Charlie Haden & The Liberlation Music Orchestra / Not In Our Name (Verve)
คงต้องเป็นคอแจ๊สที่สนใจในงานสายเทรดิชันสักหน่อย ถึงจะพอรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของชาร์ลี ฮาเดนคนนี้ แต่หากเน้นสายของสมูธแจ๊สหรือฟิวชันอย่างแลรี คาร์ลตันหรือลี ริตนาวร์แล้วละก็ ก็น่าจะแทบจะไม่รู้จักชาร์ลีเลยก็เป็นได้ นี่เป็นอัลบัมที่สองของชาร์ลีที่ได้มีโอกาสผลิตแผ่นภายในประเทศของเรา ขออนุโมทนาสาธุในความใจถึงของยูนิเวอร์ซัล ไทยแลนด์ หลังจากที่ Land Of The Sun ได้ออกมาในปีที่แล้ว
ชาร์ลี ฮาเดนเป็นมือเบสที่มีอันดับอยู่แถวหน้าๆ ของนักดนตรีแจ๊สยุคกลางๆ ไม่เก่าไม่ใหม่จนเกินไปนัก แนวคิดของเขาค่อนข้างจะหลากหลาย ไม่ยึดแนวทางใดมากจนเกินไป ถึงแม้จะเป็นสายเทรดิชัน (บ็อป) ก็ตาม แต่ดนตรีที่ร่วมสมัยและแนวคิดสร้างสรรค์ค์ในการทำงานเพลงของชาร์ลีมักจะออกมาในรูปของการร่วมงานในนาม The Liberation Music Orchestra (ซึ่งนับจนถึงปีนี้ก็ครบสามสิบหกขวบเข้าไปแล้ว) และงานที่อยู่ภายใต้สังกัดโมเดิร์นแจ๊สอย่าง ECM เอาละถึงแม้ว่าจะใช้ชื่อว่า ออร์เคสตรา ก็ตาม แต่งานของชาร์ลีในชุดนี้เป็นทีมเครื่องเป่าทั้งสิ้น โดยธีมหลักของดนตรีเปรียบเสมือนดนตรีปลุกใจ ใช้จังหวะและท่วงทำนองแบบเพลงมาร์ชแทบทั้งสิ้น เพลง America The Beautiful (Medley) ที่นำเพลงสี่เพลงมายำรวม เพียงแค่เสียงเปียโนของคาร์ลา เบลย์ขึ้นมาไม่กี่ตัวโน้ตก็รู้สึกได้ถึงความเป็นดนตรีปลุกใจที่ชัดเจน .... เหมือนกับเขาอยากจะบอกผ่านชาวโลกว่า นานาการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดในนามของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ชาวอเมริกันหลายๆ บอกว่า เรารักประเทศอเมริกา แต่เราเกลียดรัฐบาลอเมริกัน อย่างไรก็อย่างนั้น จึงอยากจะบอกว่า Not In Our Name เพลงเปิดอัลบัมมันมีตัวโน้ตที่แฝงไปด้วยความเศร้าบรรเลงผ่านเสียงแซ็กโซโฟนของคริส ชีคและกีตาร์ของสตีฟ คาร์ดีนาส
ยิ่งต่อด้วยเพลง This Is Not America แล้ว เราอยากจะเข้าใจและเห็นใจในความเป็นคนอเมริกันหลายๆ คนที่ชาร์ลีบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่หลายๆ คนในอเมริกาต้องการ เราเห็นด้วย...เพราะหลายๆ สิ่งที่เกิดในประเทศสาระขัณฑ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนต้องการเหมือนกัน ภาคดนตรีของเพลงนี้ใช้แนวทางของเร็กเกมารองรับการนำเสนอความคิด ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับชื่อเพลง เพราะเร็กเกก็ไม่ใช่ดนตรีของอเมริกา
ย้อนกลับมา American The Beautiful ที่ดูเหมือนจะเป็นซูเปอร์ไฮไลต์ของอัลบัม กับความยาวมหาโหด เกือบสิบเจ็ดนาที ที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่ชาร์ลีมีต่อประเทศชาติ ด้วยดนตรีมาร์ช และอารมณ์ของเพลงที่หลากหลาย บางท่อนที่เป่าด้วยทรอมโบนถูกครอบปาก (Mute) ทำให้เรารู้สึกเหมือนคนเก็บกดไม่สามารถแสดงออกได้ ไปจนถึงช่วงให้กำลังใจท้ายเพลงตามแบบฉบับของเพลงปลุกใจ ที่เครื่องดนตรีทุกชิ้นพากันพร้อมใจประโคมขึ้นมา
"I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs