Heat Stroke
ลมแดดและเพลียแดด
หน้าหนาวอากาศแห้งแล้งใบไม้ร่วงหล่นผ่านไปไม่นาน ก็เปลี่ยนมาเป็นหน้าร้อน
ช่วงนี้ใบไม้ดอกไม้ผลิบานเป็นฤดูกาลแห่งสีสัน
ชมพูพันธุ์ทิพย์ ควงแขนมากับเหลืองปรีดิยาธร ร่วงไปไม่นาน
ตะแบก อินทนิลเสลา ก็รับช่วงต่อ
ทุกถนนทุกตรอกซอกซอย
สีม่วงแกมแดงแกมน้ำเงิน อมชมพู สลับขาว เหลือง ส้ม ละลานตาไปหมด
กัลปพฤกษ์ราชพฤกษ์ นนทรี ชัยพฤกษ์ตามกันมาติดๆ
ปีนี้ประดู่ งิ้วป่าหางนกยูงยังยืนต้นโกร๋น แต่คงไม่ถึงเมษาคงออกดอกมาให้ได้ชื่นชม
ยามเช้าไก่ป่าประสานเสียงกับจักจั่นเรไรนกร้องเพลงอย่างมีความสุข
เหล่านกกินเกสรดอกไม้และนกกินแมลงจัดปาร์ตี้กันรื่นรมย์
เดือนมีนาคมปีนี้อากาศร้อนจัดเหมือนเช่นทุกปี
ย้อนกลับไปเมื่อปี54 เครื่องปรับอากาศคราง ติดๆดับๆเพราะความเก่า
ไม่เหลือความเย็นอากาศราวกับอยู่ในเตาอบ เปิดหน้าต่างเปิดประตูเปิดพัดลมก็ไม่ได้ช่วยอะไร
นั่งทำงานแบบร้อนๆติดต่อกันมาเป็นแรมเดือนคิดบวกว่ากำลังอบซาวด์น่าแบบฟรีๆ
วันนั้นตรงกับวันที่1 เมษายน ความร้อนภายนอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความร้อนจากภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ
ตาลายตัวหนังสือเย้ไปเย้มา รู้สึกมึนงง
สมองไม่สั่งการ เบลอๆ โคลงๆ สับสน หายใจไม่อิ่ม
วันนั้นมีรอบเดือนและเป็นไข้หวัดด้วยมึนหัวตื้อๆคล้ายจะเป็นไมเกรน
เหงื่อออกมาชุ่มโชกแล้วก็หยุดไปดื้อๆ คืออากาศภายนอกร้อนกว่าอุณหภูมิภายในร่างกาย
เหงื่อก็เลยหยุดไหลเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้หล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ
เมื่อร่างกายไม่สามารถระบายเหงื่อภายในร่างกายจึงร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เพราะความไม่รู้เป็นทองไม่รู้ร้อนทำงานต่อไป
ฉันยังคงเร่งรีบเพื่อจะปิดงบบัญชีประจำเดือนให้เสร็จข้าวเช้า ข้าวกลางวันไม่ได้กิน
กินแต่กาแฟกับทองหยอด ร่างกาย(สมอง)สูญเสียน้ำเข้าขั้นวิกฤติ
หายใจติดๆขัดๆตัดสินใจโทรหาผู้ช่วย เรื่องนี้มีบันทึกไว้
คืนนั้นทั้งๆที่เพลียจัดแต่ก็นอนไม่หลับ รุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ยังรู้สึกเพลียๆแต่ยังชะล่าใจ
ไปแอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้แดดก็ร้อน จับจ้องไปที่แม่นกกับลูกนกตาไม่กระพริบ
เหงื่อไหลไคลย้อยอีกระลอก รู้สึกเวียนหัว มีอาการมึนงง
สมองสั่งการช้า โคลงเคลง รู้สึกอ่อนเพลีย หาวติดๆกันอยู่หลายนาที
หลังจากอัพบล็อกในห้องกล้องเสร็จเรียบร้อยก็เข้านอนตามปกติ
และในคืนนั้นเองPanic Attack ก็มาเยือน
นี่คือจุดเริ่มต้น ของการค้นพบ ต้นเหตุของความความวิตกกังวลทั้งปวง
เก็บมาฝากบทความจาก: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
อาการลมแดดมีความรุนแรงกว่าเพลียแดดและต้องได้รับการแก้ไขอย่างฉุกเฉิน
ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนเพลียแดดแต่ตัวแดง ร้อนจัด (เกิน 40 องศาเซลเซียส)
ผิวแห้งไม่มีเหงื่อ หอบหายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วมีอาการทางสมอง
เช่นเห็นภาพหลอน สับสน หงุดหงิด ชักหรือหมดสติ
ภาวะนี้สามารถทำให้เกิดตับและไตวายกล้ามเนื้อสลายตัว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
น้ำท่วมปอดเกิดลิ่มเลือดอุดตันในกระแสเลือด และช็อกได้
ภาวะนี้เกิดได้กับทุกคนที่ถูกแดดจัด
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนที่มีโรคหัวใจ โรคปอด โรคทางสมอง
ผู้ที่ได้รับยาบางชนิดเช่น ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ยากันชัก ยาทางจิตเวชบางชนิด
ยาลดน้ำมูกยาแก้หวัด ยาลดความดัน ยาโรคหัวใจบางชนิด ยาไทรอยด์ ฯลฯ
หากพบผู้ที่น่าสงสัยว่ามีภาวะดังกล่าวควรดูแลผู้ป่วยโดยรีบนำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่อากาศร้อน
ถ้าผู้ป่วยยังไม่หมดสติให้ดื่มน้ำเย็นงดแอสไพรินหรือพาราเซตามอล
พ่นละอองน้ำบนตัวผู้ป่วยและใช้พัดหรือพัดลมเป่าถ้าผู้ป่วยหมดสติและอาเจียน
ให้จับศีรษะผู้ป่วยหันไปด้านข้างเพื่อลดโอกาสการสำลัก
การป้องกันสามารถทำได้ดังนี้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกัน
สวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า15
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ชา กาแฟก่อนออกกำลังกาย
ผู้ที่มีโรคหรือรับประทานยาควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่ร้อนจัดเป็นเวลานานๆ
########################
วิธีลดความร้อนจากภายใน....อากาศร้อนควรทำอย่างไร
1.หลีกเลี่ยงการทำงานกลางแดดหรือออกกำลังกายเป็นเวลานานๆ
และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ร้อนอบอ้าวอากาศไม่ถ่ายเท
หากมีความจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติ ครั้งละ 1-2 แก้วทุกๆชั่วโมง
2.ดื่มน้ำลอยดอกมะลิสด(ปลูกเอง)ความหอมของมะลิจะช่วยให้สดชื่นและผ่อนคลาย
3.ดื่มน้ำสมุนไพรแทนน้ำชาและกาแฟ ได้แก่ น้ำเฉาก๊วย น้ำเก๊กฮวย
น้ำหล่อฮังก้วย น้ำจับเลี้ยง น้ำใบบัวบก น้ำย่านาง
น้ำมะนาว น้ำกระเจี๊ยบ น้ำหวานเฮลบลูบอยด์ เป็นต้น
5.หมั่นอาบน้ำประแป้งเย็นๆทั้งหลายตบแปะกระแจะจันทร์
เหมือนคุณย่าคุณยายสมัยโบราณ ยังใช้งานได้ดี
6.ยาหอม ยาลม ยาอม ยาหม่อง พิมเสน การบูร แอมโมเนีย
น้ำยาอุทัยทิพย์ ยาอุทัยหมอหมี พกติดตัวไว้
มีอาการเป็นลม วิงเวียน หน้ามืด ตาลายก็หยิบมาใช้ได้ทันท่วงที
7.สวมเสื้อผ้าทำจากเส้นใยธรรมชาติเช่น ผ้าฝ้าย ผ้าแพร
เสื้อคอกระเช้าที่มีเนื้อผ้าบางเบาช่วยซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี
8.อย่าลืม สวมแว่นตากันแดด ทาครีมกันแดด สวมหมวก กางร่ม กันด้วยนะคะ
หมายเหตุ การดื่มน้ำและน้ำสมุนไพรควรดื่มให้อยู่ในปริมาณสมดุลพอดี
กับร่างกายและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
เพราะหากว่าดื่มมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายเย็นเกินไป
เพราะความเย็นมากไปจะกลายเป็นหวัด
ทำความเข้าใจและนำไปปรับใช้ ในหน้าร้อนนี้นะคะ ด้วยความห่วงใยค่ะ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
แอมอร
Amp Panic/นักธรรมชาติบำบัด
(ห้องสุขภาพ)
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรจ้าคุณอร