ของอร่อยไม่จำเป็นต้องยาก
ทฤษฎีข้างบนนี้ คงมีคนคิดได้หลายคน แต่คนที่ทำให้เห็นเป็นจริงเป็นจังมีอยู่หลาย ๆ คน หนึ่งในนั้นคงจะเป็นคุณโอ แม่หญิงแห่งบ้านเนินน้ำ ผู้ซึ่งมีหลายสมญานาม ไม่ว่าจะเป็น คุณโอ เก่งทุกทาง (ไม่ดีนะ เดี๋ยวจะหาว่ามีอะไรกับคุณพิธีกรกีฬาคนนั้น) หรือ ยาก ๆ ไม่ ง่าย ๆ ทำ
เค้กแอ๊ปเปิ้ลใส่ลูกพรุนสูตรนี้ก็เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งค่ะ
เราทำเค้กนี้สองสามรอบแล้ว ด้วยความอร่อยและง่าย รูปเซ็ทแรก ๆ สีดราม่าได้ใจมาก ๆ เพราะเป็นแสงกลางคืนแบบขี้เกียจใช้ขาตั้งและแฟลช
ขอเอาสูตรมาแปะไว้ตรงนี้อีกทีละกัน แต่เราปรับนิด ๆ หน่อย ๆ พอตามกิเลสของตัวเองค่ะ
ส่วนผสม
สู่ตรนี้ได้เค้กขนาด 3 ปอนด์นะคะ เป็นครั้งแรกที่ทำสูตรคุณโอแล้วไม่ต้องเบิ้ลสูตร ฮ่ะๆๆๆ
แป้งเค้ก 200 กรัม
ผงฟู 2 ช้อนชา
เนยสด (เราใช้เนยจืด) 250 กรัม
ดอกเกลือ 1/4 ช้อนชา
วานิลลาเอ็กซ์แทรค 1 ช้อนโต๊ะ (ทำเอง ชอบใส่ประโคมเยอะ ๆ )
ไข่ไก่ 5 ฟอง (เราใช้ไข่เบอร์ศูนย์)
แอ๊ปเปิ้ลเขียว ปอกเปลือกหั่นชิ้นบาง ๆ 2-3 ลูก (เราใช้ยี่ห้อคุณยายสมิธ ลูกเล็ก ๆ เลยใช้ 3-4 ลูกค่ะ)
ลูกเกดดำ 100 กรัม
ลูกพรุนหั่น 200 กรัม
เพิ่ม แครนเบอรี่แห้ง 100 กรัม
อัลมอนด์สไลซ์ 100 กรัม (ตรงนี้ไม่ใด้ชั่งค่ะ กะ ๆ เอา ปริมาณตามชอบนะคะ)
ซินนาม่อน หรืออบเชยป่น นิดหน่อย (ไม่ค่อยโปรดกลิ่นอบเชยแรง ๆ เท่าใดค่ะ)
ลูกเกดใหญ่ยักษ์แต่ขี้เกียจหั่นค่ะ
วิธีทำ
- เตรียมพิมพ์เค้ก 3 ปอนด์ ทาเนยบาง ๆ ปูกระดาษไขแล้วทาเนยทับอีกรอบ โรยแป้งบาง ๆ
- อุ่นเตาอบให้ได้อุณหภูมิ 180 องศาซี
- ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูรวมกันสักสองรอบ พักไว้
- เตรียมแอ๊ปเปิ้ลเขียว ปอกเปลือกหั่นชิ้นบาง ๆ เราแช่ในน้ำมะนาวพักหนึ่งก่อนจะสงขึ้นผึ่งให้แห้งก่อนใช้
หั่นเป็นชิ้นบาง นี่อย่างบางของเราแล้วนะค้า
- ลูกพรุนแห้ง หั่นครึ่ง เตรียมไว้ โรยแป้งบาง ๆ นิดหน่อยก็ดีค่ะ จะได้ไม่จมลงในเนื้อเค้ก ถ้าใส่ลูกพรุนลงไปด้วย ไม่ได้โรยหน้าอย่างเดียว ทำแบบนี้กับลูกเกดและแครนเบอรี่แห้งด้วย
- น้ำตาลทรายแบบไม่ฟอกสี เอ๊ะ หรือจะเป็นน้ำตาลแร่ เราชอบใช้น้ำตาลทรายแบบนี้ หอมดีค่ะ
- เนยเย็น ๆ ใส่รวมกับเกลือในโถผสม ตีด้วยหัวใบไม้ สปีดปานกลาง จนเนยกระจายตัว ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีต่อจนขึ้นฟูดี เนยจะเปลี่ยนสีอ่อนลง ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ใช้พายยางปาดก้นโถผสมขึ้นมาด้วยเป็นครั้งคราว
- เราใช้วิธีตอกไข่ทั้งหมดรวมกันในถ้วยทรงสูงมีปากสำหรับเท รวมกับวานิลลา คน ๆ ด้วยตะกร้อมือเล็ก ๆ พอให้ไข่แตก แล้วค่อย ๆ เทลงไปตีรวมกับเนย คอยดูให้ส่วนของไข่ไม่เห็นเป็นน้ำเหลว จึงค่อยเติมครั้งต่อไป หลังจากใส่ไข่ทั้งหมดแล้ว ตีต่อด้วยความเร็วปานกลางอีก 2-3 นาที ให้ส่วนผสมเข้ากันเนียน
- ลดความเร็วลงเป็นสปีด stir หรือจะหยุดเครื่อง แล้วทะยอยใส่แป้งที่ร่อนรวมกับผงฟูเอาไว้ลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำสุด พอไม่เป็นผงแป้งก็ใส่ต่อ จนหมด
จากนั้น หยุดเครื่องได้เลยค่ะ นำออกมาโฟลด์ต่อด้วยมือ ใส่ส่วนผสมของแอ๊ปเปิ้ล ลูกพรุนหั่น ลูกเกด และแครนเบอรี่แห้งลงไป ผสมจนเข้ากันดี
อย่าลืมแบ่งแอ๊ปเปิ้ล ลูกพรุน และผลไม้แห้งเอาไว้โรยหน้าด้วยนะคะ
- ได้ส่วนผสมมาแบบนี้ ตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้
ตอนทำครั้งแรก เราใช้พิมพ์ปล่อง ไม่ต้องปูกระดาษไขเพราะเป็นเทฟลอน เค้กสุกง่ายเพราะมีปล่องกระจายความร้อน แต่ตอนคว่ำเค้กออกมาจะยากหน่อย เพราะไอ้เจ้าปล่องนี่แหละค่ะ จะทิ้งเค้กไว้ในพิมพ์นานก็เกรงว่าก้นเค้กจะแฉะ คว่ำตอนร้อน ๆ ก็เสี่ยงเค้กแบะเป็นสองซีก (เคยทำได้มาแล้วนะเออ)
ครั้งหลัง ๆ เลยใช้พิมพ์กลมธรรมดา ๆ ไม่ค่อยล่อแหลมค่ะ
จะธรรมดาไปก็ไม่ได้นาน จับใส่พิมพ์หัวใจซะหน่อยนะคะ
โรยหน้าแบทเทอร์เค้กด้วยแอ๊ปเปิ้ลหั่น ลูกพรุน และอื่น ๆ ตามด้วยอบเชยป่น
ตามตำรา เขาจะใช้อัลมอนด์สไลซ์ แต่ทำรอบสองไม่มีอัลมอนด์สไลซ์ ใช้อัลมอนด์สติ๊กแทนค่ะ
จะว่าไปก็ดีไปอย่าง เพราะเค้กนี้ใช้เวลาอบค่อนข้างนาน อัลมอนด์สไลซ์จะเกรียมมากไปหน่อย แต่ก็กรอบอร่อยทั้งสองแบบแหละค่ะ
เราใส่ผลไม้แห้งโรยหน้าเยอะเลยค่ะ ชอบ
แอบมีเหลือมาออกลูกเป็นแบบคัพอีกสองถ้วย
- ส่งเข้าอบในเตาที่อุณหภูมิคงที่แล้ว ใช้เวลาประมาณ 25-30 นาที หรือจนกว่าจะใช้ไม้แหลม ๆ ทดสอบจิ้มลงไปตรงกลางเค้กแล้วไม่มีอะไรติดขึ้นมา ก็ใช้ได้ค่ะ
เค้กหอมหวนยวนใจเป็นอันมากตอนอบสุกใหม่ ๆ
แต่ยังกินไม่ค่อยอร่อยหรอกค่ะ ตอนแรก
จะให้ดี ควรจะพักเค้กทิ้งไว้สักหนึ่งวัน หรือหลายชั่วโมงหน่อย เนื้อเค้กจะชุ่มฉ่ำ ได้รสของผลไม้สด และผลไม้แห้งออกมาผสมผสานกับเนื้อบัตเตอร์เค้ก ตัดกับความกรอบหอมของอัลมอนด์ที่โรยหน้า พร้อมด้วยกลิ่นซินนาม่อนจาง ๆ อร่อยมากค่ะ
เป็นขนมที่ทำง่ายจริง ใช้เวลาน้อย ส่วนผสมและขั้นตอนไม่ยุ่งยาก
อร่อยเกินตัวจริง ๆ
ขอบคุณคุณโอมาก ๆ สำหรับสูตรอร่อยที่เอามาแบ่งปันนะคะ
มาดูรูปเค้กสีดราม่ากันหน่อย
เซ็ทที่ทำรอบแรกค่ะ ยังมีอัลมอนด์สไลซ์อยู่นะตอนนั้น ทำเสร็จตอนกลางคืน
แถมยังตัดเค้กตอนที่เสร็จใหม่ๆ ด้วย เค้กยังไม่บ่มตัวดีเลย
..ก้อมีคนอยากชิมนี่นา...
ก็เอาเถอะนะ ทำขนมต่าง ๆ นานา ก็เพื่อสนองความอยากทำของตัวเองแล้ว
หากว่ามีคนประสงค์อยากจะชิม ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่สมบูรณ์ตามที่ควรจะเป็น ก็ตามใจไปดีกว่า
ดีกว่าทำออกมาเพอร์เฟ็คทุกอย่างแล้วไม่มีใครอยากกิน
แบบนั้นเศร้าใจกว่าแยะเลย
เนอะ..
ขอให้มีความสุขกับการทำขนมอร่อยที่มีคนในบ้านอยากกิน และชอบกินนะคะ มันจะกลายเป็นแรงกดดัน หรือแรงบันดาลใจก็แล้วแต่ผู้ทำจะเลือกเอง
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้เสมอค่ะ