ผีพิศวาส
ผีพิศวาส

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ธันว์"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางอ้อ

ผมเช่าบ้านอยู่ในซอยวัดพระครู ถนนจรัญสนิทวงศ์นี่เอง โดยอยู่กับเจ้าอี๊ด-เพื่อนที่ทำงานโรงพิมพ์เดียวกัน

ตอนแรกเจ้าอี๊ดอยู่กับเพื่อนมาหลายเดือน แต่เพื่อนย้ายไปทำงานที่ยานนาวา ส่วนผมอยู่บ้านพ่อแม่ย่านดินแดง...ได้โอกาสมาแบ่งห้องเช่าจากเจ้าอี๊ดซะเลย เช้าก็ไปทำงานที่บางกรวยด้วยกัน เย็นลงก็กลับบ้านพร้อมกันเกือบทุกวัน

บ้านเช่าชั้นเดียวใต้ถุนสูงของเราอยู่ติดกับถนนซอยเลยครับ ต้นไม้ร่มครึ้ม ดงกล้วยดกหนาอยู่ข้างหลัง ส่วนหน้าบ้านมีทั้งบานเช้า, บานเย็น และซุ้มราตรีที่ส่งกลิ่นหอมชวนให้เคลิบเคลิ้มในยามค่ำคืนสมชื่อ

คน โบราณที่มีลูกสาวหลานสาวจะไม่ยอมปลูกต้นราตรีหรอกครับ เพราะเชื่อว่ามีอาถรรพณ์ ทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่าน เลือดลมฉีดแรงจนหมดความยั้งคิดที่จะรักนวลสงวนตัวต่อไป

เวลาผ่านไปเกือบเดือนก็เป็นปกติสุขดี สังเกตว่ากลิ่นราตรีชักจะหอมรุนแรงมากขึ้นทุกค่ำคืน...จนกระทั่งผมได้พบกับสาวสวยบาดใจคนนั้น!

ตอนเย็นๆ จะมีผู้คนเดินผ่านหน้าบ้านค่อนข้างหนาตา ส่วนมากเป็นหนุ่มๆ สาวๆ ที่เดินคลอเคลีย หยอกล้อและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข พวกเด็กๆ ก็วิ่งเล่นเกรียวกราว ทั้งน่าสนุกและน่ารำคาญอย่างบอกไม่ถูก...มอเตอร์ไซค์รับจ้างห้อตะบึงน่า เสียวไส้ชะมัด

ผมเห็นผู้หญิงผมยาว รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ารูปไข่ ตาโต จมูกโด่ง...ปากเต็มอิ่มค่อนข้างกว้างสวยมาก โดยเฉพาะเวลาที่เธอยิ้มกับเพื่อนๆ แล้วเบือนหน้ามามองผมพอดิบพอดี

วันเสาร์อาทิตย์จะมีผู้คนเข้าออกคึกคักตั้งแต่ตอนบ่ายๆ สาวสวยผู้นั้นเดินมากับเพื่อนผู้หญิงกลุ่มใหญ่บ้าง เดินทอดน่องมาคนเดียวบ้าง แกว่งดอกไม้ในมือเล่นอย่างสบายอารมณ์...ทรวงอกอวบพุ่งในเสื้อยืดกระเพื่อม เบาๆ ตามท่าเดินทำให้ผมกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว

ครั้งหนึ่ง ผมนั่งเล่นที่ระเบียง เธอหันมามองจนผมลุกยืนเกาะลูกกรงมองลงไป...ตาสบตานิ่งๆ แม้จะชั่วพริบตาเดียวแต่ผมก็มองเห็นแววหวานฉ่ำ โดยเฉพาะกลีบปากแดงระเรื่อที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มน่ารักที่แก้มซ้าย... ชะลอฝีเท้าจนเห็นได้ชัด

เธอยิ้มให้ผม...ผมยิ้มตอบพลางโบกมือให้ เธอยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมก่อนจะออกเดินต่อไป...อยากจะวิ่งลงบันไดไปหาเธอแต่ก็ไม่กล้าหรอกครับ

จนกระทั่งถึงคืนหนึ่ง...คืนที่ผมต้องจดจำไปจนชั่วชีวิตสลาย...

คืน นั้น ผมนอนลืมตาโพลงอยู่ในความเงียบและมืดสลัว นานๆ จะมีเสียงรถแล่นผ่านไปมา นอกนั้นก็คือเสียงลมพัดคร่ำครวญไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ฟังเหมือนเสียงกระซิบกระซาบของหนุ่มสาวคราวแรกรัก...คนสวยของผมหายไปไหนหนอ?

ผมนั่งคอยมองตั่งแต่บ่ายจัดจนถึงเย็นค่ำแต่ก็ไม่เห็นแม้เงา ว่าจะถามเพื่อนว่ารู้จักเธอไหม? เจ้าอี๊ดก็มีเพื่อนมารับไปสังสรรค์แถวปิ่นเกล้าโน่น...

หนังตาหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยก้อนหิน!

ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเข้าสู่ภวังค์ล้ำลึก ผมพยายามลืมตาขึ้นมาแต่แล้วก็หลับลงไปอีก...กลิ่นราตรีหอมกรุ่นล่องลอยเข้า มาในห้องนอน เกือบจะพร้อมๆ กับเธอคนนั้น...

สวรรค์โปรด! คนสวยของผมจริงๆ ที่ก้าวเข้ามาสู่ความฝันอันเร่าร้อนของคนหนุ่ม กางเกงขาสั้นสีนวล เสื้อยืดคอกว้างสีชมพู...ในมือคือช่อราตรีที่ยกขึ้นดมดอม...ก่อนจะก้าวมาหา ที่เตียงช้าๆ ยื่นดอกไม้ให้ผมที่รับมาวางอย่างไม่แยแส แต่จับข้อมือของเธอจนร่างทรุดฮวบลงมา ใบหน้าผมคลุกเคล้ากับก้อนเนื้อพุ่งโชนและหอมกรุ่นของเธอในพริบตานั้นเอง!

ความรู้สึกนึกคิดสารพัดปลิดปลิวไปจากสมอง นอกจากความรักใคร่ร้อนฉ่าเหมือนน้ำมันโดนเคี่ยวจนเดือดพล่าน...เสื้อผ้าปลิว ไปนรกสวรรค์ขุมไหนไม่มีใครแยแส นอกจากจะกอดกระหวัดกันแนบแน่น ลมหายใจหอบหืดเหมือนกำลังเหน็ดเหนื่อยสุดขีด

ผมล่องลอยไปสู่แดนสวรรค์อำไพไม่รู้กี่ครั้งกี่ครา จนมารู้สึกตัวเมื่อตอนใกล้เที่ยงเพราะเสียงตบประตูปึงปัง...เจ้าอี๊ดนั่นเอง ที่บอกว่าเห็นผมนอนเงียบจนนึกว่าหัวใจวายตายไปแล้ว ผมเหลียวซ้ายแลขวา...ถามว่าคนสวยหายไปไหนแล้วล่ะ?

เจ้าอี๊ดควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ เอนหลังพิงหน้าต่างมองดูผม...เล่าว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนั้นตกจาก มอเตอร์ไซค์รับจ้างมาคอหักตายที่หน้าบ้านเรานี่เอง มีคนเห็นเธอเดินวนเวียนไปมาบ่อยๆ ยามค่ำคืน

"เอ็งโดนผีหลอกเข้าแล้วมั้ง?" เจ้าอี๊ดหัวเราะ แต่ผมส่ายหน้างุนงง

"ผีเรอะ? เอ็งดูนั่นซี" ผมชี้ไปที่ช่อราตรีบนหมอน "ถ้าเธอเป็นผีมาหาจริงๆ ไม่ใช่คนอย่างเราๆ ดอกราตรีจะอยู่บนหมอนข้าได้ยังไง?"

คราว นี้เจ้าอี๊ดหน้าซีดเผือด...ทรุดนั่งบนเก้าอี้ ปากสั่นระริก...ผมก็พลอยขนหัวลุกไปด้วยเพราะแน่ใจแล้วว่า สาวสวยที่มาหาเมื่อคืนนั้นที่แท้ก็...ผีน่ะซี! บรื๋อออ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV4TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB4TVE9PQ==



Create Date : 11 ธันวาคม 2551
Last Update : 11 ธันวาคม 2551 19:01:09 น.
Counter : 801 Pageviews.

0 comment
ทารกในถัง
ทารกในถัง

ขนหัวลุก

"ใบหนาด"



"ลลิตา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเสียงร้องไห้ของทารกที่กองขยะ

เสียงแมวร้องในยามดึกสงัดกลางฤดูหนาว ฟังแล้วมันน่ากลัวจนขนลุก! ดิฉันตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราก็เพราะเสียงนี้เอง ใจคอระทึกและรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน...

ใช่แล้วค่ะ! ในนาทีที่เพิ่งตื่นใหม่ๆ เช่นนี้ สมองยังสับสน งงงัน แยกไม่ออกระหว่างความเจริญกับความฝัน เนื้อตัวยังขยับไม่ได้ อย่างมากก็ทำได้แค่ลืมตาจ้องเพดานมืดสลัวแล้วนึกเรียงลำดับ ทบทวนเหตุการณ์

ห้องนอนของดิฉันมีหน้าต่างอยู่ติดกับถนนในซอยค่ะ บ้านเราปลูกสร้างอยู่ในเนื้อที่แคบๆ หน้าต่างห้องนอนจึงห่างจากรั้วแค่ไม่กี่เมตร ส่วนนอกรั้วที่เป็นกำแพงอิฐบล็อกโรยเศษแก้วกันขโมย ก็คือถนนซอยที่กว้างพอจะให้รถยนต์สวนกันได้อย่างฉิวเฉียดเต็มที

เมื่อมองออกจากหน้าต่างห้องนอนบนชั้นสองของบ้านนี้ ก็จะมองเห็นทางสามแพร่งหน้าบ้านอย่างชัดเจน!

ตรงมุมถนนด้านตรงข้ามกับบ้านดิฉัน เป็นกำแพงสีปูนแห้งของเพื่อนบ้าน ซึ่งบ้านในซอยนี้ชอบมาทิ้งขยะ จนเทศบาลต้องจัดถังและรถเก็บขยะมาเก็บกวาดทุกเช้ามืด แต่กระนั้นทุกวี่ทุกวันก็จะมีขยะสุมจนล้น ถึงจะมีถังขยะขนาดใหญ่ถึงสี่ใบวางไว้ให้แล้วก็ตาม

แน่ล่ะ! คนที่มีบ้านอยู่กับกองขยะ ก็ต้องทนทรมานกับกลิ่นเหม็นเป็นธรรมดา...พวกเราชินแล้วค่ะ จะทำใจไม่ได้ก็แต่กลิ่นปัสสาวะที่มีคนโหลยโท่ยทั้งหลาย มายืนแอ่นฉี่รดกำแพงบ้านของเรา ราวกับไร้การอบรม

ที่ร้ายกาจอีก อย่างคือกลิ่นสัตว์เน่า ที่นานๆ จะมีสักที ส่วนมากจะเป็นหมาหรือแมวตายค่ะ...บางคนใส่ถุงดำมัดมาอย่างดี แต่บางคนก็ลากมันมาโยนทิ้งให้อุจาดตาซะงั้น! พอแดดร้อนหน่อยก็ส่งกลิ่นตลบอบอวลไปเชียว ถ้าเกิดวันไหนดิฉันเปิดหน้าต่างไว้แล้วไปเรียนหนังสือ...ตอนเย็นกลับมาจะ ต้องมีอันหัวเสียเพราะกลิ่นเน่าจะฟุ้งอยู่ในห้องนอน

น่าโมโหจริงๆ พวกที่คิดว่า ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ไม่แยแสว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่ไหน จริงไหมคะ?

บ่ายวันหนึ่ง เมื่อราว 4-5 วันมาแล้ว มันมีกลิ่นเน่าอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่หนู หมาหรือแมวแน่ๆ ถูกลมพัดโชยมาจากกองขยะ น่าคลื่นไส้จนขนลุกแน่ะค่ะ

แหม! กลิ่นศพมนุษย์นี่มันแตกต่างกับกลิ่นสัตว์ตายชัดๆ เลยนะคะ!

ชาวบ้านแถวนี้และคนที่เดินผ่านกองขยะ ต่างอดรนทนไม่ได้ต้องสำรวจดูว่ามันคืออะไร? แล้วเราก็พบศพเด็กทารกที่เพิ่งคลอดใหม่ๆ หมกอยู่ในถุงดำ!

แม้ตำรวจและมูลนิธิจะนำร่างกระจ้อยร่อยที่ขึ้นอืดไปตั้งนานแล้วก็ตาม แต่ดิฉันยังกลัวไม่รู้หาย ยิ่งตลอด 4-5 วันที่ผ่านมานี่ ดิฉันได้ยินเสียงร่ำลือว่ามีคนโดนผีเด็กหลอกกันหลายรายแล้วล่ะค่ะ

ลุง จ่าที่ขับแท็กซี่มาจอดริมรั้วดิฉันประจำยังเล่าว่า คืนก่อนแกกลับเข้าบ้านตอนตีสาม ขณะที่กำลังล็อกรถก็ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะแหะๆ ด้วยสัญชาตญาณก็หันขวับไป แล้วก็ต้องขนหัวตั้งเพราะผีเด็กทารกเอามือเกาะขอบถังขยะ โผล่หน้าเขียวคล้ำขึ้นมา หัวเราะปากดำปี๋อ้ากว้าง...คงอยากให้เล่นด้วยนะคะ

ไม่ทราบว่าเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า ที่ทำให้ดิฉันฝันร้ายแทบทุกคืน?!

ก่อนที่จะตื่นมาคืนนี้ก็เช่นกัน ดิฉันจำได้แล้วว่ากำลังฝันเห็นเด็กทารกนอนเดียวดายอยู่ในกองขยะ แกร้องเรียกแม่...แม่...แล้วสะอื้นไห้ คำว่าแม่เปลี่ยนเป็น แอ๊ว...แอ๊ว...เหมือนแมวคราง...มันดังขึ้นๆ จนก้องหู

ขณะลืมตาขึ้น ดิฉันยังได้ยินเสียงนี้อยู่...มันไม่ได้ดังก้องแบบผีหลอก แต่ดังแว่วมาจากกองขยะจริงๆ นั่นเสียงแมวหรือเสียงผีเด็กกันแน่นะ?

ดิฉันหันไปทางหน้าต่างอย่างหวาดๆ คืนนี้อากาศหนาว ปิดแอร์แต่เปิดหน้าต่างกว้างและรูดม่านบางๆ ปิดไว้ ตอนนี้เห็นม่านปลิวพะเยิบพะยาบตามลมที่พัดโชยมา และแสงไฟถนนก็ส่องสว่าง แต่มันดูอ้างว้างน่ากลัว...

เสียงร้องนั้นเหมือนทารกใกล้จะหมดลมหายใจ มือดิฉันเย็นเฉียบ ใจสั่น หูยังแว่วเสียงคล้ายไซเรนดังมาจากที่ไกลๆ เอ๊ะ! ไม่ใช่...เสียงผู้หญิงหวีดร้องหรือเปล่านั่น? ใครเป็นอะไรน่ะ? มันโหยหวนน่ากลัวจริง...หรือว่าเสียงหมาหอน?

ทีแรกจะลุกไปปิดหน้าต่าง แต่ไม่กล้าแล้วค่ะ...กลัวเห็นผีทารกมาสำแดงฤทธิ์ให้ดู!

นาฬิกาบอกเวลาตีสาม ดิฉันนอนคลุมโปงแต่ตาสว่างโพลง...นอนไม่หลับแล้ว! เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า...เป็นตีสี่ เสียงรถขยะมาแล้ว มากันหลายคนเสียด้วย ค่อนข้างเอะอะเชียว...ผีเด็กคงหดตัวกลับลงไปอยู่ก้นถังแล้ว ตะวันใกล้จะขึ้น...พระกำลังจะออกบิณฑบาตแล้ว

ดิฉันตัดสินใจลุกขึ้น ตั้งใจจะใส่บาตร อาจจะนิมนต์ให้หลวงตามาสวดมนต์ให้ผีเด็กในถังนั้น แกจะได้ไปสู่ที่ชอบๆ ซะที! เฮ้อ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV3TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB4TUE9PQ==



Create Date : 10 ธันวาคม 2551
Last Update : 10 ธันวาคม 2551 19:04:53 น.
Counter : 692 Pageviews.

0 comment
วิญญาณหลอน
วิญญาณหลอน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ลูกน้ำ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางขุนนนท์

ดิฉัน เคยได้ยินญาติมิตรหลายคนเล่าว่าโดนผีหลอกต่างๆ นานา สารพัดสถานที่เลยค่ะ ไม่ว่าในวัด ในโรงพยาบาล ตามถนนหนทาง และบ้างก็โดนผีหลอกในสำนักงาน ในโรงหนัง ในบ้านเพื่อนฝูง...ในโรงแรมผีสิงต่างๆ ที่มีคนตายซับตายซ้อนกันไม่รู้ว่ากี่รายมาแล้ว

ส่วนดิฉันแปลกหน่อยที่โดนผีหลอกในซอยบ้านตัวเอง!

บางขุนนนท์ สมัยก่อนอาจจะเปล่าเปลี่ยว แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีบ้านเรือนแน่นหนา ตึกแถวผุดขึ้นสะพรั่ง ผู้คนคึกคัก รถราแล่นกันขวักไขว่ทั้งวัน โดยเฉพาะตอนเย็นๆ ค่ำๆ ด้วยแล้ว...ถึงกับรถติดเป็นแพเลยค่ะ

เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์นี่ถือว่าเป็นปกติของทุกหนทุกแห่งไปแล้ว โดยเฉพาะในเมืองหลวง

เดี๋ยว รถชนกัน เดี๋ยวรถชนคน มีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงสาหัส ขนาดตายคาที่หรือไปสิ้นลมที่โรงพยาบาลก็มี...ที่บางขุนนนท์นี่ก็เหมือนกัน

ตายทีก็ลือกันว่าผีดุที!!

สำหรับ ดิฉันเองน่ะถือว่าโชคดี ไม่ต้องเสี่ยงกับเรื่องโดนผีหลอกวิญญาณหลอนอยู่แล้วค่ะ เพราะอาศัยรถเมล์ไปทำงาน ตอนใกล้ค่ำลงจากรถก็เดินทอดน่องกลับบ้าน แหม...อยู่มาแต่เล็กแต่น้อยจะไปกลัวอะไรคะ คนในซอยก็คุ้นหน้ากันแทบทั้งนั้น

ยกเว้นวันไหนกลับช้าไปนิด ล้าไปหน่อย ก็อาศัยมอเตอร์ไซค์ปากซอยบึ่งเข้าบ้าน

จนถึงวันเจอดีเข้าอย่างจังๆ

วัน นั้นทำงานล่วงเวลา ต้องหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นรถเมล์กลับบ้าน...เดินย้อนมาเพื่อเข้าซอยที่มีวิ นมอเตอร์ไซค์ตั้งเพิงพัก...คิดจะอาศัยซ้อนท้ายแทนการย่ำต๊อก พวกนี้ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเกือบทุกคน! เฮ้อ...ปรากฏว่ามีคนใช้บริการจนไม่มีรถเลยซักคัน

ไม่เป็นไร รอให้เขาส่งคนในซอยเสร็จก็ต้องย้อนกลับมาที่วินอยู่ดี!

ลม หนาวพัดวูบมาเย็นยะเยือก ผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินคุยกันเอะอะเข้าซอยมา พวกเขาหันมองอย่างไม่เกรงใจ...คนแปลกหน้าทั้งนั้น! ท่าทางดูมึนเมากันทุกคน...อาจจะเป็นพวกช่างก่อสร้างที่มาตั้งเพิงอยู่ก้นซอย ได้ เพราะกำลังมีบ้านปลูกใหม่ที่นั่น...

ดีนะที่ไม่เดินเดี่ยวๆ ล่วงหน้าเข้าไปก่อน! คนเมาไว้ใจไม่ได้หรอกค่ะ ระยะหลังๆ นี่ยิ่งมีคดีข่มขืนฆ่าเกิดขึ้นบ่อยๆ ในซอยก็มีที่ว่างเปล่าเปลี่ยวอยู่ 2-3 แห่งเสียด้วย

"รอรถหรือคุณ?" เสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้เกือบสะดุ้งแน่ะ แต่พอหันไปมองก็ถอนใจอย่างโล่งอก

ลุง ศร - คนขับรถเตอร์ไซค์รุ่นเก๋ามาเกือบสิบปีเห็นจะได้ กำลังนั่งสูบบุหรี่วาบๆ อยู่ในเพิง แกตบพื้นกระดานที่ปูอยู่ 3-4 แผ่นเชื้อเชิญให้นั่ง ดิฉันก็เข้าไปนั่งห้อยขาอย่างเต็มใจ...ถามว่าทำไมแกไม่ขับรถล่ะ? ลุงศรก็บอกว่ารถเสียตั้งแต่เย็น เลยเอาไปให้เขาซ่อมที่ร้านปากซอย ตัวเองก็มานั่งรอเพื่อจะกลับบ้านเสียที

"เดี๋ยวก็คงออกมากันละ" แกพูดให้สบายใจ "ไอ้หวินกับไอ้อู๋เข้าไปส่งคนได้พักใหญ่ๆ แล้ว...อ้าว? นั่นไง! พูดถึงไอ้อู๋ก็มาพอดี"

ไม่ช้าดิฉันก็ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์แล่นเข้าซอย...

พูด ก็พูดเถอะค่ะ ในซอยนี้ไม่นิยมสวมหมวกนิรภัยกันหรอก อย่าว่าแต่ผู้โดยสารเลย ขนาดคนขับเองก็ไม่สวม ดูเหมือนตำรวจจะไม่สนใจเรื่องนี้ แม้แต่แล่นออกถนนใหญ่ก็ไม่แยแสหมวกนิรภัยกันแทบทุกคน

ในซอยก็มีอุบัติเหตุชนเด็ก ชนรถที่ใหญ่กว่าจนบาดเจ็บกันบ่อยๆ

พี่ อู๋พาดิฉันมาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย ดิฉันส่งเหรียญสิบบาทให้ แกก็พึมพำขอบใจ...ทำท่าว่าจะเลี้ยวรถกลับแต่แล้วก็ชะงัก ถามว่าเมื่อตะกี้ดิฉันคุยกับใครที่วิน? ก็ตอบไปตามตรงว่าคุยกับลุงศร แกบอกว่ารถเสีย...

"เฮ้ย!" พี่อู๋ร้องลั่น "รถเสียที่ไหน ลุงศรแกโดนรถสองแถวชนที่ปากซอยตอนบ่าย ผมยังช่วยหามแกไปโรงพยาบาลนี่นา อาการหนักเอาเรื่อง หมอบอกว่าเป็นตายเท่ากัน...แล้วจะมาคุยกับคุณที่วินได้ยังไง? หรือว่า..."

ดิฉัน เข่าอ่อน ใจสั่นหวิวๆ ไขกุญแจรั้วมือไม้สั่น พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ขณะที่พี่อู๋บึ่งรถออกไปแล้ว...ถ้าไม่ใช่คุยกับผี หรือโดนผีหลอกจังๆ ก็เท่ากับคุยกับวิญญาณคนเป็นน่ะซีคะ

ปรากฏว่าผีค่ะ...รู้ข่าววัน รุ่งขึ้นว่าลุงศรแกสิ้นลมที่โรงพยาบาลตอนค่ำเมื่อวานนี้เอง ก่อนที่ดิฉันจะไปพบแกนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่วินมอเตอร์ไซค์...นึกถึงแล้วขนหัว ลุกค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREE1TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3T1E9PQ==



Create Date : 09 ธันวาคม 2551
Last Update : 9 ธันวาคม 2551 19:12:46 น.
Counter : 730 Pageviews.

0 comment
ภาพอาถรรพณ์
ภาพอาถรรพณ์

ขนหัวลุก

ใบหนาด



เต้ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรูปถ่ายสาวเปลือย

สาเหตุ มาจากรูปถ่ายของสาวสวยสุดเซ็กซี่ เสน่ห์แรงเหลือเชื่อคนนั้นเองที่ทำให้ผมต้องพบกับเหตุการณ์น่าขนพองสยอง เกล้าที่ลืมไม่ลงไปจนชั่วชีวิต

ไม่ใช่ว่าผมเคยรู้จักมักจี่กับเธอมา ก่อนหรอกครับ แต่วันดีคืนดี ภาพถ่ายใบหนึ่งก็ปลิวเข้ามาตกอยู่ในประตูรั้วบ้าน ตอนที่ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอยย่านคลองตันเพื่อไปทำงานที่ พระประแดง

อ๋อ...ผมยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ยังไม่คิดจะหาห่วงผูกคอเร็วไปนักหรอกครับ เพราะเพิ่งจะเรียนจบและทำงานได้แค่ปีเศษ จะมีเล็งๆ อยู่มั่งก็คือสาวในที่ทำงานเดียวกัน แต่ยังไม่ได้เจาะจงไปกับใครเป็นพิเศษ คบกันแบบเพื่อนฝูงสบายใจกว่า

ที่สนิทกันมากมีอยู่สองคน คือดาวกับแอน

อาจ จะเป็นเพราะเราทำงานไล่เลี่ยกันทั้งสามคนก็ได้นะครับ ที่ทำให้สนิทสนมกันมาก จนเพื่อนๆ ในบริษัทแซวว่าผมคงจะลงเอยกับสองสาวนี่แหละ ไม่ดาวก็แอน บางคนมันไปไกลถึงกับแนะนำว่าน่าจะจูงมือเข้าหอพร้อมๆ กันทั้งสองคนจะเจ๋งที่สุด!

วันนั้นผมเห็นรูปถ่ายคว่ำหน้าอยู่ พื้นซีเมนต์เหมือนจะรออยู่ก่อน แต่พอมองเห็นภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดในมือเข้าเต็มตาก็เล่นเอาจ้องมองอย่างลืม ตัว

..ภาพเปลือยด้านหลังของสาวสวยหุ่นดีที่เอี้ยวหน้ามายิ้มหวาน กำลังยกมือขึ้นทำท่าคล้ายจะปิดบังใบหน้าตัวเอง แต่ก็สายเกินไป ทรวงอกด้านข้างดูอวบและงอนงามน่าชม

คนถ่ายภาพนี้คงจะเป็นแฟนของเธอ ...ผมนึกเดาขณะที่เสียบรูปใส่กระเป๋าเสื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าคงจะปลิวมาจากกองขยะใกล้ๆ บ้าน พอเดินผ่านก็หยุดมองแต่ไม่เห็นภาพอื่นนอกจากขยะสารพัดชนิดที่รอรถมาเก็บกวาด ในตอนเย็น

ถ้ารูปใบนั้นไม่ปลิวมาจากที่นั่นก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหนแล้วละครับ

ไปถึงบริษัทเห็นแอนจ้องมองด้วยสีหน้าบึ้งตึง อ้าว? ดาวเดินยิ้มระรื่นเข้ามาหาแต่แล้วก็หยุดชะงัก สะบัดหน้าเดินหนีไปดื้อๆ

เอ๊ะ! เป็นอะไรนะวันนี้? เราก็ไม่ได้มาทำงานสายนี่นา

เสียง เพื่อนคนหนึ่งทักขึ้นว่า...วันนี้มีสาวมาส่งถึงบริษัทเลยโว้ย น่าอิจฉาจริงๆ! ผมหันไปถลึงตาให้เพราะกำลังอารมณ์บ่จอยที่แอนกับดาวบูดบึ้งใส่แต่เช้า เพื่อนอีกคนก็แซวผสมโรงขึ้นว่า...คนเสน่ห์แรงก็ยังงี้แหละ สาวสวยสุดเซ็กซี่ถึงได้เดินตามมาคุมถึงนี่!

ผมนั่งทำงานไม่มีสมาธิเลยครับ...นึกสงสัยว่าแฟนเธอเอารูปสวยๆ นี่มาทิ้งทำไม?

หรือ ว่าเธอเป็นกิ๊กที่เขาเลิกราไปแล้ว? หรือว่าเมียเขาจับได้? แต่ทำไมมีรูปเดียวล่ะ? อ๋อ...เธอคงไม่เต็มใจให้ถ่ายรูปตอนกำลังล่อนจ้อนก็เป็นได้ ท่าทางที่ยกมือจะปิดใบหน้าหรือบังกล้องมันฟ้องอยู่ทนโท่...

ว่าแต่ลมพัดรูปนี้ปลิวเข้ามาในรั้วบ้าน หรือว่ามีใครร่อนมันเข้ามา?

แต่ ไหนแต่ไรไม่เคยมีเรื่องแบบนี้นี่นา ส่วนมากจะเป็นแผ่นพับโฆษณาหรือใบปลิวหาเสียงตอนเลือกตั้ง ไม่ว่า ส.ส.หรือผู้ว่าฯ กทม. แต่ทั้งหมดนั่นก็จะสอดไว้ตรงซอกประตูรั้ว...เพิ่งจะมีปลิวเข้ามาในบ้านก็รูป นี้เอง

เกือบจะดึงรูปถ่ายใบนั้นออกมาดูอีกแล้ว...อย่าดีกว่า เดี๋ยวใครเห็นเข้าจะนึกว่าผมอุตริถ่ายรูปกิ๊กในชุดวันเกิด แถมเอาติดกระเป๋ามาอีกต่างหาก!

เหลือบมองดาวกับแอน...กำลังจ้องมองมาพอดี แต่พอสบตากันก็สะบัดหน้าพรืด!

อะไร กันนักกันหนาวะ...ผมชักหงุดหงิด สับสนระคนอัดอั้นจนต้องลุกไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำเงียบเชียบ คราวนี้อดรนทนไม่ไหว ต้องดึงรูปถ่ายนั่นออกมาดู...รู้สึกว่าอากาศเยือกเย็นยังไงชอบกล นัยน์ตาของสาวในรูปดูมีชีวิตชีวา รอยยิ้มก็ราวกับจะขยายขึ้นทุกที...

ประตู เปิดเข้ามา ผมรีบเก็บรูปไว้ตามเดิม...เพื่อนเดินเข้ามายืนที่โถฉี่ติดกับผมแล้วหันมามอง ยิ้มๆ แซวว่า.....ผู้หญิงที่เดินตามลื้อเข้ามาหายไปไหนแล้ว? ใจถึงจริงๆ เลยเพื่อน...

ผมกระเดือกน้ำลาย รู้สึกปากคอแห้งผากไปหมด...รีบผละเดินออกมาก็พบดาวกับแอนยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ผู้หญิงที่อยู่ติดๆ กัน แต่นัยน์ตาจ้องเขม็งผ่านไหล่ผมไป...ความหนาวเย็นวิ่งเข้ามาเกาะแผ่นหลัง หันขวับไปมองทันใด

นรกเป็นพยาน! สาวสวยในรูปถ่ายนั่นเองที่ยืนเปล่าเปลือย ยิ้มละไม จ้องมองด้วยนัยน์ตาดำวาว เล่นเอาโลกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ผมทะลึ่งพรวดขึ้นสุดตัว แผดร้องโหยหวนก่อนจะล้มฟาดลงสิ้นสติไป...

เมื่อ ฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีรูปใบนั้นในกระเป๋าอีกแล้ว...ดาวกับแอนยังหน้าตาซีดเซียว และยอมรับว่าพวกเธอกับเพื่อนๆ ผู้ชายโดนผีหลอกไม่ต้องสงสัย...นึกแล้วขนหัวลุกครับ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREE0TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3T0E9PQ==



Create Date : 08 ธันวาคม 2551
Last Update : 8 ธันวาคม 2551 19:16:42 น.
Counter : 680 Pageviews.

0 comment
ลางมรณะ
ลางมรณะ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"บุญส่ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยองครักษ์ในอดีต

เชื่อกันว่า คนทุกคนก่อนจะสิ้นอายุขัย มักจะมีสัญญาณหรือลางบอกเหตุล่วงหน้าว่าจะตาย เป็นการตักเตือนว่ากำลังจะประสบชะตากรรมร้ายกาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต

คนโบราณส่วนมากมักจะพบกับลางร้ายก่อนตาย ไม่ว่าจะสะเดาะเคราะห์ เช่น การปล่อยนก ปล่อยปลา หรือการทำบุญ ถวายสังฆทาน นิมนต์พระมาบังสุกุลคนเป็น แม้แต่ลงทุนเข้าไปนอนในโลงศพก็ตาม ล้วนแต่ไม่อาจจะหลบหนีเงื้อมมือของพญามัจจุราชได้สำเร็จ

หลายๆ คนก็ปลงตก ทำใจเสียว่าลางร้ายที่ได้ประสบนั้นเป็นสิ่งตักเตือน เพื่อให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้พบกับมรณะที่จะมาเยือนในเร็ววัน

สมัยหนุ่มผมเคยประสบลางร้ายน่าสยดสยอง นึกถึงแล้วยังทำให้ขนหัวลุกมาจนถึงทุกวันนี้!

สมัยนั้น ตั้งแต่ซอยองครักษ์ บางกระบือไปยันวัดประชาระบือธรรม ใกล้ๆ กับถนนพระรามห้า มีบ้านเรือนใหญ่น้อยคับคั่งตั้งแต่ปากซอยเข้าไป ตอนกลางวันมีผู้คนค่อนข้างหนาตา แต่พอตกค่ำก็ตกอยู่ในความเปล่าเปลี่ยว บรรยากาศเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจ ไม่ค่อยมีใครออกมาเดินเหินให้เห็น นอกจากหมาจรจัดที่คอยเห่าหอนให้น่ากลัวแทบจะทั่วทั้งซอย

คนที่จำใจต้องเดินเข้าบ้านก็มีแต่พวกนักเลงไพ่กับขี้เมาเท่านั้นเอง!

พูดถึงนักเลงไพ่กับขี้เมาแล้ว ในย่านนั้นไม่มีใครเกินหน้าตาโต๊ะกับลุงแก่นไปได้

ตาโต๊ะอ้วนเตี้ย ผมขาวโพลนสั้นเกรียน อายุห้าสิบเศษ ส่วนลุงแก่นผอมดำ ผมดก นัยน์ตาดุ อายุน้อยกว่าตาโต๊ะราวสิบปีเห็นจะได้ แต่คบหาพาใจกันสนิทสนม ชนิดที่เห็นตาโต๊ะที่ไหนเป็นต้องเห็นลุงแก่นที่นั่น

ตอนบ่ายแก่ๆ ลุงแก่นจะเดินออกจากบ้านแถวหลังวัด มาหาตาโต๊ะที่อยู่ติดกับบ้านผม ก่อนจะพากันไปซดเหล้าโรงหรือเชี่ยงชุนที่ร้านเจ๊กตงเป็นการอุ่นเครื่อง แล้วก็พากันเข้าบ่อนเล็กบ่อนน้อยในละแวกนั้น...ยกเว้นวันเสาร์อาทิตย์ถึงจะ ชวนกันไปที่บ่อนตีตั๋วแถวหน้าวัดจันทรสโมสร ตรงข้ามตลาดบางกระบือ

บ่อนเลิกก็แวะร้านเหล้าปากซอยหรือไม่ก็หน้าโรงหนัง ก่อนจะเดินตุปัดตุเป๋กลับบ้าน หมูหมาเห่าหอนกันให้เกรียวกราวจนกว่าแกจะผ่านเลยไป

บางวันผมกลับจากโรงเรียนมาก็สวนทางสองเกลอที่เพิ่งจะพากันเดินไปที่ร้านเจ๊ก ตง หน้าตาดูกระหยิ่มยิ้มย่องทั้งคู่..มองดูเงาที่ทอดยาวไปข้างหลังแล้วอดขำไม่ ได้จริงๆ ครับ

เงาหนึ่งอ้วนเตี้ย แต่อีกเงาหนึ่งกลับผอมยาว..เหมือนเสาไฟฟ้าคู่กับโอ่งมังกร!

วันหนึ่งก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าชนิดจังๆ

วันนั้นผมหิ้วกระเป๋าหนังสือกลับจากโรงเรียนมาแวะซื้อขนมที่ร้านเจ๊กตง ก็พอดีสวนทางกับคนทั้งสอง..เสียงหมาจรจัดเห่าเบาๆ แล้วโก่งคอขึ้นหอนโหยหวน รับกันเป็นทอดๆ ดังขรมไปทั้งซอยจนน่าวังเวงใจสิ้นดี

"หอนหาห่..อะไรวะ ไอ้หมาริยำ!" เสียงลุงแก่นร้องด่าอย่างขุ่นเคือง ทำให้ผมหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ..

เงาอ้วนๆ สั้นๆ ของตาโต๊ะกำลังจะเลี้ยวเข้าไปในร้านเหล้าอยู่แล้ว..แต่ไม่มีเงายาวๆ ของลุงแก่นที่เคยตีคู่กันมาเหมือนเคย!

ตอนแรกผมนึกว่าตัวเองตาฝาด ครั้นจ้องมองอีกทีก็เห็นแต่เงาอ้วนๆ ลับหายเข้าไปในร้าน โดยไม่มีเงายาวๆ ของลุงแก่นอย่างแน่นอน..เล่นเอาขนลุกซ่าไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากไปหมด รีบเดินเข้าบ้านพลางจ้องมองเงาของตัวเองด้วยความรู้สึกเสียวสันหลังเหมือน โดนผีหลอกอย่างจังๆ

รุ่งขึ้นก็ได้ข่าวว่าลุงแก่นตายแล้ว..

มีคนพบร่างของแกนอนคว่ำหน้าอยู่ริมทางเดินที่มีดงกล้วยดกหนา เมื่อพลิกศพขึ้นมาก็เห็นใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาลืมค้าง เบิกโพลง..ร่างกายไม่มีบาดแผลใดๆ เชื่อกันว่าแกเมาจนหกล้ม หัวใจวายตายเพราะเสพสุรามากเกินไป

ตาโต๊ะเล่าว่า เมื่อคืนรวยไพ่มาด้วยกันเลยแวะร้านข้าวต้มหน้าโรงหนัง สั่งเชี่ยงชุนมาฉลองกันเต็มคราบ ก่อนจะเดินตุปัดตุเป๋กลับบ้าน..ร่ำลากันที่หน้าบ้านตาโต๊ะ แล้วลุงแก่นก็โซซัดโซเซมุ่งหน้าไปทางก้นซอย เสียงหมาหอนโหยหวนจนลุงแก่นร้องด่าไปตลอดทาง

"ตอนที่ไอ้แก่นมันร่ำลาข้าแล้วเดินไปน่ะ ข้าคงจะตาฝาดไปเอง..ไฟฟ้าออกสว่างแต่ไอ้แก่นไม่ยักมีเงาหรอกว่ะ"

ตาโต๊ะเล่า..เล่นเอาผมขนหัวลุก เพราะรู้ดีว่าแกไม่ได้ตาฝาด แต่เป็นลางมรณะของลุงแก่นที่เจ้าตัวไม่ได้เห็นเองน่ะซีครับ! บรื๋อออ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREExTVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TlE9PQ==



Create Date : 05 ธันวาคม 2551
Last Update : 5 ธันวาคม 2551 19:27:53 น.
Counter : 689 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend