1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
ตะลุย 50 อัลบัมเพลงแจ๊สตามอำเภอใจ (จบ)
25. Jackie Ryan You and the Night and the Music (Openart) แจ็กกีเป็นนักร้องเลือดแท้พันธุ์ดีที่มีคุณค่าเทียบเคียงกับ เดอะ ทริปเปิลคราวน์ คู่แข่งของแซสซีผู้ซุกซน ซาราห์ วอห์น, นักร้องผู้ปราดเปรื่องโดยสัญชาติญาณ คาร์เมน แม็กเร และเพชรเม็ดงามที่เปล่งประกายแวววับอย่าง ไดอานา ครอล 24. Stefano Battaglia Re:Pasolini (ECM) ความซาบซึ้งในการแสดงแต่ละครั้งที่ค่อนข้างจะเคร่งขรึมของสเตฟาโน กับความมีชีวิตชีวาที่ทำให้คุณจดจ่ออยู่กับดนตรีของเขาได้ แม้ว่ามันจะล่องลอยสร้างความเยือกเย็น 23. Ron Carter Dear Miles (Blue Note) งานทริบิวต์ที่เกินกำหนดจากมือเบสสูงวัยให้กับบุคคลที่สร้างเขาขึ้นมา รอนเดินเบสรสชาติด้วยฝีมือเอกลักษณ์แบบเก่า ในขณะที่มือเพอร์คัสชัน โรเบิร์ต ควินเทโร ก็สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับบทเพลงเก่าๆ 22. Kurt Elling Night Moves (Blue Note) เป็นอีกสิ่งมหัศจรรย์ในการสร้างสรรค์ที่ยากนักจะเกิดขึ้น เมื่อมันสมอง, เครื่องใน และความอยากรู้อยากเห็นมันเดินทางมาบรรจบกัน 21. John Scofield This Meets That (Emarcy) ดุเหมือนจอห์น สโคฟิลด์จะไม่เคยเอาโพสต์บ็อปปราดเปรื่องของเขา มาปะทะกับความรักในดนตรีป๊อปและโซลในยุคเบบี บูมของตัวเอง ดนตรีภาคเครื่องเป่าทองเหลืองสุดแสนจะอลังการและสละสลวย 20. Bill Charlap Trio Live at the Village Vanguard (Blue Note) หากว่าคุณไม่เคยมีอัลบัมของบิล ชาร์แล็พเลย ซื้ออัลบัมนี้มาฟังเป็นชุดแรกได้เลย เพลงช้าก็โรแมนติกแบบไม่อายร้อยเรียงอยู่บนพื้นฐานดนตรีที่ที่เต็มเปี่ยม 19. Andy Bey Aint Necessarily So (12th Street) สิ่งที่เป็นธรรมดาที่สุดของแอนดีคือ เสียงบาริโทนที่เป็นธรรมชาติ นุ่มพลิ้วเหมือนเส้นไหม เหมือนกับวิจิตรแห่งการอ่านวรรณกรรมคลาสสิกและความสำราญในความมืดมน 18. Bennie Wallace Disorder at the Border:The Music of Coleman Hawkins (Enja/Justine Time) เป็นกรณีศึกษาที่ยอดเยี่ยมของนักแซ็กฯ ที่มีสไตล์ฟรี สวิงแบบไม่เหมือนใคร และเป็นความสำเร็จอย่างแท้จริงของอะเรนเจอร์ แอนโธนี วิลสัน ที่คราวนี้ไม่ได้มาในตำแหน่งกีตาร์เหมือนอย่างเคย 17. Anat Cohen Poetica (Anzic) ปี 2550 นี่คงจะเป็นปีทองของอะนัท โคห์น นักดนตรีชาวอิสราเอลจริงๆ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงยิ่งกว่าศิลปินหญิงคนไหนๆ เสียอีก Poetica เป็นงานกลุ่มดนตรีกลุ่มเล็กๆ ที่ฝีมือเข้มข้น ให้ความหมายของคำว่า แชมเบอร์ แจ๊ส พร้อมทั้งสร้างความหมายใหม่ของ Third Stream 16. Bill Holman Hommage (Jazzed) บิล ฮอลแมนยังคงอนุรักษ์ดนตรีในแบบบิ๊กแบนด์เอาไว้เพื่อมวลมนุษยชาติ (เวอร์เข้าไปนั่น) เขาเรียบเรียงดนตรีไปได้ด้วยรสชาติแปลกใหม่ในมุมต่าง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับไซด์แมนในวงของเขาในการออกโซโลและการเล่นเอนเซมเบิล 15. Tierney Sutton Band On the Other Side (Telarc) จุดเด่น : ความสามารถของเทียร์นีคือ การเข้าถึงหัวใจของเนื้อเพลง และในระหว่างกระบวนการ เธอสามารถทำให้เรา คนฟังทั้งหลาย ตั้งอกตั้งใจในการฟังเพลงของเธออย่างไม่ควรพลาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป 14. SFJazz Collective Live 2007:4th Annual Concert Tour (SFJazz) อัลบัมชุดใหม่นี้สมควรจะได้รับการวิจารณ์สองครั้ง เพราะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นงานเพลงที่โดดเด่นสองแผ่น แผ่นแรก ซึ่งเป็นการรวบรวมเพลงสิบสองของเธลอเนียส มังก์ ทำออกมาได้ดีทีเดียว ส่วนแผ่นที่สอง ซึ่งเป็นเพลงต้นฉบับทั้งหมด นั่นคือหมัดเด็ด 13. John Abercrombie The Third Quartet (ECM) หลังจากที่จอห์นหยุดใช้พิกในการเล่นกีตาร์ มือกีตาร์ที่สุดแสนจะอาร์ติสต์คนนี้ก็กลายมาสุดยอดของเศรษฐศาสตร์ทางดนตรี ที่ใช้หลักการใช้น้อยได้มาก อัลบัมชุดนี้เขาสร้างสรรค์งานฟรอนต์ไลน์ที่สุดจะสราญรมย์กับนักไวโอลินอย่าง มาร์ก เฟลด์แมน 12. Charles Tolliver Big Band With Love (Blue Note) อย่าเรียกว่าเป็นการกลับมา เพราะชาร์ลส ทอลลิเวอร์ ผู้เกิดใหม่ คือนักทรัมเป็ตที่วางศิลปะแห่งวงดนตรีบิ๊กแบนด์ในแบบของเขา และเอามันลงมาใช้อย่างลุ่มลึก ด้วยความฉลาดเฉลียวในแบบหัวหน้าวงและนักประพันธ์ 11. Joe Zawinul & WDR Big Band Brown Street (Heads Up) เวเธอร์ รีพอร์ต วงฟิวชันจากฝีมือการอะเรนจ์ของโจ ซาวินัล ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กับผลงานชุดนี้ เขาให้ความเข้มข้นทางดนตรีกับวงนี้มากยิ่งไปกว่านั้น 10. Mccoy Tyner Quartet (McCoy Tyner Music/Half Note) ด้วยวงดนตรีแบบดรีมทีมที่เขาสมควรจะได้ และผลงานชุดใหม่ แม็กคอยกลายมาเป็นมือพิฆาตรวมฮิตเซ็ต และไม่พลาดงานวงดนตรีสี่ชิ้น 9. Joe Lovano & Hank Jones Kids:Live at Dizzys (Blue Note) Kids เป็นผลงานล่าสุดของโจ โลวาโน แต่แฮงก์ไม่ได้ชื่อเสียงจากอัลบัมนี้มานัก เขาก็เล่นเป็นคู่หูให้ตลอดทั้งอัลบัม สำเนียงของเขาบางครั้งทำให้รู้สึกรื่นรมย์ ที่สามารถย้อนหลังกลับไปสู่ยุคสวิงและสไตรด์ได้พอตัว 8. Paul Motian/Bill Frisell/Joe Lovano Time and Time Again (ECM) อีกยกหนึ่งของวงดนตรีสามชิ้นอัจฉริยะในโลกแห่งแจ๊สที่หม่นหมอง เพลง Cambodia พูดถึงมิตรภาพที่หลอมรวมทางจิตใจ K.T. โต้ว่าพอล โมเชียนเป็นหนึ่งในนักประพันธ์ยุคโพสต์บ็อปที่ช่ำชองและเอาแต่ใจมากที่สุด 7. Dee Dee Bridgewater Red Earth:A Malian Journey (DDB/Emarcy) นักร้องนักดนตรีหญิงอัฟริกัน-อเมริกันที่ค้นหารากฐานทางดนตรีอัฟริกันของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถ้าเป็นแจ๊สฟิวชันที่โก้หรู ผนวกกับจังหวะแบบพื้นเมืองบ้านเกิดเข้ากันได้แบบไร้รอยต่อ นั่นคือสิ่งใหม่ที่น่าจับตามอง 6. Keith Jarrett/Gary Peacock/Jack DeJohnette My Foolish Heart (ECM) ในขณะที่นักดนตรีคนอื่นๆ ในโลกก็พากันตั้งหน้าจะปราบดนตรีสแตนดาร์ด แจ๊ส หากแต่วงดนตรีสามชิ้นอายุมากกว่ายี่สิบห้าปีวงนี้ยังคงทำให้เรานึกย้อนไปถึงความสวยงามของท่วงทำนองแบบเดิมๆ 5. Joshua Redman Back East (Nonesuch) หลังจากที่เป็นเด็กเนิร์ด เรียนหนังสือประสบความสำเร็จมาแล้ว ตอนนี้บางสำนักก็ว่าเขาเป็นเป็นซันนี รอลลินส์คนที่สอง ด้วยความปราดเปรื่องของงานดนตรีสามชิ้นในชุดนี้ โจชัวพิสูจน์ว่าเขาเป็นได้ บทเพลงดูเอ็ตระหว่างเขากับพ่อ ดิวอี เรดแมน เป็นเพลงที่ทำให้คนฟังตะลึง 4. Herbie Hancock - River : The Joni Letters (Verve) ไม่ใช่ทั้งอัลบัมทริบิวต์ตามธรรมเนียม และไม่ใช่ทั้งอัลบัมปกติของเฮอร์บี แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ River:The joni Letters เป็นเมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะให้ความสดชื่นมากกว่าที่จะเป็นคอนเซ็ปต์อัลบัม 3. Terence Blanchard A Tale of Gods Will (A Requiem for Katrina) (Blue Note) ด้วยการทำงานแบบวงห้าชิ้นไปสู่วงออร์เคสตราสี่สิบชิ้น เทอเรนซ์บรรลุเป้าหมายในการทำเพลงออกมาสิบสามเพลง ออกมาเป็นชุดเพลงที่ดำเนินจากความรู้สึกหมดหวัง หดหู่ไปสู่ความเดือดดาล โทสะ 2. Maria Schneider Orchestra Sky Blue (Artistshare) ด้วยการขยายตัวทางทัศนคติศิลปินของมาเรีย ตอนนี้ก็เป็นที่ประจักษ์ในไหวพริบทุกส่วนของเวลาและระยะทาง เธอยังคงขยายทัศนคตินั้นให้กว้างออกด้วยบทเพลงห้าชิ้น ที่ก่อให้เกิด Sky Blue ผลงานชุดล่าสุด อีกทั้งยังเป็นผลงานที่น่าสนใจที่สุดของเธอเอง1. Michael Brecker Pilgrimage (Heads Up) ผลงานที่น่าภาคภูมิใจของนักแซ็กโซโฟนที่เป็นอิทธิพลมากที่สุดนับจากเวย์น ชอร์เตอร์ ไมเคิล เบร็กเกอร์ในยุคหลังไม่ได้ต้องการอาวุโสเพื่อให้ Pilgrimage มาเอาชนะสิ่งเหล่านี้ แพ็ต เม็ทธินี, เฮอร์บี แฮนค็อก, แบรด เมห์ลดาว, จอห์น พาทิทักชีและแจ็ก ดิจอห์นเน็ต ก็ให้คุณภาพของวงแบ็กอัพได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเล่นสนับสนุนกันได้เปี่ยมประสิทธิภาพและเอกภาพเยี่ยงนี้ ส่วนไมเคิลเองก็ประสบอัญหาทางสุขภาพสามเดือนก่อนหน้าที่อัลบัมจะสำเร็จลุล่วง ทำให้เขาเล่นราวกับคนถูกวิญญาณสิง จนคุณเองอาจจะไม่รู้เลยว่างานชุดนี้ทำออกมาโดยนักดนตรีที่กำลังต่อสู้กับโรคภัยอยู่ บทเพลงทั้งหมดเป็นบทประพันธ์ดั้งเดิมของไมเคิลทั้งสิ้น
Create Date : 09 มิถุนายน 2551
Last Update : 9 กรกฎาคม 2551 2:33:34 น.
0 comments
Counter : 1386 Pageviews.
Location :
City of Angels, Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [? ]
คุยเฉพาะเรื่องเพลง :D "I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs Follow my twitter @nunaggie :) "มีเรื่องราวอีกมากมายให้ชีวิตต้องเดินทางไปค้นหา เราคงไม่ค้นพบทุกอย่างได้ เพียงแค่ชั่วชีวิตเดียว"
© Supada Luangsirimongkol 2015.
The following text will not be seen after you upload your website,
please keep it in order to retain your counter functionality
Free Trackers Help