ขนมหวาน เย็นก็ได้ ร้อนก็ดี
เชื่อไหมว่า เราไม่เคยซื้อเต้าทึงกินเลย จนอายุปูนนี้แล้ว (ห้ามถามว่าปูนไหนนะคะ)
ยิ่งบ็อกเกี่ย โบ๊กเกี้ย แล้วแต่จะเรียก ที่ทำจากแป้งเหนียว ๆ ขาว ๆ ที่เขาใส่ด้วยกันบางร้าน ยิ่งไม่เคยคิดอยากกิน
ทั้ง ๆ ที่คนรอบตัวชอบกินกัน
บางครั้ง แค่ภาพภาพเดียว หรือประโยคประโยคเดียว ก็ทำให้เกิดความอยากทำ หรืออยากกินขึ้นมาได้เหมือนกัน แปลกใจตัวเอง อย่างเช่นมีอยู่วันหนึ่ง เข้าไปดูที่บ้านสาวเมืองนิวซีแลนด์ คนนี้
แล้วเลยเกิดกิเลส อยากปั้นเจ้าหนมเหนียว ๆ นี่เล่นกะเค้าบ้าง
เราเป็นคนมีจุดอ่อนตรงนี้แหละ เห็นขนมอะไรที่มันต้องปั้น ต้องห่อ หรือละเลง เป็นเรียกความสนใจได้ทันที เพราะมันน่าสนุกจริง ๆ
ทั้ง ๆ ที่บางทีก็ไม่ได้ชอบกินขนมแบบนั้นสักเท่าไหร่
กลายเป็นคนเลือกทำขนมด้วยเหตุผลของความอยากทำ ไม่ใช่อยากกินเป็นหลัก
พิลึกคนไหมคะ
อาจจะมองหาโบ๊กเกี่ยไม่เจอ เพราะเราไม่ได้ทำเป็นเชฟเรียวแหลมแบบคุณเค็งค่ะ
ตอนแรกพยายามจะทำให้เป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ เหมือนที่เคยเห็นร้านขายเต้าทึง โบ๊กเกี่ยทำ
แต่มันไม่ค่อยจะสำเร็จ
ผลจากการอยากเล่นทำโบ๊กเกี๋ย ทำให้เราชอบกินขนมชนิดนี้ขึ้นมาอย่างหลงใหล กินได้กินดี กินทุกวัน แถมเสิร์ฟกันทีละชามใหญ่มโหฬาร ถ้วยขนมบ้านนี้ไม่มีไซส์แบบจุ๋มจิ๋มน่ารักเลยค่ะ
เหมือนเสพติดขนมเต้าทึงยังไง ยังงั้น
อาจจะเป็นเพราะมันมีส่วนผสมที่ชอบกินหลาย ๆ อย่าง ที่ไม่คิดจะเอามารวมกัน (บอกแล้วว่าไม่เคยซื้อเต้าทึงกิน) แล้วออกมาเป็นขนมหลายรสสัมผัสที่เข้ากันได้ กินแล้วรู้สึกดี เหมือนร่างกายเราจะบอกว่า ชอบจังเลย
ต่างจากการกินขนมบางอย่าง ที่แม้เราจะชอบ กินเข้าไปแล้ว ร่างกายมันจะบ่น ๆ รำคาญ หรือหงุดหงิด เพราะไม่ชอบ
เคยบอกเด็กผู้ชายที่บ้าน เวลาเขาเลือกที่จะไม่กินอาหาร พืชผักบางอย่าง ว่า การกินอาหารของคนเรา ส่วนหนึ่งไม่ใช่กินเพื่อสนองความอร่อยอย่างเดียว แต่ต้องกินให้ครบ เพราะร่างกายเราจะบอกว่าต้องการ กินแล้วจะรู้สึกดี ไม่ใช่แค่อร่อยปากเฉย ๆ
ดีที่เจอขนมแบบนี้ กินอร่อยและรู้สึกดี ถึงจะกินเยอะไปหน่อย ก็ไม่ค่อยรู้สึกผิด
มาเริ่มทำกันดีกว่านะคะ
ขอขอบคุณสูตรและวิธีทำจากคุณเค็ง ณ นิวซีแลนด์ มา ณ ที่นี้ด้วยค้า..
ส่วนผสม
เราทำทีนึง กินไปได้เป็นอาทิตย์นะคะ ใครไม่อยากเสพติด ก็ลดปริมาณลงเอาเอง แล้วแต่จะชอบอะไร ไม่ชอบอะไรค่ะ
ส่วนของบ็อกเกี่ย
ตามคุณเค็งเป๊ะเลยค่ะ เราทำเป็นบ็อกเกี่ยใบเตย
แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวจ้าว 1/2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
น้ำใบเตยคั้น 1 ถ้วยตวง
วิธีทำตัวบ็อกเกี่ย
- ผสมแป้งทั้งสามชนิดเข้าด้วยกัน ทำหลุมตรงกลางแป้งรอไว้
- เอาน้ำใบเตยคั้นเข้าไปอุ่นให้เดือดด้วยไมโครเวฟ เทลงในชามแป้งที่ผสมกัน ใช้พายคน ๆ ให้เข้ากัน
- พักไว้พออุ่น นวดให้แป้งเนียนเข้ากัน
ตรงนี้ เราพบว่าแป้งมันเหนียวติดมือนุงนัง ไม่แน่ใจว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า แต่ก็ใช้แป้งมันสำปะหลังมาเป็นนวลช่วยแยะ ๆ ก็พอนวดต่อได้
- ปั้นเป็นเส้นยาวตามชอบ
- ตั้งน้ำในกะทะใบใหญ่ ๆ ให้เดือดจัด ใส่แป้งที่ปั้นเอาไว้ลงไปต้ม พอแป้งลอยขึ้นมา ให้ต้มต่ออีกสัก 3 นาที จนกว่าแป้งจะสุกดี
- ตักขึ้นใส่ในชามน้ำเย็นจัด ๆ ล้าง ๆ จนตัวแป้งเย็น สรงขึ้นใส่กระชอน
ตรงนี้ เราจับใส่ในน้ำเชื่อมใส ๆ ค่ะ พักไว้
เราทำน้ำใบเตยโดยใช้ใบเตย 4-5 ใบ มาปั่นกับน้ำ แล้วกรองให้ได้ 1 ถ้วย
พอเทน้ำเดือด ๆ ลงในแป้งแล้วใช้พายคน ๆ พักให้หายร้อนจัดก่อน สีจะเขียวได้ประมาณนี้
หอมใบเตยมาก
ขั้นตอนการปั้นไม่มีรูปนะคะ มือเลอะเทอะมาก ๆ เลย
มาทำเครื่องเต้าทึงกันดีกว่า
ส่วนผสม
ถั่วทองหรือถั่วเขียวลอกเปลือก 200 กรัม
ถั่วแดงเม็ดเล็ก 250 กรัม
ลูกเดือยกล้อง 250 กรัม
เม็ดบัวแห้ง 100 กรัม
เม็ดแปะก้วย 300 กรัม
พุทราจีนเชื่อม 200 กรัม
ลำไยแห้ง 200 กรัม
น้ำตาลทรายแดง
น้ำตาลทรายแร่ หรือน้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
วิธีทำ
- เริ่มจากนำเม็ดแปะก้วยไปคั่วในกะทะด้วยไฟกลาง ค่อนไปทางอ่อน ๆ ใช้เวลาคั่วสักครู่พอให้เม็ดแปะด้วยร้อน จะทำให้แกะเปลือกง่ายขึ้น
- พอเม็ดแปะก้วยเย็นตัวลง เราใช้ฆ้อนเล็ก ๆ เคาะเบา ๆ ตรงด้านที่เป็นสันแหลม ๆ แกะเอาแต่เนื้อ
- จากนั้น ต้มน้ำให้เดือด นำเม็ดแปะก้วยไปต้มให้สุก เทน้ำร้อนออก ผ่านน้ำเย็นสักครู่ให้พออุ่น ๆ จะลอกเปลือกสีน้ำตาลชั้นในออกได้ง่าย
- ถั่วทอง แช่น้ำอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง แล้วนำไปนึ่งให้สุก ไม่ต้องให้สุกนิ่มมากเท่ากับจะเอาไปกวนนะคะ
- แช่ถั่วแดงค้างคืน แล้วต้มให้สุกนิ่ม
- ต้มลูกเดือยให้สุกนุ่ม เราใช้ลูกเดือยกล้องค่ะ รู้สึกว่ารสชาดดีกว่าแบบขัดขาว
- สำหรับเม็ดบัวเชื่อม ต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เม็ดบัวแห้งลงไป ต้มในน้ำเดือด 15 นาที ยกลงทิ้งให้ระอุอยู่ในน้ำ จนหายร้อน เม็ดบัวจะนุ่มกำลังดี
- เตรียมน้ำเชื่อมสำหรับแปะก้วย และสำหรับเชื่อมลูกบัว เราใช้น้ำตาลทรายแร่ หรือน้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
สัดส่วนของน้ำเชื่อมแปะก้วย ประมาณ น้ำ 4 ถ้วย ต่อน้ำตาลทราย 1 ถ้วยหรือมากกว่า แล้วแต่ความชอบ สำหรับลูกบัว เตรียมต้มน้ำเชื่อมให้เข้มข้นกว่าแปะก้วย ประมาณ น้ำ 3 ถ้วย ต่อน้ำตาล 1 1/2 ถ้วยค่ะ
- พอน้ำเชื่อมเดือด ลดไฟลง เคี่ยวให้น้ำเชื่อมงวดลงเล็กน้อย จึงค่อยใส่แปะก้วยที่ต้มแล้วลงไป ต้มต่อไปสัก 15 นาที ถ้าต้มนานมาก เม็ดแปะก้วยจะโดนน้ำตาลรัดตัวมากไป จะทำให้แข็ง ไม่อร่อย
- สำหรับการเชื่อมเม็ดบัว เคี่ยวน้ำเชื่อมให้มีความข้นเล็กน้อย ใส่เม็ดบัวที่สุกนุ่มแล้วลงไปเชื่อมสักครู่
- สำหรับน้ำหวานของเต้าทึง เราใช้ลำไยอบแห้ง(แบบที่ใช้กินเล่น จะดีกว่าแบบที่ใช้ทำน้ำลำไยนะคะ) ต้มในน้ำเดือด พอลำไยพองตัว เติมน้ำตาลทรายแดง ชิมดูตามชอบ แต่ควรจะออกหวานเพราะต้องเผื่อใส่น้ำแข็งค่ะ
- พุทราจีนเชื่อม เราใช้แบบที่เขาเชื่อมมาให้เรียบร้อยแล้ว นำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามชอบ
ได้เวลารวมพลแล้ว
- ตักเครื่องทุกอย่างที่เตรียมไว้ ใส่ลงในชาม
- ใส่แปะก้วย เม็ดบัว บ็อกเกี่ย(หาเจอไหมเนี่ย) ตามด้วยน้ำลำไย และพุทราเชื่อม
ถ้าใครชอบแบบเย็น ก็เติมน้ำแข็งได้
หรือถ้ากินแบบเต้าทึงร้อน ก็อาจจะเติมน้ำร้อนได้นิดหน่อย ถ้าคิดว่ามันหวานไป
อร่อยมากค่ะ ชื่นใจ หอมน้ำลำไย และได้รสชาดของธัญพืชต่าง ๆ ที่เราใส่
รอบหลังที่ทำ เราเพิ่มข้าวบาร์เลย์ต้มอีกหนึ่งอย่าง ก็อร่อยดี
ทำแล้ว กินไม่หมด เก็บแยกเป็นอย่าง ๆ ใส่ตู้เย็นได้ เวลาจะเสิร์ฟ ให้อุ่นอีกครั้งด้วยไมโครเวฟก็ได้ ขอแนะนำว่าควรอุ่น ไม่ว่าจะกินแบบเย็นหรือร้อน
อุ่นให้ร้อน พวกถั่วต่าง ๆ จะนิ่ม ไม่กระด้างนะคะ พักให้เย็นแล้วค่อยใส่น้ำแข็ง อร่อยกว่าออกจากตู้เย็นแล้วใส่น้ำแข็งเลย
เพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมคนถึงชอบกินเต้าทึง มันอร่อยอย่างนี้นี่เอง
ทำไม่ยาก แต่อาจจะเสียเวลาตอนเตรียมเครื่องเคราต่าง ๆ แต่มันอร่อยคุ้มค่าจริง ๆ ค่ะ
ใครจะเพิ่ม ลด หรือปรับเปลี่ยนส่วนผสมอย่างใด ก็แล้วแต่จินตนาการได้เลย
เราพบว่า บางที สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เห็นและทำให้เราสนใจ ก็ทำให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ ถ้าเราไม่มองข้ามมันไป
จะว่าเป็นขนมที่เสียเวลาก็ได้ แต่เราว่า เสียเวลากับเรื่องแบบนี้ ยังสนุกกว่าการเสียเวลากับการใส่ใจเรื่องที่ทำให้ขุ่นมัวตั้งเยอะ
แถมยังได้กินอร่อยด้วยนะ
ขอให้มีความสุข กับการทำขนมที่อยากทำนะคะ
ไม่ว่าจะออกมาดี หรือไม่ดี ก็ยังเป็นการใช้เวลาในแบบที่เราชอบ แค่นั้น ก็น่าจะพอ
ขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่ตรงนี้ค่ะ
ขอชิมก่อนใคร เครื่องครบเชียว อยากกินจังเลยค่ะ
เคยทำเหมือนกัน แต่มั่วขนาดเลย ไม่มีอะไรตั้งหลายอย่าง
กินเอาหวานๆแก้ร้อน