็แวะไปชมวัด ไหว้พระ
และบริจาคบำรุงวัดกันบ้าง ....
หากลำปางกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นมา ...ก็คงมีเงินอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์จากภาครัฐบ้าง


ที่เราแปลกใจ และไม่มีใครให้คำตอบคือ ทำไมพระอุโบสถจึงเป็นแบบตะวันตก



แต่พระเจดีย์เป็นแบบล้านนา ...ไม่แปลก



คงเป็นเรื่องของศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกลมกลืนของผู้คนในช่วงเวลานั้น ก็อาจเป็นได้

ออกจากวัดศรีรองเมือง ด้วยความหดหู่เพราะอยากช่วยมากกว่าที่บริจาคไป
แต่เมื่อยังทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ ....ก็อาศัยช่องทางเครือข่าย บอกกันต่อๆ ไป





Create Date : 08 มิถุนายน 2552
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 17:48:39 น. 13 comments
Counter : 2007 Pageviews.  
 
 
 
 
เจิมก่อน..
แต่ตามไม่ทันบล็อกท่องเที่ยวของคุณนัทธ์

มีเวลาว่างๆแล้วจะตามดูเป็นแนวทางค่ะ
ใกล้จะกลับไทยแล้ว..กำลังมองหาที่เที่ยวเลย
 
 

โดย: nikanda วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:15:32:08 น.  

 
 
 
ภาพแรก เมฆสวยมากค่ะ
ส่วนภาพพระธาตุกลับหัว อยากเห็นของจริงจัง

ไม่ได้เที่ยวเอง แต่ได้ดูภาพก็ยังดี
 
 

โดย: ภาวันต์ วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:15:34:46 น.  

 
 
 
โดนคุณแจงเจิมไปแล้วอ่ะ..

อดทึ่งไม่ได้เหมือนกันกับรูปที่ปรากฎบนพื้น เหมือนภาพวาดสีน้ำมันเลยนะคะ

ทริปนี้ไปวัดอย่างเดียวรึเปล่าเอ่ย?? เป็นจังหวัดที่มีวัดเยอะเหมือนกันนะท่าทาง แต่เสียอย่างที่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปดูแลค่ะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:16:07:12 น.  

 
 
 
คุณแจง >> ตัดหน้าคุณส้มได้ไง

คุณภาวันต์ >> วันนี้มาเร็วนะคะ

คุณส้ม >> ช้ากว่าคุณแจงแล้วล่ะ ...ภาพเงาสะท้อนน่าทึ้งจริงๆ

เออ...ทริปนี้เที่ยววัดทั้งวันเลยจ๊ะ ...^^ เพิ่งรู้ว่าลำปางมีวัดเยอะเหมือนกันนะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:17:57:26 น.  

 
 
 
ยังกับได้เที่ยวกับนักโบราณคดี

นำข้อมูลมาจากไหนครับเนี่ย

ของสำนักโบราณคดีอะป่าว
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:22:02:12 น.  

 
 
 
คุณชาญ >> น้ำเสียงแบบนี้ ชอบรึไม่ชอบกันแน่คะ ข้อมูลที่นำมาประกอบ ก็คัดมาจากป้ายแนะนำสถานที่ของททท. หน้าวัดแต่ละแห่งนั้นแหละค่ะ แล้วก็รวมกับข้อมูลจากหนังสือคู่มือท่องเที่ยว "3 เมืองล้านนา" ด้วยค่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:22:33:05 น.  

 
 
 
เหมือนคุณแจงค่ะ ตามบล็อกท่องเที่ยวไม่ค่อยทัน
แต่ยืนยันว่าภาพสวยมาก เหมือนเคยฝีมือไม่มีตก

ส่วนบล็อกหนังสือเนี่ย อยากให้อัพบ่อยๆ นะค้า อิอิ

คุณนัทธ์ไม่ ฤดู ฯ เหรอคะ
เบื่อเรื่องรักๆ แล้วเหรอตัวเอง
 
 

โดย: BeCoffee วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:22:57:07 น.  

 
 
 
คุณอ้อน >> มัวแต่เที่ยวค่ะ..เลยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ และทีได้อ่านก็ไม่อยากเล่าต่ออ่ะ...
รู้สึกว่า ธรรมดาไปอ่ะนะ
ส่วน ฤดูฯ เพิ่ง up เสร็จไปหมาดๆ เกือบไม่ทันเวลา
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:23:48:47 น.  

 
 
 
ได้เข้าวัดเข้าวาแล้วจิตใจเป็นสุขค่ะ
 
 

โดย: Yolanrita วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:0:03:25 น.  

 
 
 
คุณ Yolanrita >> ใช่ค่ะ...ได้ความสงบเป็นอาหารใจ และ
ได้ความงดงามเป็นอาหารตาด้วย
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:6:53:43 น.  

 
 
 
รูปเยอะจริงๆ ค่ะคุณพี่
 
 

โดย: http://twitter.com/wiina IP: 58.8.246.96 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:14:41:06 น.  

 
 
 
ก็เห็นอยู่ว่า พี่ขยันกดแค่ไหน...

รูปเยอะก็เลยต้องค่อยๆ เล่าไปอ่ะนะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:15:38:16 น.  

 
 
 
ถ่ายรูปสวยมากค่ะ
 
 

โดย: mutcha_nu วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:23:10:19 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com