Panic disorder & ซ้อมตายแต่ไม่ต้องรีบตาย
Panic disorder & ซ้อมตายแต่ไม่ต้องรีบตาย
การเป็นแพนิคในครั้งนั้น
ทุกครั้งที่หัวใจเริ่มสั่น
ฉันทำแบบนี้
จงผ่อนคลายๆๆๆคิดถึงคุณพระไว้
สัมมาอะระหัง
สัมมาอะระหัง
นี่เป็นการเผชิญหน้ากับความกลัวตาย
และฉันสามารถก้าวผ่านความกลัวในครั้งนั้นมาได้
หากมีครั้งต่อไป
ฉันคิดว่าตัวเองเอาอยู่
ตั้งแต่กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติอีกครั้ง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ชีวิตก็เปลี่ยนไป ปีนั้นอากาศร้อนมาก..ฉันเดินสายเยี่ยมคนป่วยเป็นว่าเล่น ช่วงอากาศเปลี่ยน จากร้อนเป็นฝน จากฝนเป็นหนาว และจากหนาววนกลับไปเป็นร้อน และในบางวันมีสามฤดูพร้อมๆกัน เช้าหนาว กลางวันร้อน กลางคืนฝนตก
อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง สัตว์เลือดอุ่นอย่างพวกเรา ต้องปรับตัวกันมากมาย คนที่ภูมิต้านทานแข็งแรงดี ยังสะบัดร้อนสะบัดหนาว ปวดหัวตัวร้อน ส่วนคนที่ภูมิต้านทานต่ำ เช่นผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย ล้มตายคล้ายใบไม้ร่วง ศาลาไม่เคยว่างเว้น
สังคมที่ฉันอาศัยอยู่เป็นสังคมเล็กๆใครเกิดใครเจ็บใครตาย เราไม่นิ่งดูดาย ไปเยี่ยมเยียนเป็นกำลังใจกันตลอด จากการไปเยี่ยมไข้ จึงทำให้เห็นแง่มุมใหม่ๆในชีวิต
อาการเหมือนจะขาดอากาศหายใจที่เกิดจากแพนิค คงไม่แตกต่างจากคนที่กำลังยื้อยุดอยู่กับความตาย
คืนนั้นฉันจับมือเธอไว้..อยู่เคียงข้างเธอเป็นกำลังใจให้เธอ อยู่เป็นเพื่อนก่อนที่เธอจะก้าวผ่านช่วงเวลาสำคัญ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นแรง ม่านตาขยาย เธอดิ้นรนเพื่อยื้อชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายในห้องไอซียู
เห็นเธอกระสับกระส่ายเพื่อยื้อลมหายใจสุดท้าย จึงกระซิบบอกกับเธอว่า
จงผ่อนคลายๆๆๆคิดถึงคุณพระไว้
สัมมาอะระหัง
.สัมมาอะระหัง
เธอสงบลง...ปิดสวิทซ์ด้วยความสงบ
จากวันนั้นฉันจึงได้พบว่า
ตัวเองนั้นมีค่าเพียงใด ฉันยังสามารถทำประโยชน์ให้แก่โลกใบนี้ได้ การเป็นแพนิคในครั้งนั้น
คิดเสียว่าเป็นการซ้อมตาย แต่ไม่ต้องรีบตายก็แล้วกัน ฮา ฮา
แอมอร
Create Date : 19 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 19 ตุลาคม 2556 22:45:55 น. |
|
59 comments
|
Counter : 2662 Pageviews. |
|
|
ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร
นอกจากสติแล้วต้องพกขันติประจำกายใจไว้ตลอดเวลา
จึงจะสำเร็จในทุกสัมมากิจที่ปรารถนาทุกประการ
ขอความสุข สวัสดีจงมีแก่เพื่อน ๆ ทุกท่าน...ค่ะ
อ่านแล้วตื่นเต้นค่ะ
ไลค์และโหวตให้คุณแอมนะคะ