1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
Organization Management
การบริหารองค์การ (Organization Management) การบริหารองค์การคืออะไร? Harold Koontz กล่าวว่า การบริหารคือ การออกแบบและการรักษาสภาพแวดล้อมให้กลุ่มบุคคล หรือกลุ่มผู้ทำงานร่วมกันสามารถร่วมกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ Perter Drucker กล่าวว่า การบริหารคือ ศาสตร์และศิลปะ ในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่วางไว้โดยอาศัยฝีมือบุคคลอื่นระดับชั้นการบริหาร 3 ระดับ 1. ผู้บริหารระดับสูง (Top Management) 2. ผู้บริหารระดับกลาง (Middle Management) 3. ผู้บริหารระดับต้น (First Level Supervisor)ทักษะการบริหาร (Managerial Skills) Robert L. Katz ได้จำแนกทักษะทางการบริหารไว้ 3 ประเภท 1. ทักษะการช่าง (Technical Skill) 2. ทักษะในเรื่องของคน (Human Skill) 3. ทักษะความคิดเชิงวิเคราะห์ (Conceptual Skill) Harold Koontz ได้เพิ่มเติมทักษะที่ 4 ไว้ในทฤษฎีของ Katz ดังนี้ 4. ทักษะการแก้ปัญหา (Design Skill)หน้าที่ของการบริหาร (Management Functions) ผู้บริหารจะต้องปฏิบัติหน้าที่เบื้องต้นที่สำคัญ 5 อย่าง คือ1. การวางแผน (Planning) การวางแผนเป็นการกำหนดภารกิจขององค์การ (Mission) วัตถุประสงค์ (Objective) และวิธีดำเนินการในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจ และบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้กระบวนการวางแผนประกอบด้วยขั้นตอน 8 ประการ คือ 1. การตระหนักถึงโอกาส 2. การกำหนดวัตถุประสงค์ 3. พิจารณากรอบการใช้แผนงาน 4. กำหนดทางเลือกของแผน 5. เปรียบเทียบทางเลือก 6. เลือกทางเลือก 7. กำหนดแผนสนับสนุน 8. กำหนดงบประมาณการพิจารณาเงินทุนและทรัพยากรที่ต้องใช้2. การจัดองค์การ (Organizing) ผู้บริหารจะต้องสร้างองค์การที่เป็นทางการขึ้นมา ที่เขาและพนักงานคนอื่นๆ จะต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่กิจกรรมดังกล่าวช่วงการควบคุม (Span of Control) ช่วงการควบคุมหรือช่วงการบังคับบัญชาเป็นการพิจารณาว่าผู้บริหาร 1 คนควรมีผู้ใต้บังคับบัญชากี่คนจึงจะเหมาะสมกับลักษณะงานนั้น โดยทั่วไปแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ1. ช่วงของการควบคุมที่แคบ ข้อดี 1. การกำกับดูแลงานใกล้ชิด 2. ควบคุมได้ใกล้ชิด 3. การสื่อสารรวดเร็วระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาข้อจำกัด 1. ผู้บังคับบัญชามีแนวโน้มที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของผู้ใต้บังคับบัญชามาก 2. ก่อให้เกิดระดับชั้นของฝ่ายบริหารมาก 3. มีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากมีลำดับชั้นมาก 4. ก่อให้เกิดความห่างเหินระหว่างระดับสูงและระดับล่างได้ง่าย2. ช่วงการควบคุมที่กว้าง ข้อดี 1. ผู้บริหารจำเป็นต้องกระจายงาน 2. จำเป็นต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจน 3. ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องมีความสามารถสูงข้อจำกัด 1. ก่อให้เกิดปัญหาที่ผู้บริหารต้องตัดสินใจปัญหาแทบทุกเรื่อง 2. เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย 3. ผู้บริหารต้องมีความรอบรู้มากการจัดแผนกงาน (Departmentation) 1. การจัดในแผนกงานตามหน้าที่หลัก (Departmentation by Function) การจัดกลุ่มงานตามหน้าที่หลัก เช่น ฝ่ายการตลาด ฝ่ายการเงิน ฝ่ายการผลิตข้อดี ของการจัดแผนกงานตามหน้าที่หลัก คือ เป็นการส่งเสริมให้เกิดความชำนาญเฉพาะด้านได้ง่ายข้อจำกัด คือ หากมีสินค้าที่หลากหลาย อาจไม่สามารถตอบสนองต่อตลาดต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ 2. การจัดแผนกงานตามสายผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Department by Product or Service) เป็นการจัดแผนกงานตามประเภทสินค้าหรือบริการ 3. การจัดแผนกงานโดยลูกค้าหรือที่ตั้งสาขา (Department By Customer or Location) ข้อดี คือ สามารถปรับตัวให้เข้ากับท้องถิ่นได้ดีกว่า 4. องค์การแบบเมทริกซ์ (Matrix Organization) เป็นโครงสร้างแบบผสมระหว่างโครงสร้างตามหน้าที่หลักและโครงสร้างตามสายผลิตภัณฑ์3. การจัดคนเข้าทำงาน (Staffing) - การจัดหาบุคคล (Staffing) - การสรรหา (Recruiting) - การคัดเลือก (Selecting) - การฝึกอบรม (Training) - - การพัฒนา (Developing)1. การสรรหา (Recruiting) เป็นการแสวงหาและการจูงใจบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งที่ว่างเพื่อให้มารับการคัดเลือก 1.1 ระบบการสรรหาบุคคล (Recruitment System) มี 2 ระบบ . (1) ระบบอุปถัมภ์ (Patronage System) เป็นการสรรหาบุคคลเข้าทำงานโดยไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับความรู้ความสามารถของผู้สมัคร . (2) ระบบคุณธรรม (Merit System) เป็นการสรรหาบุคคลเข้าทำงานโดยการพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ 1.2 กระบวนการในการสรรหาบุคคล (Recruitment Process) มี 9 ขั้นตอน ดังนี้ . (1) องค์การต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณชน . (2) องค์การต้องกำหนดเกณฑ์ในการรับ . (3) การพิจารณาจากใบขอเพิ่มพนักงานของหน่วยงานหรือแผนก . (4) การประกาศรับสมัครโดยการลงหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือติดประกาศตามสถานที่ต่างๆ . (5) การรับสมัคร . (6) การคัดเลือก . (7) การตรวจสอบรายละเอียดของผู้สมัครอีกครั้ง . (8) การตัดสินใจผลคัดเลือก . (9) การรับคนเข้าทำงาน2. การคัดเลือก (Selecting) 2.1 การคัดเลือกบุคคล (Selection) : การจัดบุคลากรให้เข้ากับงาน (Matching the person with the job) 2.2 ระบบการคัดเลือก (System approach to selection) 2.3 ความต้องการตำแหน่งและการออกแบบงาน (Position requirements and job design) 2.4 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการวางแผน (Factors influencing job design) 2.5 ทักษะและคุณสมบัติส่วนบุคคลที่ผู้บริหารต้องมี (Skills and personal characteristics need by managers) เพื่อความสำเร็จขององค์การ ผู้บริหารระดับสูง (Top management) จะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะทางด้านความคิด (Conceptual skills) ผู้บริหารระดับกลาง (Middle management) ต้องเป็นผู้ที่มีทักษะทางด้านเทคนิคในการทำงาน นอกจากนั้นผู้บริหารจะต้องมีลักษณะส่วนตัวที่สำคัญอีกหลายประการ ดังนี้ 1. มีความปรารถนาที่จะบริหารงาน (Desire to manage) 2. มีความสนใจในการสื่อสารและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Communication skill and empathy) 3. มีความซื่อตรงและซื่อสัตย์ (Integrity and honesty) 4. มีประสบการณ์การทำงานในฐานะผู้บริหาร (Past performance as a manager)ผู้บริหาร คือ บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบงานที่ปฏิบัติโดยบุคคลอื่นที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาหน้าที่ของผู้บริหาร คือ การทำงานให้สำเร็จโดยใช้บุคคลอื่น4. การสั่งการ (Directing) ทักษะที่สำคัญ 3 ประการ ในการทำให้การสั่งการของผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพ 1. การสื่อสาร 2. การจูงใจ 3. ภาวะผู้นำ5. การควบคุม (Controlling) การควบคุม ก็คือ การประเมินผลการดำเนินงานต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนและเป้าหมายที่ได้วางไว้ ซึ่งจะประกอบขึ้นด้วย 4 ขั้นตอน คือ 1. กำหนดมาตรฐานของผลงาน 2. วัดค่าผลงานจริง 3. เปรียบเทียบผลงานจริงกับมาตรฐาน 4. มีการแก้ไขปัจจัยสู่ความสำเร็จที่สำคัญ (Key Success Factor : KSF) or (Critical Success Factor : CSF) เป็นการวิเคราะห์หาสภาพแวดล้อมภายนอก ระดับมหภาค (STEPG) & จุลภาค (5 Forces) และเน้นไปที่.... 1. พฤติกรรมผู้บริโภค 2. กลยุทธ์คู่แข่งขัน 3. ธรรมชาติของธุรกิจ โดยจะคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้สังคมวัฒนธรรม (Social & Culture) 1. ค่านิยม+ทัศนคติของสังคม 2. วิถีการดำรงชีวิต 3. ลักษณะองค์ประกอบของประชากรและแรงงาน 4. จรรยาบรรณทางการทำงาน 5. การนับถือศาสนา 6. ทัศนคติของสังคมต่ออุตสาหกรรม 7. ลักษณะทางสถานภาพ เทคโนโลยี (Technology) 1. การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ 2. การพัฒนาทางเทคโนโลยี . 2.1 ของอุตสาหกรรม . 2.2 ของอุตสาหกรรมทดแทนเศรษฐกิจ (Economic) 1. แนวโน้มของเศรษฐกิจทั้ง ภายใน-ภายนอกประเทศ 2. การปล่อยสินเชื่อ 3. รายได้ประชาชาติ 4. รายจ่ายประชาชาติ 5. อัตราดอกเบี้ย+อัตราเงินเฟ้อ 6. การกระจายรายได้ของประชากร 7. การออมทรัพย์ 8. การว่างงาน 9. ภาวะการลงทุน 10. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา 11. ระดับค่าจ้าง+เงินเดือน 12. อัตราภาษีอากรการเมืองและกฎหมาย (Political) 1. กฎหมาย + ข้อบังคับของรัฐบาล 2. อุดมการณ์ทางการเมืองของรัฐบาล 3. ทัศนคติของพรรคการเมืองต่ออุตสาหกรรมต่างๆสภาพภูมิศาสตร์ (Geographic) 1. ภูมิประเทศ 2. ภูมิอากาศสภาพแวดล้อมของการแข่งขันในอุตสาหกรรม (5-Forces) 1. คู่แข่งปัจจุบัน (Rivalry) 2. คู่แข่งขันหน้าใหม่ (New Potential Entrant) 3. สินค้าทดแทนคู่แข่งขันข้ามสนาม (Substitute) 4. ลูกค้า (Buyer) 5. ผู้ป้อนเงิน/วัตถุดิบ (Supplier) ตัวอย่าง KSF ของ...ร้านอาหารทั่วไป 1. รสชาติ = กุ๊ก 2. ความสะอาด สุขอนามัย 3. ที่จอดรถ 4. การบริการ 5. ทำเล 6. การตกแต่งบรรยากาศ KSF ของ Supermarket 1. Location 2. ราคาต่ำ 3. ความสะอาด 4. สถานที่จอดรถยนต์ที่เพียงพอ 5. ความสะดวกและความทันสมัย 6. สินค้าคงเหลือที่เพียงพอ 7. การบริการรวดเร็ว ตัวอย่าง KSF ของสถาบันศึกษาระดับอุดมศึกษา 1. เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย 2. เป็นที่ยอมรับในด้านวิชาการ 3. คุณภาพบัณฑิตเป็นที่ยอมรับ 4. อาจารย์และบุคลากรมีคุณภาพ 5. เทคโนโลยี/โสตทัศนูปกรณ์ 6. ทำประโยชน์เพื่อสังคม 7. มีสาขาวิชาหลากหลาย KSF ของธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ 1. ความสะดวกสบาย 2. แบบที่ดึงดูด 3. ราคาที่แข่งขันได้ 4. ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี 5. บริการหลังการขาย 6. ประหยัดน้ำมัน 7. คุณภาพเทคโนโลยี ความปลอดภัย 8. การโฆษณาสร้าง Brand KSF ของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการผลิต 1. คุณภาพที่ดี 2. ความยืดหยุ่นในระบบการผลิต 3. ระบบการจัดการที่ดี 4. ต้นทุนต่ำ 5. เทคโนโลยีที่ทันสมัย 6. เงินทุน 7. รักษาสภาพแวดล้อม KSF ของอุตสาหกรรมเซรามิก 1. คุณภาพที่ดี 2. ความยืดหยุ่นในการผลิต 3. ระบบการจัดการที่ดี 4. เทคโนโลยีที่ทันสมัย 5. ศิลปะการออกแบบที่ดี 6. การแสวงหาตลาดใหม่ๆ KSF ของอุตสาหกรรมอัญมณี 1. ความน่าเชื่อถือ 2. การออกแบบ ดีไซน์ 3. การบริการก่อนและหลังการขาย 4. การแสวงหาตลาดใหม่ๆ KSF ของปั๊มน้ำมันค้าปลีก 1. ความเชื่อมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์ 2. ความสะอาด 3. ต้นทุนต่ำ 4. เงินทุน 5. ความปลอดภัย 6. ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 7. ทำเล หรือ ช่องทางการจัดจำหน่าย 8. การบริการ หรือส่งเสริมการขายSWOT S = Strength จุดแข็ง จุดแข็งที่เป็นพลัง ภายในองค์การ ในการส่งเสริมให้องค์การสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ หรือ สามารถแข่งขันได้ในธุรกิจอุตสาหกรรมเดียวกันW = Weakness จุดอ่อน คือส่วนของภายในองค์การที่เป็นข้อด้อย ข้อจำกัด ในการแข่งขัน หรือเป็นจุดที่บั่นทอนการบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ จุดแข็ง จุดอ่อน ประเมินจากศักยภาพภายในองค์กร ได้แก่ 5Ms 1. Man พนักงาน . - ระดับความรู้ . - ความชำนาญ . - อัตราเข้าออก . - อายุบริษัท . - อายุงาน 2. money สถานะทางการเงิน . - สินทรัพย์ . - หนี้สิน . - สภาพคล่อง . - เงินทุนหมุนเวียน 3. Machine การผลิต . - ประสิทธิภาพความยืดหยุ่นของคนกับเครื่องจักรเป็นอย่างไร . - ขีดความสามารถสูงสุดของกำลังการผลิต . - ความทันสมัยเทคโนโลยีการผลิต 4. Material แหล่งวัตถุดิบ . - คุณภาพสดใหม่ หรือสมบูรณ์ดีหรือไม่ . - มีการกระจายแหล่งซื้อวัตถุดิบมากแค่ไหน . - ความเสี่ยงราคาหรือต้นทุน . - ต้นทุนต่ำหรือไม่ 5. Management ระบบการบริหาร . - การกระจายอำนาจ ความคล่องตัว . - ขวัญกำลังใจบุคลากร . - ระบบสวัสดิการ . - สื่อเสียงสะท้อนจากคนภายใน . - ระบบเงินเดือนและค่าตอบแทน . - ระบบข้อมูล ฯลฯ
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2551 14:51:57 น.
1 comments
Counter : 8923 Pageviews.
โดย: cyberman IP: 58.8.234.234 วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:19:29:34 น.
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [? ]
ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544วิทยากรเชิงกิจกรรม วิทยากรกระบวนการ ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การวางแผนกลยุทธ์ วิจัยธุรกิจ IT Dashboard ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด << Main Menu >> ดวงถาวร ดวงตามวันเกิด ดวงตามปีเกิด ;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'
ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong
ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ
การตลาดและการประชาสัมพันธ์
การบริหารทรัพยากรมนุษย์
และ การวางแผนกลยุทธ์
วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ
นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ
Executive & Management Coach
ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>