เวียงแว่นฟ้า - เดินตามรอยกรรม
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
17 สิงหาคม 2557

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - บทที่ 20








สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม  -  บทที่ 20




ก่อนออกจากวัดท่านพระครูอุตส่าห์เดินไปหานางทองรินถึงกุฏิที่พัก โดยมีพระบัวเฮียวกับนายสมชายเดินตามไปด้วย นางทองรินซึ่งตื่นตั้งแต่ตีสี่ ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วกำลังจะเดินจงกรม เมื่อได้ยินเสียงนายสมชายเรียกจึงเปิดประตูออกมา ออกตกใจที่เห็นท่านพระครูและพระบัวเฮียว จึงรีบนิมนต์ท่านเข้าไปข้างใน


"ไม่เข้าหรอกโยม อาตมาจะรีบไป แวะมาบอกโยมเท่านั้นเอง ว่าอย่าออกไปนอกบริเวณวัด อย่าลืมว่าโยมกำลังมีเคราะ์ ถ้าโยมไม่เชื่อฟัง อาตมาก็ช่วยอะไรโยมไม่ได้ อาตมาไปละนะ"

"ขอบพระคุณหลวงพ่อมากค่ะ ดิฉันจะทำตามคำสั่งของหลวงพ่อทุก อย่าง" นางทองรินรับคำอย่างหนักแน่น พร้อมกับไหว้ภิกษุทั้งสอง

ขณะเดินไปขึ้นรถ ท่านพระครูพูดกับพระบัวเฮียวว่า "ฉันช่วยเขาได้แค่นี้แหละบัวเฮียว เจ้ากรรมนายเวรเขาตามมาทวงชีวิต วันนี้ถ้าเขาออกนอก บริเวณวัด จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่ถ้าเขาเชื่อฉันก็จะไม่ตาย"

พระบัวเฮียวไม่ออกความเห็น รู้สึกสังหรณ์ใจพิกลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหล่อน

นายสมชายขับรถพาท่านพระครูและพระลูกวัดอีกแปดรูป มาถึงบ้านงานเมื่อเวลาหกโมงครึ่ง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจึงจะเริ่มพิธี เจ้าบ่าวซึ่งอยู่ในชุดกางเกงขายาวสีเทาฟ้าและเสื้อเชิตแขนยาวสีชมพู ออกมาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เห็นนายจ่อยท่าทางมีความสุข จิตของพระบัวเฮียวก็ถูก 'กามฉันท์นิวรณ์' กลุ้มรุมอีก ทำให้ต้องใช้ 'โยนิโสมนการ' เข้าปราบ มันจึงสงบลงได้

"เจ้าสาวไปไหนเสียล่ะ" พระบัวเฮียวถาม
"ยังไม่กลับจากร้านเสริมสวยครับ" เจ้าบ่าวตอบ

แขกเหรื่อยังมากันไม่มาก เจ้าบ่าวจึงมีเวลาพูดคุยกับสงฆ์ ท่านพระครูถามหาบิดาของนายจ่อย ก็ได้คำตอบว่ายังไม่่สร่างเมา จึงไม่กล้าออกมาสู้หน้า

พวกแม่ครัวกำลังสาละวนอยู่กับการจัดอาหารเลี้ยงพระ ท่านพระครูนั่งกำหนด 'เห็นหนอ' เพราะอยากรู้ว่าพวกแม่ครัวกำลังพูดคุยเรื่องอะไรกันอยู่

"เอ้า..แก ชิมอยู่นั่นแหละ ระวังจะเกิดเป็นเปรตนะ กินก่อนพระก่อนเจ้า" แม่ครัวนางหนึ่งว่าเพื่อน
"ก็มันอร่อยนี่หว่า" คนชิมตอบ
"เออ..อร่อยๆนี่แหละ ข้าเห็นเป็นเปรตมานักต่อนักแล้ว"
"แกเห็นได้ยังไง"
"ก็ปู่ย่าตายายข้าสอนไว้ยังงั้น ถึงไม่เห็นแต่ข้าก็เชื่อ"

"นั่นมันสมัยปู่ย่าตายายแกโว้ย สมัยโน้นพระท่านน่าเคารพนับถือ กินก่อนพระถึงบาป แต่สมัยนี้มันใช่พระซะที่ไหน แค่พวกหัวโล้นห่มผ้าเหลือง ไปไหนๆก็จะกินแต่ของดีๆ แล้วยังจะเอาเงินอีก ที่เขาว่า 'ข้าวก็ยัด อัฐิก็เอา' นั่นแหละ" แม่ครัวอีกคนเถึยงแทนเพื่อน

"ตายละอีแป้น มึงนะมึง นรกจะกินกบาลมึงเข้าสักวัน" แม่ครัวคนแรกว่า

ท่านพระครูกำหนดลืมตา ไม่อยากรู้อยากเห็นอีกต่อไป นี่ขนาดคนชนบทยังดูถูกดูแคลนพระถึงขนาดนี้ มันเป็นความผิดของใครกันนี่ ท่านรู้สึกรันทดใจนัก ท่านเห็นนายจ่อยกำลังซุบซิบกับพระบัวเฮียวอยู่ทางปลายแถว จึงกำหนด 'เห็นหนอ' ไปที่คนทั้งสอง

"ทำไมนิมนต์พระวัดป่ามะม่วงทั้งหมดล่ะ ไม่กลัววัดเจ้าถิ่นเขาเขม่นเอาหรือ" พระบัวเฮียวถาม เพราะตามธรรมเนียมหากจะนิมนต์พระต่างถิ่นมาก็ต้องให้มีพระในท้องถิ่นด้วย การนิมนต์พระจากที่อื่นทั้งหมด ถือเป็นการกระทำที่ข้ามหน้าข้ามตาพระเจ้าถิ่น

"ก็อย่างที่เคยเล่าให้หลวงพี่ฟังนั่นแหละ ผมไม่นับถือพระแถวนี้ แต่พูดก็พูดเถอะหลวงพี่ กฏแห่งกรรมมันทำหน้าที่ได้รวดเร็วดีจริง สมภารตายแล้ว" นายจ่อยจงใจใช้คำว่าตายแทนมรณภาพ

"อ้าว เป็นอะไรตายล่ะ"
"ถูกจามด้วยขวานหัวแบะเลย นอนตายอยู่ข้างระเบียงโบสถ์ ป่านนี้คงกำลังทะเลาะกับยมบาลอยู่ในนรก"
"แล้วหลวงตาทองขี้เมานั่นล่ะ"
"แหม หลวงพี่จำแม่นจัง แกสึกแล้ว เห็นว่ากลัวตกนรกเพราะเลิกเหล้าไม่ได้ เป็นพระกินเหล้ามันบาปมาก แกเลยสึกออกมาหมดเรื่องหมดราว จะได้ตกนรกน้อยหน่อย แกว่าของแกยังงี้ ผมไม่ได้ว่านา"

ฟังแล้วท่านพระครูก็สรุปในใจว่า 'อ้อ มันยังนี้นี่เอง ยายแม่ครัวแกถึงได้ไม่ศรัทธาพระ ' หนอยแน่..มาเรียกว่าพวกหัวโล้นห่มผ้าเหลือง ข้าวก็ยัด อัฐิก็เอา ยายคนนี้สำมะคัญ' ถึงตอนนี้ท่านรู้สึกขำยายแม่ครัวนั่น คำพูดของนางเท่ากับเป็นกระจกเงาที่สะท้อนให้เห็นภาพพจน์ของผู้ที่เรียกตัวเองว่านักบวช

เสียงรถมอเตอร์ไซดิ์วิ่งเข้ามาจอดใต้ถุนเรือน แล้วนางสาวจุกก็เดินนวยนาดเข้ามากราบท่านพระครูและพระอีกแปดรูป หล่อนอยู่ในชุดไทยเรือนต้นสีชมพูอ่อน ตัดเย็บด้วยผ้าไหมเนื้อดี ผมเกล้าทรง "ลูกจันทน์" ไว้กลางศีรษะ ใบหน้าถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามด้วยเครื่องสำอางฝีมือช่างเสริมสวยประจำตำบล

"หลวงน้ามาถึงนานแล้วหรือจ๊ะ" หล่อนทักทาย
"นานหรือไม่นานก็ถึงก่อนคนเป็นเจ้าสาวแล้วกัน" หลวงหน้าพูดยิ้มๆ
"แหม..หลวงน้าเนี่ย เจอหน้าก็ว่ากันเลยเชียว" หล่อนพ้อ

ขณะนั้นเวลาเจ็ดนาฬิกาตรง พิธีจึงเริ่มด้สวยให้ทายกซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวนำกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยและอาราธนาศีล ท่านพระครูให้ศีลแล้วพระเก้ารูปเจริญพระพุทธมนต์ คู่บ่าวสาวนั่งพับเพียบพนมมือฟังพระสวด มีหมอนสีชมพูรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสสำหรับวางแขนกันเมื่อยคนละใบ

เสร็จจากการเจริญพระพุทธมนต์ ทายกนำกล่าวถวายสังฆทานแล้วจึงช่วยกันประเคนอาหารคาวหวาน พระสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จเจ้าภาพก็ถวายปัจจัยไทยธรรม แล้วพระสงฆ์เก้ารูปกล่าวอนุโมทนาคาถา คู่บ่าวสาวกรวดน้ำและรับพรตามลำดับ พวกแม่ครัวก็พากันออกมารับพรจากพระด้วย

ท่านพระครูจำคนที่ว่าพระได้ จึงพูดสัพยอกนางว่า "พวกหัวโล้นห่มผ้าเหลืองนี่ไม่ไหวเลยนะโยมนะ กินข้าวเขาแล้วยังเอาเงินเขาอีก"

แม่ครัวทำหน้าเหรอ ไม่นึกไม่ฝันว่าท่านจะรู้ในสิ่งที่พวกตนแอบนินทา แต่อย่างน้อยก็ยังดีใจที่ท่านไม่โกรธ

"หลวงพ่อมาจากวัดไหนจ๊ะ" นางถาม รู้สึกศรัทธาท่านขึ้นมานิดหนึ่ง
"วัดป่ามะม่วง เคยได้ยินไหมล่ะ"
"ไม่เคยจ้ะ อยู่ที่ไหนจ๊ะ"
"อยู่ไม่ไกลหรอก ถ้าอยากจะไปก็ให้เจ้าบ่าวเขาพาไปก็ได้ เขามีสอนกรรมฐานด้วยนะ อยากไปเรียนไหมล่ะ"
"ก็อยากเหมือนกัน ว่าแต่ว่าหลวงพ่อไม่โกรธฉันนา" นางยังกลัวความผิด
"โกรธเรื่องอะไรล่ะ"
"ก็ที่ฉันว่าหลวงพ่อ"

"อาตมาจะไปโกรธทำไม ก็อาตมาไม่ได้เป็นอย่างที่โยมว่า แต่ถึงเป็นก็ไม่ควรจะโกรธ เพราะเท่ากับโยมพูดความจริงใช่ไหมล่ะ"

"ใช่จ้ะใช่ ว่าแต่ทำไมหลวงพ่อถึงรู้ล่ะว่าฉันเป็นคนพูด" นางไม่วายสงสัย
"เอาเถอะ ไว้ไปเข้ากรรมฐานแล้วจะบอก อย่าลืมไปก็แล้วกัน"
"ฉันไปแน่ รอให้เกี่ยวข้าวเสร็จเสียก่อน" นางรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ


เมื่อท่านพระครูไม่อยู่ที่วัด นางทองรินก็ให้รู้สึกเร่าร้อนยิ่งใจนัก เป็นอย่างนั้นทุกครั้งที่รู้ว่าท่านไม่อยู่ โดยเฉพาะวันนี้รู้สึกว่ามันเร่าร้อนกว่าทุกวัน แม้อากาศภายหนอกจะหนาวเหน็บ มันก็ไม่ช่วยให้ความเร่าร้อนในใจบรรเทาเบาบางลงได้ ไม่ว่าหล่อนจะเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิ ก็ไม่อาจทำให้จิตใจสงบลงได้เลย หล่อนเริ่มฟุ้งซ่านคิดไปเรื่อยๆต่างๆนานา ป่านฉะนี้ลูกเต้าจะกินอยู่กันอย่างไร สามีของหล่อนเล่า จากกันมาตั้งเจ็ดแปดวัน ป่านนี้มิไปมีอะไรกับสาวใช้แล้วหรือ เพราะเห็นแม่นั่นทำท่าระริกระรี้ให้ท่าอยู่บ่อยๆ ข้างสามีหล่อนก็ใช่ย่อย ยังเมาแอ๋กลับบ้านทุกวันอย่างนั้น มีหรือจะพ้นมือแม่สาวใช้วัยรุ่น

จริงอยู่ แม้หล่อนจะไปขอร้องให้มารดามาช่วยดูแล แต่แม่หล่อนก็ต้องมีวันเผลอ ยิ่งถ้าสองคนนั่นมีจิตกระสันต์ต่อกัน แม่หล่อนหรือใครก็ห้ามความกระสันต์ของสองคนนั้นไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย เราควรจะไปดูสักหน่อยเป็นไร นั่งรถไปสองชั่วโมงก็ถึง ดูให้เห็นกับตาแล้วจะรีบมา หลวงพ่อคงยังไม่กลับ นี่ก็เพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้นเอง แล้วหล่อนก็รีบจัดแจงแต่งกาย ออกจากที่พักเดินฝ่าความหนาวเหน็บ ตรงไปยังถนนสายเอเซีย

"คอยดูนะตาแก่ ถ้าจับได้คาหนังคาเขาแม่จะฆ่าทิ้งเสียเลย" หล่อนคิดเรื่อยเปื่อยไปตลอดทาง สิ่งที่คิดล้วนแต่ร้ายๆทั้งนั้น

ถึงถนนสายเอเซีย หล่อนต้องข้ามไปรอรถทางฝั่งโน้น มีรถประจำทางหลายสายที่วิ่งมาจากทางเหนือเพื่อจะเข้ากรุงเทพฯ หล่อนมองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีรถวิ่งมาสักคัน จึงก้าวเท้าออกไปโดยเร็วแล้วก็ต้องจบชีวิตลง เพราะถูกรถบรรทุกชนกระเด็นไปตกอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม

รถบรรทุกคันนั้นวิ่งตะบึงแข่งลมหนาวมาตามถนนสายเอเซีย เห็นคนเดินตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด จะเบรคก็ไม่ทัน คนขับก็เลยไม่ยอมเบรค ทั้งไม่สนใจที่จะหยุดรถดูให้เสียเวลาทำมาหากิน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะเรียกปอเต๊กตึ๊งมาเก็บศพ

บรรดารถที่วิ่งไผ่านไปมาไม่มีคันใดหยุดดูร่างบอบบางที่นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน อย่างดีก็แค่ชะลอรถให้ช้าลง เพราะมีตัวอย่างมาแล้วที่คนชนหนีไป แล้วคนที่หยุดดูกลับกลายเป็นจำเลยแทน

รถสายตรวจของตำรวจทางหลวงมาพบศพเมื่อเวลาแปดนาฬิกา จึงวิทยุไปเรียกปอเต็กตึ๊ง ชาวบ้านแถวนั้นเริ่มทยอยกันมาดูศพ เนื่องจากอากาศคลายความหนาวเย็นลงไปมากแล้ว แม่ครัววัดป่ามะม่วงก็มาดูกับเขาด้วย เห็นหน้าผู้ตายถนัด นางบุญรับถึงกับขวัญเสีย ความเกลียดชังที่มีต่อหล่อน กลับกลายเป็นความเวทนาสงสาร นางยกมือท่วมหัว

""ไปสู่ที่ชอบที่ชอบเถิดแม่คุณ ขออย่าให้มีเวรมีกรรมต่อกันเลย"

แม่ครัวที่มาด้วยอีกสองคนก็รู้สึกใจหาย เพราะเห็นกันมาทุกวัน เคยเอาปิ่นโตไปส่งให้ที่ห้องพักวันละสองเวลา เช้านี้ก็เอาไปส่ง เห็นไม่อยู่ในห้องก็นึกว่าไปไหน มาพบอีกทีก็กลายเป็นศพไปแล้ว ช่างน่าอนาถใจแท้ๆ

นายละอองขับรถมาจากกรุงเทพฯ กับบุตรสาววัยรุ่นอีกสองคน เขาตั้งใจมาเยี่ยมภรรยาซึ่งมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดป่ามะม่วง เคยขับรถมาส่งหล่อนเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม หล่อนบอกว่าจะอยู่สักเจ็ดวัน พอมาถึงท่านพระครูกลับขอให้อยู่ตั้งสิบห้าวัน ด้วยเหตุผลว่าหล่อนกำลังมีเคราะห์ ลูกสาวสองคนรบเร้าให้เขาพามาด้วยความคิดถึงมารดา เขาเองก็คิดถึงหล่อนด้วยเช่นกัน

รถวิ่งมาถึงทางแยกเข้าวัด เห็นคนมุงดูอะไรกันอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม แต่เขาก็ไม่สนใจจะหยุดดู ด้วยใจจรดจ่ออยู่ที่ภรรยา อยากเห็นหน้าหล่อนเร็วๆ

ครั้นถึงวัดเขาก็ตรงไปที่กุฏิที่หล่อนพักพร้อมลูกสาวทั้งสอง เมื่อเดินไปถึงปรากฏว่าหล่อนไม่อยู่ที่นั่น ที่ประตูมีกุญแจดอกเล็กๆคล้องไว้ หน้าต่างทุกบานปิดหมด เขาจึงไปที่กุฏิท่านพระครู คิดว่าหล่อนอาจจะอยู่ที่นั่น คนที่กุฏิบอกว่าท่านไม่อยู่และยังเล่าเรื่องคนถูกรถชนว่าเป็นคนที่มาปฏิบัติกรรมฐาน

เขารู้สึกสังหรณ์ใจจึงขับรถออกไปดู แล้วก็ได้พบความจริงที่เศร้าสลด ภาพลูกสาวสองคนที่ร่ำไห้กอดศพแม่ทำให้เขาสะเทือนใจยิ่งนัก แล้วยังลูกชายคนเล็กที่อยู่กับแม่ยายที่บ้านอีกคน แกจะทำอย่างไรเมื่อรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จากโลกนี้ไปเสียแล้ว

เมื่อรถของปอเต็กตึ๊งมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้นำศพไปตั้ง ณ วัดป่ามะม่วงตามคำขอร้องของสามีผู้ตาย ซึ่งต้องการจะรอถามท่านพระครูก่อนว่าจะให้นำศพไปเผาที่กรุงเทพฯ หรือเผาเสียที่วัดป่ามะม่วง แล้วเขากับลูกๆก็มานั่งอยู่ที่กุฏิท่านพระครู

ทันทีที่ท่านพระครูก้าวลงจากรถ สามีของนางทองรันก็แทบจะโผเข้าหา เขาคุกเข่าลงกับพื้นกราบแทบเท้าของท่าน ร้องไห้สะอึกสะอื้นแข่งกับลูกสาวทั้งสอง ตอนเห็นศพภรรยาเขากลั้นความรู้สึกทั้งมวลเอาไว้ แต่เมื่อมาพบผู้ที่เห็นอกเห็นใจที่เขาจะยึดเป็นที่พึ่งได้ ความรู้สึกที่อดกลั้นเอาไว้ก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

"ทำใจดีดีเอาไว้นะโยม เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นของธรรมดาโลก ไม่มีใครหนีพ้น โยมทองรินเขาไปสบายแล้ว เขานั่งรออาตมาอยู่ตรงทางเลี้ยว เล่าให้ฟังหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ไป..ไปที่กุฏิดีกว่า"

ท่านเดินนำสามพ่อลูกไปที่กุฏิ ภิกษุอีกอีกเจ็ดรูปต่างแยกย้ายกันไปยังกุฏิของตน มีแต่พระบัวเฮียวที่เดินตามมาที่กุฏิของท่านพระครูเพราะอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อทุกคนมาถึงกุฏิและลงนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ท่านพระครูจึงเล่าเรื่องที่ 'วิญญาณ" มาบอกกล่าว

"เมื่อเช้าก่อนออกจากวัด อาตมาก็ไปกำชับเขาไม่ให้ออกไปไหน เขาก็รับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่พออาตมาออกจากวัดไป เขารู้สึกร้อนอกร้อนใจจนไม่อาจปฏิบัติได้ เกิดห่วงโยม ห่วงลูกๆ"

ท่านไม่ได้เล่าทุกอย่างที่วิญญาณบอก เพราะเห็นแก่คนที่ตายไปแล้ว แต่แล้วคนฟังก็เป็นผู้เล่าเสียเอง

"เขาคงเห็นผมดื่มเหล้าทุกวัน เลยกลัวว่าจะพลาดพลั้งไปมีอะไรกับคนใช้ ทั้งที่ผมไม่เคยคิดอกุศลเช่นนั้น ตั้งแต่เขามาอยู่วัดผมก็ยังไม่เคยดื่มอีกเลย และก็ตั้งใจว่าจะไม่ดื่มตลอดชีวิต อาจเป็นเพราะเขาเผื่อแผ่บุญมาให้ผม จึงทำให้ผมกลับเนื้อกลับตัวได้"

"ดีแล้ว อาตมาขออนุโมทนาด้วย โยมทองรินเขาก็คงดีใจด้วย ส่วนเรื่องศพเขาขอให้เผาที่นี่ เขาอยากจะปฏิบัติกรรมฐานต่อ แล้วจึงจะไปเกิดในภพภูมิใหม่"

"วิญญาณปฏิบัติธรรมได้หรือครับหลวงพ่อ" พระบัวเฮียวถาม

"ทำไมจะไม่ได้ อย่างวิญญาณแม่กาหลงก็มาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ตั้งแต่ตอนที่เป็นเปรต จนเดี๋ยวนี้เป็นเทพธิดาไปแล้ว รูปร่างสวยงามเชียว เคยมาปรากฏตัวให้คนเห็นบ่อยๆ เคยสอนเดินจงกรมให้แม่ชีเขียวด้วย"

แม่ชีเขียวเป็นแม่ชีอาวุโสที่สุดของสำนักชี ตอนนี้อายุแปดสิบ ไปไหนมาไหนไม่ค่อยไหว แต่ก็ยังปฏิบัติอยู่ที่วัด

"แล้วแม่ชีเขียวแกรู้ไหมครับว่าแม่กาหลงไม่ใช่มนุษย์"

"รู้ แต่แกเป็นคนไม่กลัวผี แกก็เดินจงกรมกับแม่กาหลงสองคน คนอื่นๆไม่มีใครกล้า รู้เรื่องแม่กาหลงแล้วอย่าไปเล่าให้เศรษฐีเจริญชัยฟังล่ะ เดี๋ยวเขาจะพากันกลัว ไม่กล้ามาวัดนี้อีก" ท่านกำชับพระบัวเฮียว ซึ่งฝ่ายนั้นก็รับคำหนักแน่น

"แล้วภรรยาผมเล่าครับหลวงพ่อ ทำไมเขาต้องอายุสั้น" นายละอองถาม

"ตามหลักของกรรม คนที่อายุสั้นเพราะเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต โยมทองรินเคยไปฆ่าเขาไว้ เจ้ากรรมนายเวรก็เลยตามมาทวง นี่เขาเล่าให้อาตมาฟังเองนะ"

"ถ้าเขาไม่ออกไปนอกวัดก็ไม่ต้องตายใช่ไหมครับ"
"ถูกแล้ว เจ้ากรรมนายเวรเขามาดักรออยู่ ตอนโยมเขาข้ามถนนก็บังตาเอาไว้ ไม่ให้เห็นรถบรรทุก"
"ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าจิตวิญญาณจะมีอยู่จริง นี่ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อเล่าผมคงไม่เชื่อ"
"ถึงจะเป็นอาตมา โยมก็อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองเสียก่อน"
"พิสูจน์อย่างไรครับ"
"มาเข้ากรรมฐานสักเจ็ดวัน พอมีเวลาไหมล่ะ"
"ครับ ผมจะหาเวลามา รอให้ลูกๆปิดเทอมเสียก่อน"
"ดีแล้ว โยมทองรินจะได้ดีใจ โยมจะได้คุยกับเขา โดยไม่ต้องผ่านอาตมา"
"หนูจะมากับคุณพ่อได้ไหมคะ หนูอยากคุยกับคุณแม่ค่ะ" เด็กสาววัยสิบสี่ถาม
"ได้จ้ะ ถ้าหนูตั้งใจปฏิบัติก็จะสามารถคุยกับคุณแม่ได้ แล้วหนูล่ะจะมาด้วยไหม" ท่าถามคนน้อง
"ถ้าคุณพ่อกับพี่มา หนูก็จะมาด้วยค่ะ"
"หลวงพ่อครับ ศพของทองรินจะเผาเมื่อไหร่ครับ"
"สวดพระอภิธรรมสักสามคืนแล้วค่อยเผา เจ้าตัวเขาไม่สนใจหรอก ร่างกายนั้นเมื่อวิญญาณทิ้งเสียแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากท่อนไม้หรือท่อนฟืน"

"ถ้ายังงั้นก็เผาเสียวันนี้เลยดีไหมครับ" พระบัวเฮียวออกความเห็น ซึ่งเป็นความเห็นที่เชยที่สุดในความคิดของท่านพระครู

"เร็วขนาดนั้นไม่ได้หรอก อย่าลืมว่าโยมเขามีญาติพี่น้อง ต้องแจ้งให้ญาติรู้เสียก่อน ให้เขาจัดการกันตามประเพณีนิยม คนที่เขาไม่เข้าใจเรื่องการเกิดการตายก็มีอยู่"

"ถ้าเช่นนั้นผมจะเข้ากรุงทพฯ ไปบอกญาติๆ เลยนะครับ" นายละอองบอก

"อย่าเลย โยมกำลังเครียด ไม่ควรขับรถ อาตมาคิดว่าโยมไม่ต้องไปก็ได้ เดี๋ยวให้สมชายพาไปโทรศัพท์ทางไกลที่ตัวจังหวัด โยมจะได้เตรียมงานอยู่ทางนี้ ห้าโมงเย็นจะมีพิธีรดน้ำศพ ญาติทางกรุงเทพฯคงมาทัน เดี๋ยวพาลูกไปเข้าที่พักเสียก่อน พักที่กุฏิโยมทองรินได้ไหม กลัวกันหรือเปล่า"

"ไม่กลัวครับ"
"ไม่กลัวค่ะ"

สามพ่อลูกตอบพร้อมกัน

"ดีแล้ว งั้นสมชายช่วยพาไปส่งด้วย เสร็จแล้วพาโยมผู้ชายเข้าไปโทรศัพท์ ที่ตัวจังหวัด บอกญาติทางกรุงเทพฯให้รู้ เขาจะได้พากันมาอาบน้ำศพ"

เมื่อสามพ่อลูกลุกออกไปแล้ว นางบุญรันก็ร้องไห้กระเซอะกระเซิงเข้ามา

"หลวงพ่อ ฉันกลัวผียายทองริน"
"ก็ดีแล้วนี่ อยากไปเกลียดเขาทำไมล่ะ แบบนี้ต้องบอกเขาให้มาหลอกเสียให้เข็ด" ท่านพระครูขู่
"ไม่เกลียดแล้วจ้ะหลวงพี่ ฉันไม่เกลียดเขาแล้ว เห็นเขาตายแล้วสงสาร"
"อ้อ..ถ้าเขายังไม่ตายก็ไม่หายเกลียดใช่ไหมล่ะ" หลวงพี่ย้อน
"ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันสงสารเขาจริงๆ ขอให้ไปที่ชอบๆเถอะแม่คุณ อย่าได้มาจองเวรจองกรรมกันเลย"

"ใครเขาจะอยากจองเวรจองกรรมกับคนอย่างแก ยายบุณรับเอ๊ย อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย คนอย่างแกน่ะ แม้แต่ผียังเมิน" พระครูว่าให้

"เมินก็ดี จะได้ไม่มาหลอกฉัน เดี๋ยวตอนอาบน้ำศพ ฉันจะไปขอขมาเขา"
"ก็ดี แล้วข้าจะช่วยบอกเขาให้ ไป..ช่วยไปตามลูกสาวเขามากินข้าวกินปลาเสีย นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว บริการเขาดีๆนะ แม่เขาจะได้ไม่มาหลอก" ท่านแกล้งแหย่

"แหม..หลวงพี่ชอบพูดให้ฉันหวาดเสียวอยู่เรื่อย" ต่อว่าแล้วนางก็ลุกออกไป
ท่านพระครูพูดกับพระบัวเฮียวว่า "วันนี้เธอก็เลยอดฉันเพล"
"ไม่เป็นไรครับ ผมอื่มมาจากบ้านนายจ่อยแล้ว อาหารเขาอร่อยทั้งนั้น ผมเลยว่าเสียอิ่มแปล้ ถึงจะไม่ได้ฉันอีกสามวันก็คงไม่หิว"
"ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ รู้สึกว่าเธอจะติดในรสอีกแล้วนะ ทำไมถึงไม่กำหนด 'รสหนอ' ล่ะ"
"กำหนดไม่ทันครับ ก็มันอร่อย ผมก็เลยฉันเพลินจนลืมกำหนด"
"นั่นแสดงว่าเธอยังต้องฝึกอีกมาก"
"ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น หลวงพ่อครับ ยายบุญรับแกจะหายโกรธโยมทองรินได้จริงอย่างที่แกพูดหรือเปล่าครับ"
"จริงซิ โบราณเขาถึงได้สอนว่า 'งามอยู่ที่ผี ดีอยู่ที่ละ พระอยู่ที่ใจ' ไงล่ะ"

"หมายความว่าอย่างไรครับ"

"ก็หมายความว่าคนเราถึงจะจงเกลียดจงชังกันสักปานใด พออีกฝ่ายตายลงความเกลียดความชังก็หายไป จะมีแต่ความเมตตาสงสารเขา อะไรที่เคยทำกับเราเอาไว้ก็กลับเห็นแต่สิ่งดีงามไปหมด จะนึกถึงเขาแต่ในทางที่ดีงาม จึงเรียกว่างามอยู่ที่ผี ดีอยู่ที่ละก็หมายความว่าคนเราจะดีได้จะต้องละทิ้งชั่วให้หมด ถ้าละชั่วไม่ได้ก็ดีไม่ได้  ส่วนพระอยู่ที่ใจคงไม่ต้องอธิบาย เพราะเธอก็เป็นพระ ฉันก็เป็นพระ ไม่ใช่คนหัวโล้นห่มผ้าเหลือง อย่างที่แม่ครัวบ้านงานเขาว่า"

"ครับ แล้วผมก็ขอตั้งปณิธานว่าจะรักษาศักดิ์ศรีของพระไว้ด้วยชีวิต จะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าเป็นพวกหัวโล้นห่มผ้าเหลืองอย่างเด็ดขาด"

พระบัวเฮียวให้คำปฏิญาณต่อหน้าพระอุปัชฌาย์



ผู้แต่ง  :  ดร.สุทัสสา อ่อนค้อม

หมวด Book Blog












Create Date : 17 สิงหาคม 2557
Last Update : 17 สิงหาคม 2557 21:20:40 น. 27 comments
Counter : 1813 Pageviews.  

 

เจิม เจิม เจิม ค่ะ
ติดตามอ่านเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog




โดย: หอมกร วันที่: 17 สิงหาคม 2557 เวลา:21:27:09 น.  

 
มาอ่านเรื่องราวต่อครับ
เวียงแว่นฟ้า Book Blog



โดย: moresaw วันที่: 17 สิงหาคม 2557 เวลา:22:11:43 น.  

 
มาจองที่ก่อน พรุ่งนี้มาอ่านครับ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 17 สิงหาคม 2557 เวลา:22:32:22 น.  

 
มาอ่านต่อแล้วก็ส่งเข้านอนด้วยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:0:07:55 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
ขุนเพชรขุนราม Science Blog ดู Blog
เตยจ๋า Dharma Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
ภาพงดงามจังเลย


โดย: Rhododendron (Opey ) วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:1:19:28 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ขอรับ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ALDI Food Blog ดู Blog
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:5:12:30 น.  

 
มาอ่านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วละค่ะ
วันนี้มาส่งกำลังใจ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ซองขาวเบอร์ 9 Home & Garden Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

อ่านเพลิน แต่แฝงแง่คิดหลายเลยค่ะ
กรรม เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
ก็ต้องเป็นไปตามนั้น อย่างนางบัวรินเนี่ยละ


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:12:05:27 น.  

 



มาอ่านสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมและ ขอบคุณสำหรับโหวตให้บล็อกป้าด้วยค่ะ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:12:50:42 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

สวัสดีค่ะคุณเวียงแว่นฟ้า

ส่งกำลังใจและส่งเข้านอนด้วยนะคะ
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 18 สิงหาคม 2557 เวลา:23:30:28 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Topical Blog ดู Blog
mariabamboo Parenting Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
สุขสันต์ยามเช้านะครับ


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 19 สิงหาคม 2557 เวลา:8:06:06 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Music Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Garden Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 19 สิงหาคม 2557 เวลา:15:25:49 น.  

 
แก่นแท้...ยอดเยี่ยมครับ


โดย: Usurijiba วันที่: 19 สิงหาคม 2557 เวลา:16:59:29 น.  

 
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:9:40:18 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า
มาลงชื่อไว้ก่อนนะคะ
เรากลับมาหลายวันแล้วค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปฟังเพลงด้วยกันนะคะ



โดย: mambymam วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:21:49:51 น.  

 
โหวตก่อนครับ เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 20 สิงหาคม 2557 เวลา:23:56:35 น.  

 

ส่งกำลังใจ และโหวตค่ะ

เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:12:59:49 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เวียงแว่นฟ้า Dharma Blog ดู Blog

มาส่งกำลังใจให้ค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:19:43:53 น.  

 
ส่งกำลังใจยามดึกค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




โดย: mambymam วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:0:06:57 น.  

 

Like อุ้มแวะมาอ่านค่ะ
ขอบคุณที่นำมาฝากให้อ่านนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:10:35:48 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ


รู้สึกจะหายไปนานนะคะ


นาน....สำหรับคนรออ่านบทต่อไปค่ะ อิอิอิ


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:11:31:12 น.  

 

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ


 เวียงแว่นฟ้าBook Blogดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: pantawan วันที่: 22 สิงหาคม 2557 เวลา:23:45:26 น.  

 
สุขสันต์วันหยุดนะครับ


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 23 สิงหาคม 2557 เวลา:8:34:33 น.  

 
อ่านแล้วก็นึกกลัว บรรดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายนะคะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 23 สิงหาคม 2557 เวลา:18:03:26 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแว่นฟ้า
ขอบคุณที่แวะไปชมดอกไม้ด้วยกันนะคะ




โดย: mambymam วันที่: 23 สิงหาคม 2557 เวลา:19:45:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณเวียงแว่นฟ้า

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:21:58:45 น.  

 
สวัสดีค่า ^^
มาตามอ่านต่อค่ะ

พลาดไปสองบทที่แล้ว
หมู่นี้มาช้ามากเลยค่ะ
ติดไว้นานเลย TT



โดย: lovereason วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:22:29:43 น.  

 
ทักทายก่อนเที่ยงครับ


โดย: puzzle man (เตยจ๋า ) วันที่: 25 สิงหาคม 2557 เวลา:10:24:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวียงแว่นฟ้า
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




!-- Stat ทำงาน วันที่ 26 กพ 55
[Add เวียงแว่นฟ้า's blog to your web]