คืนสุดท้าย
คืนสุดท้าย

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ระริน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องเช่า

ดิฉันเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับหอพักผีสิงมานับไม่ถ้วน รวมทั้งได้รับรู้รายละเอียดที่คล้ายคลึงก็มี แตกต่างกันไปก็ไม่น้อย ส่วนมากมักจะเป็นผู้เช่าคนก่อนๆ ล้มตายอยู่ในห้อง ทั้งตายเองตามธรรมชาติ และโดนฆาตกรรมสุดสยอง

ใครไม่รู้เรื่องแล้วไปเช่าอยู่ต่อ มักจะโดนหลอกจนแทบเป็นบ้าเป็นบอไปตามๆ กัน ขนาดคนที่ทำงานในหอพักหรือห้องเช่ายังโดนหลอกกระเจิงเลยค่ะ

พูดถึงการโดนหลอกก็มีแบบต่างๆ น่าสนใจไม่น้อยนะคะ

ส่วนมากมักจะเป็นตอนกลางคืน ที่เชื่อกันว่าผีจะมีพลังมาก เช่น มาเคาะประตูเรียก แต่เมื่อไปเปิดดูก็ไม่เห็นใคร โดนบ่อยๆ จนมั่นใจว่าถูกผีหลอกแน่เลย! มีทั้งทีวีเปิด-ปิดเองบ้าง บางเรื่องก็ได้ยินเสียงใครอาบน้ำซ่าๆ ทั้งที่ในห้องนั้นมีตัวเองนอนหลับอยู่คนเดียวแท้ๆ

บางทีก็มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ดังแว่วอยู่ในห้องมืดสลัวและเยือกเย็น ที่ร้ายกว่านั้นก็คือมองเห็นร่างตะคุ่มๆ นั่งซุกอยู่มุมห้อง แต่นัยน์ตาจ้องเขม็งบ้าง เดินเหมือนลอยเข้ามาถึงเตียงจนสะดุ้งตื่นบ้าง หลายๆ รายก็ฝันร้าย เห็นแต่ภูตผีน่ากลัวมาหลอกหลอนจนอยู่ไม่ไหวก็มี

แต่เรื่องขนหัวลุกที่ดิฉันประสบมานั้น ค่อนข้างแปลกประหลาดกว่าเรื่องต่างๆ ดังกล่าว...แถมน่าสยดสยองพองขนจนแทบจะพูดได้เต็มปากว่า ไม่มีใครเคยโดนผีหลอกชนิดสาหัสสากรรจ์อย่างดิฉันแน่นอนเลยค่ะ!

พวกเราเป็นนักศึกษาปีแรกของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวรังสิต หอพักที่นั่นเต็มหมด ดิฉันกับแต้วซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม.ต้น มาเข้าเรียนที่เดียวกัน บ้านอยู่แถวคลองเตยกับพระโขนง เลยตัดสินใจไปเช่าห้องพักอยู่ที่ตลาดใหม่ ดอนเมือง ถือว่าไม่ไกลจากที่เรียนมากนัก

บอกตามตรงว่าเรากลัวผีทั้งคู่ เช่าห้องอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน ช่วยกันแชร์ค่าห้องก็ถือว่าแฟร์ดีแล้วนะคะ

เราถือกุญแจห้องคนละดอก จะได้ไม่มีปัญหาเวลากลับไปไม่พร้อมกัน ส่วนมากจะเป็นแต้วที่มีนัดกับเพื่อนๆ ทั้งหญิงและชาย บางคืนก็กลับห้องพัก แต่บางคืนก็โทร.มาว่าจะไปค้างบ้านเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วง

ถ้าคืนไหนเธอไม่บอกว่าจะค้างที่อื่น ดิฉันจะใส่กลอนหลังจากล็อกประตูแล้ว ถ้าแต้วกลับเร็วก็แล้วไป แต่ถ้ากลับช้าก็ต้องมาเคาะเรียก...ดิฉันไม่อยากเสี่ยงค่ะ

จนกระทั่งคืนเกิดเหตุ ตรงกับวันศุกร์ต้นเดือน!

แต้วออกไปกับเพื่อนๆ ตามเคย ดิฉันหาอะไรกินก่อนขึ้นห้องที่อยู่ชั้นสาม...อาบน้ำแล้วก็เปิดทีวีดูข่าว ดูสารคดีอยู่จนราวสี่ทุ่ม นึกถึงแต้วว่าคงจะเฮ้วๆ อยู่กับเพื่อนที่อาร์ซีเอกว่าจะกลับปาเข้าไปตีสองตีสาม ดับไฟเข้านอนดีกว่า...

ไม่ทราบว่าอ่อนเพลียหรืออะไรแน่ แต่รู้สึกว่าหัวถึงหมอนก็หลับผล็อยไปเลย...มารู้สึกตัวว่าแต้วเข้าห้องมาก็ดึกมากแล้วค่ะ ไม่ได้ลืมตาดูนาฬิกา สักพักก็ได้ยินเสียงอาบน้ำซู่ๆ เตียงไหวยวบ ดิฉันเลยหลับต่อจนรุ่งเช้า...

แต้วไม่ได้อยู่ในห้องหรอกค่ะ นึกถึงประตูก็ใจหาย รีบถลาไปดูก็เห็นแค่ล็อกไว้อย่างเดียว...ตายจริง! เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนดิฉันง่วงนอนจนลืมใส่กลอน โชคดีนะที่ไม่มีใครใช้กุญแจผีไขเข้ามาน่ะ!

ว่าแต่แต้วหายไปไหนแต่เช้า? ไม่บอกกล่าวกันซักคำ

นึกสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ โทร.ลงไปถามพนักงานข้างล่างว่ามีใครมาส่งแต้วหรือเปล่า? ไม่อยากถามว่าแต้วมาตอนไหนเพราะฟังดูพิกลๆ ก็ได้คำตอบว่าไม่เห็นแต้วกลับมาเลย

โธ่! เพิ่งนึกได้ว่าโทร.เข้ามือถือเพื่อนง่ายที่สุด แต่เกิดปิดเครื่องซะอีก! ดิฉันเลยจัดการลงไปซักผ้า กินแซนด์วิชทูน่ากับนมสดเป็นอาหารเช้า ดูทีวีเพลิดเพลิน นึกถึงแต้วขึ้นมาเลยโทร.เข้าไปอีกครั้ง...บ้าจัง! ปิดเครื่องตามเคย

จนเย็นก็ยังติดต่อไม่ได้ ตัดสินใจโทร.ไปบ้านแต้ว ได้รับคำตอบว่าไม่ได้กลับบ้านหรือโทร.หาใครเลย...เกิดอะไรขึ้น? แต้วเป็นอะไรไปหรือเปล่า?

พ่อแม่เธอโทร.หาดิฉันตลอด บอกว่าไปแจ้งความแล้ว วันจันทร์ไปเรียนก็ไม่เห็นแต้ว เพื่อนๆ ที่แต้วไปด้วยบอกว่าแต้วเจอเพื่อนเก่าเลยแยกทางไป...ไม่รู้หายสาบสูญไปไหนกัน?

คืนนั้นเธอกลับมานอนกับดิฉันนี่นา! หรือว่า...

ดิฉันขนหัวลุกเมื่อจดจำได้อย่างแม่นยำแล้ว คืนนั้นดิฉันทั้งล็อกประตูและใส่กลอน ทำแบบนี้ทุกครั้งถ้าแต้วยังไม่กลับ...แน่ใจว่าไม่ได้ยินเสียงเรียก เสียงเคาะประตูและไม่ได้ลุกไปถอดกลอนให้แต้วอย่างแน่นอน!

แล้วใครเล่าที่เข้าห้องมาอาบน้ำ มานอนบนเตียง ก่อนจะสาบสูญไปเมื่อตอนเช้า?

เรื่องยังเป็นความลับมาปีเศษแล้ว ดิฉันย้ายหอพักตั้งแต่แน่ใจว่าแต้ว-เพื่อนรักคงจะมาล่ำลาดิฉันไปตลอดกาล...ทุกวันนี้ยังไม่มีใครพบเธอเลยค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEV5TURVMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB4TWc9PQ==



Create Date : 12 พฤษภาคม 2551
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 19:52:01 น.
Counter : 566 Pageviews.

0 comment
ผีดิบในบ้าน
ผีดิบในบ้าน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ลินดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อรับผีดิบมาอยู่ด้วย

คนรับใช้สมัยนี้หายากยังกะงมเข็มในมหาสมุทร เรียกเงินเดือนสูง ทำงานไม่คุ้ม เล่นตัว เอะอะก็ขู่จะลาออกตะพึด! คนรับใช้ดีๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีกร้อยเท่าพันทวี มิหนำซ้ำตอนนี้ใครๆ ก็แจ้นกลับบ้านนอกไปทำนาดีกว่า เพราะข้าวราคาเหมือนทองคำเข้าไปทุกวัน!

เฮ้อ...ไม่อยากจ้างก็ไม่ต้องจ้างสิ แต่ดิฉันจำเป็นค่ะ บ้านของดิฉันที่เป็นมรดกตกทอดมาจากคุณพ่อนี่ค่อนข้างใหญ่โตเอาการ พ่อกับแม่อายุเกือบ 90 ปียังอยู่ทั้งคู่ แถมสบายดีและไม่ขี้บ่นหรือทำตัวยุ่งยาก นอกจากนั้นยังมีสามีและลูกชายวัยรุ่นอีกสามคน หมาอีกสามตัว แถมด้วยนกและกระต่ายที่ลูกชายซื้อมาเลี้ยง แต่จริงๆ แล้วดิฉันนี่แหละเลี้ยง

พูดตรงๆ ว่าไม่ไหวค่ะ คนเดียวรับทั้งบ้าน! ตั้งแต่กวาดถู ซื้อกับข้าว ทำกับข้าว เก็บกับข้าว ล้างถ้วยชาม ซักผ้า...ยังสาธยายไม่หมด นี่ล่ะ...ดิฉันเลย! ขอมีลูกมือสักคน...เมื่อก่อนเคยมี ชื่อป้านิดหน่อย เป็นคนร้อยเอ็ด ตอนนี้ขอไปทำนาซะแล้ว ทิ้งให้ดิฉันต้องลุยงานบ้านทุกอย่างเองอยู่สามเดือนเต็มๆ น้ำหนักลดไปหลายกิโล แต่โรคความดันพาลเล่นงาน

ในที่สุด คนรับใช้ข้างบ้านก็มาบอกข่าวดีว่าได้คนมาแล้ว!

"คุณจะเอาไหม? มันเป็นเด็กไทยใหญ่ ยังไม่ได้ทำบัตร เพิ่งได้มาเนี่ย"

ฟังเงินเดือนที่เสนอขอมาแล้วก็ใจวูบเหมือนกัน แต่เอาเถอะ พอทนได้ และต้องบอกไม่ให้ออกไปไหน เดี๋ยวโดนจับ ! ดิฉันจะจ่ายตลาดเอง รอว่าเมื่อไหร่ทางการเขาเรียกให้ทำบัตรก็จะพาไปทำ

วันรุ่งขึ้น น้องมด-คนรับใช้ข้างบ้านก็พาเด็กสาวคนหนึ่งมากดออดหน้าบ้าน พอเห็นเข้าดิฉันก็ถึงกับสะดุ้ง

เจ้าหล่อนผอมมาก สูงชะลูด ที่จริงก็คงจะประมาณร้อยหกสิบกว่าๆ แต่ความผอมทำให้ผมดูเก้งก้าง แขนขาเหมือนกิ่งไม้เล็กๆ แห้งๆ ดำๆ ทว่า ใบหน้าเธอกางแทบจะเป็นสี่เหลี่ยม เกือบจะกลมยังไงพิกล จมูกแบน คิ้วบางแทบไม่มีเลย ตาขายมีแววแข็งๆ หัวแบนแต๋ ผมน้อย เส้นเล็กๆ แห้งๆ

แบบนี้จะทำงานไหวหรือเนี่ย? แต่ดิฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ!

เจ้าหล่อนคนนี้ชื่อ "เปิ้ง" เธออยากให้เรียกเธอว่า "โฟว์" แต่ดิฉันบอกว่าเป็น "เปิ้ล" แล้วกัน เธอเลยเรียกตัวเองว่า "น้องเปิ้ล"

นังเปิ้ลนี่อายุแค่สิบห้า พูดน้อย เสียงแหบๆ ต่ำๆ ฟังไม่ชัด ดิฉันต้อง "อะไรนะ" อยู่ตลอดเวลา แถมพูดภาษาไทยไม่ได้มากเท่าไหร่ ต้องค่อยๆ สอนกันไป งานก็ไม่ดีหรอกค่ะ...ก็ค่อยยังชั่วที่มีคนมาช่วยกวาดบ้านถูบ้าน แต่เผลอไม่ได้นะคะ บางวันเธอคว้าผ้ามาถูบ้านโดยไม่ได้กวาดซะก่อนก็มี

อีกอย่างที่น่าโมโหคือ เธอเอาแต่นอน...นอนทั้งวัน! ถูบ้านตอนเช้าเสร็จก็เข้าห้องปิดประตูนอนเลย ชอบนอนกับดูทีวี และคุยมือถือเหมือนมันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในกายเธอ

วันหนึ่ง ดิฉันต้องการเรียกให้มาช่วยรีดผ้า เธอหลับสนิท ห่มผ้า หันหน้าเข้าข้างฝา ดีแต่ว่าไม่ได้ล็อกประตู ดิฉันเดินถึงตัวแล้วก็เอื้อมมือไปเขย่า แต่พอก้มตัวลงไปก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาคล้ายกลิ่นศพแห้งๆ ยังไม่ทันไรเธอก็พลิกตัวหันมา หน้าตาเธอเหมือนศพจริงๆ บอกไม่ถูก แต่มันสยองจนดิฉันขนลุก

เธออยู่ได้เดือนกว่าๆ คนในซอยนี้ก็เริ่มซุบซิบว่า บ้านดิฉันมีผี!

จริงๆ แล้วก็คือน้องเปิ้ลนี่ล่ะค่ะ ที่ชอบเดินท่อมๆ ตอนดึกๆ ตีสองตีสาม บางทีก็ยืนเบิ่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน ริมรั้วที่เป็นเหล็กโปร่งๆ คนเดินกลับจากไปเที่ยวดึกๆ ผ่านมาเห็นเข้าก็สะดุ้งสิคะ

มีคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มๆ กลับจากบ้านเพื่อนตอนตีสอง เดินเข้าซอยคนเดียว พอผ่านบ้านดิฉันเขาได้ยินเสียงแหบๆ ก็หันไปมอง เห็นร่างผอมๆ สูงๆ ยืนริมรั้วใต้ต้นมะม่วงกำลังเพ่งมองเขาแบบขำๆ ไฟถนนที่ส่องสว่างทำให้เห็นชัดว่าเจ้าหล่อนค่อยๆ แลบลิ้นยาวออกมาเรื่อยๆ จนเกือบถึงหน้าอก...เขาตกใจซะไม่มี เผ่นแน่บ!

ทีแรกดิฉันคิดว่าเปิ้ลนอนกลางวันมากไป กลางคืนเลยไม่หลับ แต่ปรากฏว่าการที่ชอบไปยืนหลอกผู้คนอยู่ริมรั้วเป็นกิจวัตรที่เธอชอบมาก

พ่อแม่ สามีและลูกชายดิฉันก็เห็นพฤติกรรมน่าขนหัวลุกของเธอเสมอ โดยเฉพาะกลิ่นเน่าแปลกๆ และการที่นก กระต่าย กับพวกหมาๆ แสดงอาการหวาดกลัวเธอเป็นประจำ

พอถามคนที่พาเธอมาก็ได้ความว่า เปิ้ลคนนี้เคยตายแล้วฟื้น! เธอตายไปได้วันเต็มๆ เขาจะเผาแล้ว...ดันฟื้น! อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม่ของเธอเองยังกลัวแทบตาย กลัวจนอยู่ด้วยไม่ได้ ผลก็คือเอาตัวมาทำงานกรุงเทพฯ ดีกว่า ได้เงินด้วย ห่างตัวด้วย ไม่ต้องลุ้นว่ามันจะแหกอกให้ดูวันไหน?

ลงแบบนี้ดิฉันเลยขอคืนตัวเธอไป จะไปอยู่ที่ไหนก็เรื่องของเธอ ดิฉันยอมเหนื่อยจนกว่าจะหาคนใหม่ได้ ดีกว่ามีคนใช้เป็นผีดิบ! จริงมั้ยคะ?

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEE1TURVMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB3T1E9PQ==



Create Date : 09 พฤษภาคม 2551
Last Update : 9 พฤษภาคม 2551 20:11:32 น.
Counter : 628 Pageviews.

3 comment
ของฝากจากวิญญาณ
ของฝากจากวิญญาณ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ใหม่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากลาดพร้าว

ผมเป็นคนลพบุรีก็จริง แต่มาเติบโตที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่จำความได้ จนกลายเป็นคนกรุงเทพฯ เต็มตัว สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก พี่สาวพ่อกับสามีไร้บุตรเลยขอผมเป็นลูกบุญธรรม ตั้งแต่แรกเกิดจนเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายแล้ว

บ้านเราไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ กันหรอกครับ ไม่ว่าลุงใหญ่หรือป้าเพ็ญ อาจจะเป็นเพราะเรียนหนังสือสูงๆ จนได้ปริญญาทางบัญชีมาทั้งคู่ เรียกว่าทำงานทางบัญน้ำบัญชีจนมีสิทธิ์เป็น "ผู้สอบบัญชี" ของบริษัทห้างร้านทั่วไปได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายก็แล้วกัน

ผมถือว่าตัวเองก็มีการศึกษาได้การ ปีหน้าจะได้บัณฑิตทางวิศวะอยู่แล้ว เลยพลอยไม่กลัวผีไปอีกคน...ข้อสำคัญก็คือบ้านที่อยู่แถวลาดพร้าวน่ะผู้คนคึกคัก รถราคลั่กๆ จนผีเผ่นอ้าวไปหมดแล้วละมั้ง?

เรื่องขนหัวลุกนี่เกิดเมื่อหลังสงกรานต์หยกๆ นี่เองครับ!

ลุงใหญ่กับป้าเพ็ญเพิ่งเกษียณได้ 2-3 ปีมานี้เอง ลุงบอกว่าเหนื่อยมานานแล้วขอพักผ่อน อยากมีเวลาปลูกต้นไม้ต้นไร่ให้สบายใจ ป้าเพ็ญบอกว่าไม่อยากอยู่เฉยๆ ยังไม่เจ็บไข้ กินได้อยู่ได้ก็ต้องทำงานด้วย คนเราไม่ควรจะอยู่ไปวันๆ หรือหายใจทิ้งไปเปล่าๆ

"งานคือศักดิ์ศรีของมนุษย์!" ป้าเพ็ญชอบพูดติดปาก อาจจะเจตนาสั่งสอนผมทางอ้อมก็ได้ โดยรับ "สอบบัญชี" ที่บ้าน ดูเหมือนจะเรียกว่า "งบดุลบัญชีรับ-จ่ายประจำปี" มีลูกค้าที่เป็นบริษัทตรวจบัญชีมากมาย พอหลังตรุษจีนก็ทยอยกันมาแล้ว ยิ่งเมษาฯ - พฤษภาฯ ใกล้จะหมดเวลายิ่งหอบกันเป็นปึกๆ จนถึงลังๆ และหลายลังมาส่งถึงบ้าน

ทุกรายล้วนแต่ขอร้องให้รีบๆ ทำให้ทันเวลาด้วยกันทั้งนั้น!

เวลาที่ว่าคือ 5 เดือนครับ นับจากวันที่ 1 มกราคม หมดเขตสิ้นเดือนพฤษภาคม ไม่งั้นโดนปรับหน้าแก่จริงๆ ด้วยเอ้า อย่าทำล้อเล่นไปเชียว

อ้อ! กระทรวงพาณิชย์นะครับที่นับ 5 เดือน แต่กระทรวงการคลังไม่อยากเอาอย่างเลยมีกฎเกณฑ์เป็นนับ 150 วัน ยิ่งปีนี้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน...ยิ่งต้องรีบกันน่าดู

ป้าเพ็ญทำคนเดียวไม่ไหวหรอกครับ ต้องจ้างผู้ช่วยมา 2 คน ตั้งโต๊ะเข้าที่ห้องรับแขกนั่นแหละ แฟ้มหนาๆ กับเอกสารกองท่วมหัว ก้มหน้าก้มตาอยู่ที่คอมพ์ กับโต๊ะหนังสือแทบทั้งวันก็ว่าได้

ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ตอนมีนาคม - เมษายน งานชุกขึ้นเรื่อยๆ จังหวะที่ผมหยุดเรียนพอดีแม้ว่าจะไม่ถนัดเรื่องบัญชีก็ช่วยป้าเพ็ญเรื่องรับแขก ส่วนมากก็มาส่งเอกสารบ้าง เอาของฝากพวกขนมและผลไม้มาบ้าง พอถึงเมษายนก็ทยอยกันมาส่งงาน ยิ่งพฤษภาคมด้วยแล้ว ยิ่งต้องเร่งกันจ้าละหวั่น ใครมาก่อนได้ก่อน บางรายมารับงาน - ส่งเงิน แบบยื่นหมูยื่นแมวก็มี

บางคนแยะเอาของฝากมาให้แล้วถือโอกาสพูดคุยกับป้าเพ็ญ บางคนไม่ว่างมาก็วานลูกหลานบึ่งรถมาส่งงาน - รับงาน ส่งเงิน มักมีของฝากติดไม้ติดมือเป็นประจำ

เดือนเมษายน - พฤษภาคม นี่ของฝากเยอะครับ ส่วนมากจะเป็นขนมอร่อยๆ จากเมืองเพชรเพราะเขาไปเที่ยวหัวหินกัน หรือไม่ก็เป็นผลไม้พวกส้ม, มังคุด, ลองกอง, ทุเรียน ฯลฯ จากเหล่าลูกค้าที่เพิ่งกลับจากเที่ยวภาคตะวันออก

วันนั้นฟ้าครึ้มฝนมาตั้งแต่บ่าย ลุงใหญ่คงจะดูทีวีอยู่ชั้นบน ไม่อยากรบกวนสมาธิป้าเพ็ญกับลูกน้องที่กำลังทำงานกันอย่างคร่ำเคร่ง ผมหลบมาอ่านข่าวสงกรานต์ที่เฉลียงหน้าบ้านอันร่มรื่น... พลอยตื่นเต้นไปกับการ "นับศพ" ที่สูสีพอๆ กับปีกลาย...พอดีเสียงจักรยานยนต์แล่นมาจอดหน้าประตูรั้ว

"เมฆ" หนุ่มรุ่นน้องผมนั่นเอง...รีบลุกไปเปิดประตูเล็ก เมฆ ถอดหมวกนิรภัยออกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ส่งถุงใส่ส้มโอขนาด เบ้งๆ กับลิ้นจี่ถุงใหญ่ บอกว่า "พี่นุช" หนึ่งในลูกค้าที่สนิทกับป้าเพ็ญไปเที่ยวแม่กลองเพิ่งจะกลับ เลยให้เอาลิ้นจี่กับส้มโอมาฝาก

"ผมไปก่อนละพี่ เดี๋ยวหนีฝนไม่ทัน!"

เมฆล่ำลา ผมขอบอกขอบใจเขา กำชับให้ขี่รถระวังด้วย ตอนนี้กรุงเทพฯ รถแน่นถนนพอๆ กับก่อนสงกรานต์แล้ว...ปิดประตูเอาของฝากไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร บอกป้าเพ็ญว่าพี่นุชให้เมฆเอาส้มโอกับลิ้นจี่จากแม่กลองมาฝาก ป้าเพ็ญบอกลูกน้องทั้งสองให้แบ่งลิ้นจี่ไปกินกัน

แทบไม่ขาดเสียง พี่นุชก็โทร.มาบอกข่าวร้ายว่าเมฆเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน คอหักตายคาที่! ป้าเพ็ญตกใจมาก บอกว่าไม่น่าให้เมฆเอาของฝากมาให้ตอนนี้เลย ไม่งั้นคงไม่เกิดเรื่องร้ายขึ้น...แต่พี่นุชกลับตกใจมากกว่า ถามว่าป้าผมรู้ได้ยังไงในเมื่อเมฆถูกรถชนตอนเพิ่งออกจากปากซอยบ้านนี่เอง! แต่ถุงผลไม้หายไปไหนก็ไม่ทราบ

คุณพระช่วย! วิญญาณของเมฆมุ่งมั่นบึ่งรถนำของฝากมาถึงบ้านเราจนได้...ลูกน้องป้าเพ็ญรู้เรื่องก็หน้าขาวซีด ไม่มีใครยอมรับลิ้นจี่ซักคน!

วันรุ่งขึ้น ป้าเพ็ญแก้ปัญหาด้วยการแบ่งของฝากเป็นถุงๆ ใส่บาตรพระทั้งหมดเลยครับ ผมเองได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ทีไรก็ใจหายอยู่หลายวัน กลัวเมฆจะโผล่มาหาอีกน่ะซีครับ! บรื๋ออออ....

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEE0TURVMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB3T0E9PQ==



Create Date : 08 พฤษภาคม 2551
Last Update : 8 พฤษภาคม 2551 23:00:41 น.
Counter : 650 Pageviews.

0 comment
ห้องผีอยู่
ห้องผีอยู่

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ต้น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องเช่า

ผมเป็นคนหนึ่งละครับที่กลัวผีสุดๆ ยอมรับกันอย่างลูกผู้ชายอกสามศอก วัยเบญจเพส มีการศึกษาปานกลางคือจบมาทางด้านชีวะ จะว่าเกี่ยวกับการศึกษาคงไม่ใช่ เพราะคนจบ ป.4 แต่ไม่ยักกลัวผีก็มีถมเถไป ส่วนคนจบปริญญายังสังกัดบริษัทตาแหกก็มีตั้งหลายคน

บ้างก็ว่าคนกลัวผีเพราะไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่? จะมาหลอกหลอนเอาซึ่งๆ หน้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมอาจจะมาหลอกโดยที่มองไม่เห็นตัวอีกต่างหาก เช่นมาแต่เสียงแปลกๆ เช่น เสียงดิน เสียงสะอึกสะอื้น แม้แต่เสียงถอนใจเฮือกใหญ่อยู่ข้างหู

บางทีก็มาหลอกด้วยกลิ่น เช่นตอนกลางคืนได้กลิ่นเหม็นเน่าล่องลอยเข้ามาในห้องที่ปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อย หรือไม่ก็เป็นกลิ่นธูปควันเทียน โดยเฉพาะกลิ่นน้ำอบไทยเย็นๆ โชยกรุ่นน่าขนลุกอย่าบอกใครเชียว

บ้างก็บอกว่าคนเรากลัวผีเพราะกลัวความมืดต่างหากล่ะ!

สาเหตุเพราะไม่รู้ว่าในความมืดจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่บ้าง ถ้าเปิดไฟสว่างจ้าก็จะหายกลัวทันที! เรื่องนี้ก็เข้าเค้านะครับ เพราะส่วนมากมีแต่คนโดนผีหลอกตอนกลางคืนทั้งนั้นแหละ ตอนกลางวันแดดสว่างโร่ยังไม่ได้ข่าวว่ามีใครถูกผีหลอก

ผีคงกลัวแสงอาทิตย์เหมือนกันทั้งโลก ดูอย่างผีดิบแดร๊กคิวล่าซีครับ พอรุ่งอรุณจะรีบมุดหัวเข้าโลงปิดฝาแน่น ไม่ยอมโผล่ออกมาจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ในหนังฝรั่งจะเห็นหมอผีหลอกล่อพวกผีดิบให้จำเป็นต้องขึ้นจากโลง โดนแดดเผาจนกลายเป็นฝุ่นมานับไม่ถ้วน

ผมเองน่ะกลัวผีเพราะต้องอยู่คนเดียวน่ะซีครับ!

ไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาก แค่นึกภาพว่าต้องนอนคนเดียวในห้องเช่าที่ห้วยขวางใกล้ๆ กับย่านสุทธิสารก็ขนลุกแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีตึกรามบ้านช่องเยอะแยะ ผู้คนคลั่กๆ ก็จริง แต่ต่างคนต่างอยู่นี่นา...ใครที่ต้องเช่าห้องอยู่เดียวดายเหมือนผมคงจะซาบซึ้งดี ว่ามันมีทั้งความหงอยเหงากับวังเวงใจจนกลัวผีแค่ไหน?

ห้องเช่าแคบๆ แค่ตั้งเตียงกับตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งกับโต๊ะเก้าอี้แบบพับได้...แค่นี้ก็เกือบเต็มห้องแล้วครับ ยังดีที่ไม่ต้องใช้ห้องน้ำรวม

ตอนกลางวันผมไปทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ มีเวลาอยู่ในห้องเช่าก็เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นแหละ เรื่องเพื่อนข้างห้องน่ะผมไม่คบหากับใคร เพราะแทบไม่เจอหน้ากัน ตื่นเช้าก็เผ่นออกไป ค่ำมืดกลับมาก็หมดเรี่ยวแรง อยากจะอาบน้ำทุ่มตัวขึ้นเตียงเพราะเมื่อยล้ามาทั้งวัน

ระยะหลังๆ ผมชักสงสัยว่าจะมีผีผู้หญิงอยู่ในห้องผมด้วย!

สาเหตุเพราะผมมักจะสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยๆ คล้ายกับมีใครมาเดินวนเวียนอยู่ข้างเตียง บางทีก็ชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ๆ บางคืนก็มีเสียงสะอื้นมากระทบหู ลืมตาตื่นขึ้นมองไปรอบๆ ห้องก็ไม่เห็นอะไร

บางคืนก็ฝันเห็นผู้หญิงผมยาว หน้าขาวซีดยืนอยู่หน้าประตูห้อง...ตาสบตาเขม็งก่อนจะลอยช้าๆ เข้ามาหาจนผมตกใจสะดุ้งตื่นแต่ก็ไม่เห็นอะไรตามเคย

ก่อนจะประสาทเสียผมก็ตัดใจว่า...คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี อย่ามาหลอกหลอนกันเลย ผมยิ่งเป็นคนกลัวผีอยู่ด้วย...แต่กลับฝันแปลกๆ บ่อยขึ้น บางคืนฝันว่าได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากตู้เสื้อผ้า หันไปมองก็เห็นผู้หญิงผมยาวนั่งกอดเข่าเบือนหน้ามามองผมอย่างวิงวอน...

ในที่สุดก็หมดความอดทน ต้องไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง...เจ้าหน่ำมองหน้าผมอย่างสมเพช ยืนยันว่าผมกลัวการอยู่คนเดียวไม่ใช่กลัวผี! แล้วออกปากว่าจะไปอยู่กับผมซักพักหนึ่งเพื่อพิสูจน์ว่าผีไม่มีจริง

คืนแรกก็เจอดีเข้าเต็มเปาเลยครับ!

เรากลับมาที่ห้องพักราวห้าทุ่มเศษ อิ่มหนำจากสุราอาหารที่ผมเลี้ยงดูเพื่อนชนิดไม่อั้น แถมหิ้วเบียร์มาต่อกันอีกเพราะรุ่งขึ้นวันเสาร์ไม่ต้องไปทำงาน ผมเอาโต๊ะเก้าอี้ออกมากางนั่งซดเบียร์กันจนลืมเรื่องผีๆ สางๆ ซะสนิทสนม

ทันใดนั้นเอง เสียงกุกกักก็ดังแว่วมากระทบหูจนเจ้าหน่ำย่นคิ้ว เหลียวมองไปรอบๆ ห้องที่สว่างไสว...พิษเหล้าทำให้ประสาทช้า กว่าจะแน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากตู้เสื้อผ้า

"ผีอยู่นี่เอง!" เจ้าหน่ำหัวเราะร่า ลุกปราดไปเปิดประตูตู้ผาง...แต่นอกจากเสื้อผ้าของผมแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลย "สงสัยว่าหูแว่วไปเองว่ะ" ว่าแล้วก็กลับมายกกระป๋องเบียร์แหงนหน้าดื่มอั๊กๆ...แทบจะสำลักพรวดเมื่อเสียงสะอื้นเบาๆ ขาดเป็นห้วงๆ ดังขึ้นมาในบัดดล!

"อะไรวะ?" เจ้าหน่ำหันขวับไปพร้อมๆ กับผม ผู้นั่งตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป....ภาพที่เห็นคือผู้หญิงผมยาวนั่งกอดเข่าอยู่ในตู้ หันหน้ามาจ้องมองด้วยนัยน์ตาแดงก่ำปานแสงไฟ

เจ้าหน่ำกระเด้งขึ้นทั้งตัว พรวดเดียวไปถึงประตูห้องแต่มือสั่นจนถอดกลอนไม่ถูก ผมเผ่นตามไปช่วยจัดการจนสำเร็จ วิ่งกันแบบคนสติแตก...ผมต้องย้ายที่อยู่ ส่วนเจ้าหน่ำจับไข้ไปสามวัน ตอนนี้มันยอมรับกลัวผียิ่งกว่าผมด้วยซ้ำไป!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEEzTURVMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB3Tnc9PQ==



Create Date : 07 พฤษภาคม 2551
Last Update : 7 พฤษภาคม 2551 20:33:25 น.
Counter : 751 Pageviews.

0 comment
ฝันมรณะ
ฝันมรณะ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"แข่งแข" เล่าความฝันสยองที่กลายเป็นความจริง

คนเราเชื่อถือโชคลางมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว รวมทั้งความเชื่อถือทางไสยศาสตร์ ตั้งแต่การเสกน้ำล้างหน้า จะทำอะไรก็ต้องดูฤกษ์ดูยามทุกอย่าง ขนาดจะออกจากบ้านยังต้องสังเกตลมหายใจเลยค่ะว่าคล่องซ้ายหรือคล่องขวา จะได้ก้าวเท้านั้นออกไปก่อน

กระจกเงาแตกถือว่าโชคร้าย ได้ยินเสียงแปลกๆ ตอนกลางคืนห้ามทัก ถ้ามีแมวดำหรืองูเลื้อยผ่านหน้า จะไม่ออกจากบ้าน หรือถ้าจำเป็นต้องไปก็จะต้องระมัดระวังอย่างมากที่สุด

สมัยนี้คนเรามีความจำเป็นต้องขวนขวายทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว จนกลายเป็นการแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกันมากขึ้นทุกที ไม่มีเวลาจะไปสนใจเรื่องโชคลาง หรือสังหรณ์ต่างๆ อีกแล้ว... แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แถมทำให้เกิดความวิตกกังวลได้อีกต่างหาก

นั่นคือ ความฝันไงคะ!!

ความฝันก็เหมือนโทรศัพท์ น้อยนักที่จะมีข่าวดีให้สบายใจกัน

มีท่านผู้รู้อธิบายความฝันไว้ว่าเกิดจากสาเหตุต่างๆ ทั้งความวิตกกังวล จิตใต้สำนึก โดยเฉพาะเป็นลางบอกเหตุ บางครั้งความฝันก็กลายเป็นความจริง เช่น มีผู้ฝันว่าเครื่องบินที่เดินทางไปวันรุ่งขึ้นจะเกิดอุบัติเหตุ เกิดความกลัวจึงยกเลิกการเดินทางเที่ยวนั้น...ปรากฏว่าเครื่องบินตก คนตายหมดทั้งลำ!

มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดคนอื่นๆ ที่จะต้องขึ้นเครื่องบินมรณะลำนั้นจึงไม่ได้ฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าเช่นนั้นบ้าง?

ดิฉันเองเคยมีความฝันน่าสยดสยองที่สุดมาเล่าสู่กันฟังค่ะ...

เมื่อพ่อแม่เสียชีวิตไล่เลี่ยกันเพราะโรคหัวใจกับเบาหวาน ดิฉันกับพี่ๆ น้องๆ ไม่ได้ฝันถึงเลย มีคนพูดว่าท่านไปดีแล้วบ้าง ไปอยู่ในปรโลกที่ห่างไกลจากพวกเราบ้าง! แต่หลังจากนั้นราวปีเศษ ดิฉันก็ฝันเห็นพ่อแม่นั่งคุยด้วยที่ห้องรับแขก...ในฝันนั้นไม่รู้ว่าท่านเสียไปแล้ว! จนกระทั่งตื่นขึ้นมาจึงนึกได้ว่าเพิ่งจะฝันถึงพ่อแม่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ท่านตายจากไป

เมื่อเล่าให้พี่ๆ น้องๆ ฟังก็ปรารภกันว่า หลังจากทำบุญ 100 วันกับครบรอบหนึ่งปีแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำบุญให้พ่อแม่อีก อาจจะเป็นเพราะความคิดถึงที่อยู่ลึกๆ ที่เรียกว่าจิตใต้สำนึกก็เป็นได้ จึงได้เห็นพ่อแม่ในความฝันชัดเจน

ตกลงว่าพี่น้องร่วมมือกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้พ่อแม่และบุพการีทั้งปวง

อีกราว 3-4 วันต่อมา ดิฉันก็เกิดอุบัติเหตุ มีรถจักรยานยนต์วิ่งตัดหน้า หักรถยนต์หลบไปชนเสาไฟฟ้าริมทาง สลบคาที่ ต้องนอนโรงพยาบาลหลายวันกว่าจะกลับมาพักฟื้นที่บ้านเกือบครึ่งเดือนจึงไปทำงานได้เป็นปกติ

พี่น้องมาเยี่ยมและพูดจาตรงกันว่า พ่อแม่ไม่ได้ขอส่วนบุญกุศลอะไรหรอก แต่มาเตือนให้ระวังตัวเท่านั้น!

ล่าสุด ดิฉันฝันเห็นน้องชายที่รับราชการอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้...

ภาพในความฝันเป็นเวลากลางวัน แม้จะไม่มีแสงแดดแต่ท้องฟ้าก็สว่างไสว อีกาฝูงหนึ่งกำลังบินว่อน...ดิฉันใจหายวาบเพราะรู้ตัวดีว่ากำลังตกอยู่ในความฝัน...อีกาเป็นสัตว์ที่กินซากศพ จึงเป็นสัญลักษณ์ของความตาย!

ทันใดนั้นเอง น้องชายดิฉันในชุดพรางก็วิ่งตรงเข้ามาหาเหมือนเป็นภาพในจอทีวี ใบหน้าบิดเบี้ยวที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด เสียงปืนดังกระหน่ำจนแก้วหูแทบแตก แต่ดิฉันกลับไม่สะดุ้งตื่น แถมยังเบิกตากว้างจ้องมองภาพสยองเบื้องหน้า...รู้อยู่เต็มอกว่าภาพของนรกจกเปรตอะไรที่กำลังจะอุบัติขึ้นมา?

น้องชายวิ่งเข้ามาหาช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น ตาต่อตาสบกัน เขายื่นมือมาข้างหน้าคล้ายจะตะเกียกตะกาย ไขว่คว้าขอความช่วยเหลือ ดิฉันได้แต่จับมือน้องชายเอาไว้แน่น

"พี่แข...ช่วยด้วย!!"

ไม่ทราบว่าเป็นเสียงดังตามธรรมชาติ หรือว่ามันมาดังกึกก้องอยู่ในจิตใจของดิฉันกันแน่? แต่เสียงปืนโหดร้ายก็ดังกระหน่ำเหมือนฟ้าผ่าติดๆ กันหลายครั้ง พวกฆาตกรกลุ่มหนึ่งโผล่พรวดขึ้นมาทางด้านหลัง ปืนในมือของพวกมันกระหน่ำยิงจนเห็นแสงไฟสีแดงพุ่งเป็นสายใส่ร่างน้องชายจนเลือดสาดกระจาย ปากอ้าค้าง นัยน์ตาเหลือกลาน เบิกโพลง บ่งบอกว่าชีวิตวิญญาณโบยบินออกจากร่างไปแล้วสิ้นเชิง

ดิฉันกรีดร้องเรียกชื่อน้องชายสุดเสียง...ลุกพรวดพราดขึ้นมาซบหน้าร้องไห้ สามีถามว่าฝันร้ายหรือ? ยังตอบอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า ยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น...เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาจนเรียบร้อย

อยากจะโทรศัพท์ถึงน้องสะใภ้ก็ไม่กล้า ใจเต้นโครมๆ อยู่ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์จากฝ่ายนั้นมาบอกข่าวร้าย...ทุกสิ่งเกิดขึ้นตรงกับความฝันสยดสยองของดิฉันทุกอย่าง แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะผ่านไปเป็นปีแล้ว แต่นึกถึงครั้งใดยังขนหัวลุกทุกครั้งเลยค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEEyTURVMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOUzB3Tmc9PQ==



Create Date : 06 พฤษภาคม 2551
Last Update : 6 พฤษภาคม 2551 20:19:03 น.
Counter : 596 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend