อัลบัมชุดแรกในนามของโทมัส ฐานะของผู้นำวง ซึ่งดูชื่อชุดก็พอจะเลาๆ แล้วว่าเป็นงานอุทิศให้กับคริสต็อฟ แต่ไม่ได้ใช้เพลงของคริสต็อฟซะทีเดียว ผลงานดนตรีอิสระภายใต้กรอบการทำงานประพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยความข้นคลั่กที่ไม่อาจจะฟังให้เข้าถึงได้โดยง่าย เอาละสิ.... สงสัยต้องฝ่าด่านอรหันต์กันหลายทวารก่อนจะมาสัมผัสงานชุดนี้ได้ 555 เราสามารถจะสัมผัสถึงความเชื่อมโยงทางดนตรีที่โทมัสมีไปถึงคริสต็อฟผ่านกระบวนการสร้างสรรค์และความคิดของเขา ถึงแม้ว่าดนตรีมันอาจจะเข้มข้นมากขึ้นอีกระดับ Czatownik เริ่มแผดเผาเราเรื่อยไปจนถึง Cry เพราะเสียงกระหน่ำของเครื่องเป่าที่คร่ำครวญกลายมาเป็นแก่นหลักของงาน ชิ้นงาน Music For K โคลงสดุดีความยาว 16 นาทีแด่คริสต็อฟ ส่งสะท้อนดนตรีไม่มีที่ติด้วยพลังที่เปิดเผยอย่างเก่งกล้าท้าทาย
Tomasz Stanko / Balladyna (ECM 1976)
ผลงานชุดแรกของโทมัสภายใต้สังกัดสัญชาติเยอรมันอย่างอีซีเอ็ม First Song ถูกกำหนดออกมาให้บางเบา พลิ้วไหวอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน ถึงแม้ว่างานชุดนี้จะเป็นงานดนตรีอิสระที่ไม่มีแก่นหลัก แต่ว่าก็ถูกร้อยรัดไปด้วยโครงสร้างที่สามารถฟังสัมผัสได้ ซึ่งทำให้โทมัสและซัสคาลสกี ถ่ายทอดอิสระทางดนตรีที่ไม่จบสิ้นโดยมิพักต้องอาศัยตัวโน้ตที่มากมาย First Song จะยังเป็นงานเพลงที่บ่งบอกให้เรารู้ว่าโทมัสทำมันออกมาได้อย่างไรโดยยังอ้างถึงอิสระ Balladyna เริ่มต้นเหมือนท่วงทำนองแห่งดนตรีโฟล์กและแตกแขนงออกไปสู่การค้นหาอิสรภาพแห่งเสียงและท่วงทำนองที่บริสุทธิ์
Tomasz Stanko / Bosonossa And Other Ballads (GOWI 1993)
การรวมตัวครั้งแรกของวงสี่ชิ้นภายใต้สังกัดอีซีเอ็ม เพลง Sunia เริ่มต้นช้าๆ ด้วยสัญลักษณ์ของโทมัสที่พร้อมจะออกล่องลอยไปสู่ทุกแห่งหน แต่แล้วก็ถูกกระชากกระชั้นด้วยเสียงหวีดแหลมตบท้าย เบสและเปียโนถูกใช้เป็นตัวนำสู่ความคิดรวบยอดที่ต่อเนื่องเปรียบเสมือนยอดข้าวที่มีความยาวถึง 10 นาที Maladorors War Song เป็นทุกอย่างที่โทมัสเป็น และอาจจะเป็นทำนองเดียวที่สามารถจะอรรถาธิบายดนตรีที่เขาเคยเล่นมาตลอดชีวิต บทเพลงที่งดงาม Morning Heavy Song ถูกประพันธ์ออกมาเป็นอนุสรณ์แก่เพลง Leosia
Tomasz Stanko / Matka Johanna (ECM 1995)
อีกผลงานแอ็บสแตร็กต์ของโทมัส แต่ละเพลงเป็นภาพบรรเลงที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากภาพยนตร์ Matka Johanna from the Angels โดยแจร์ซี คาวาเลโรวิกซ์ เพื่อไปสู่บุคคลที่อัลบัมนี้ได้อุทิศให้ มีหลายเพลงที่ถูกรีอะเรนจ์จากผลงานเก่าของโทมัสอย่าง Maladorors War Song จาก Bosonossa ไปจนถึง Tales Of The Girls, 12 ที่นำไปสู่การเล่นที่น่าจดจำ แต่อัลบัมนี้คงจะไม่เหมาะนักหากจะเริ่มฟังเพื่อศึกษาผลงานของเขา แต่มันจะเป็นตัวช่วยเติมเต็มในภายหลังมากกว่า
Tomasz Stanko / Leosia (ECM 1996)
น่าจะเป็นอัลบัมที่เข้มข้นที่สุดในช่วงสิบปีหลังของโทมัสก็ว่าได้ ท่อนเชื่อมที่น่าทึ่งอันก่อให้เกิดยอดตระหง่านแห่งความอลังการในท่อนเปิดของเพลง Morning Heavy Song และเสียงโหยหวนที่ใกล้เข้ามาในเพลง Leosia ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยเสียงจากวงดนตรีสี่ชิ้นเล่นจากต่างสัณฐานภายใต้ความเข้มข้นอันเงียบสงบเดียวกัน รอยสลักสีขาวและดำบนท้องถนนว่างเปล่าและระยางสายโทรศัพท์ที่เห็นในยามค่ำคืนฝนพรำบ่งบอกทุกอย่างในอารมณ์ร่วมของอัลบัม ที่มองฝ่าความมืดออกมาเห็นความหวังทอประกายอย่างแรงกล้า
Tomasz Stanko / Litania The Music Of Krzysztof Komeda (ECM 1997)
อัลบัมล่าสุดกับค่ายอีซีเอ็มที่ออกมาตั้งแต่ 2004 วางโครงสร้างในแบบเดียวกับ Soul Of Things และยังคงสนเวียนอยู่กับแทรดิชัน ดูหนักแน่นและจับต้องได้มากขึ้น 10 เพลงหลังต่อ Song For Sarah ล้วนแต่ไม่มีชื่อทั้งสิ้น เราจะรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นที่ถูกทำให้กลมกล่อมผสมผสานกับความอิสระที่มีให้กับนักดนตรีทั้งสามคน ( ถึงแม้ว่าโทมัสจะเล่นน้อย แต่ควบคุมแนวทางได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ผลงานที่ระบุชื่อ Trio เราจะไม่ได้ยินประกายก้องของโทมัสมากเท่าที่ใจปรารถนา พลังดนตรีที่ล้นเหลือนี่จะเป็นแรงเลือดใหม่ที่จะก้าวสู่บทต่อไปที่เรืองรองผ่องใส
"I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs