50. Kendra Shank A Spirit Free : Abbey Lincoln Songbook (Challenge) เคนดรา แชงก์สื่อสารบทเพลงของแอ็บบี ลินคอล์นออกมาได้อย่างครอบคลุม เสียงร้องของเธอส่งต่อเรื่องราวจากบทเพลงได้อย่างอบอุ่น สง่างาม และที่สำคัญคือ ทรงพลัง
49. Robin Eubanks & EB3 Live Vol. 1 (Kindred Rhythm) นักทรอมโบนโรบิน ยูแบงก์ส กับวงดนตรีสามชิ้นวงล่าสุดของเขา ได้สร้างสรรค์ภาพจินตนาการในขณะฟังอัลบัมนี้ว่าจะต้องมีนักดนตรีไม่น้อยกว่าสี่คนแน่นอน จนบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่า เฮ้ย ซาวด์มันเยอะจริงจริ๊ง
48. Phil Kelly & The SW Santa Ana Winds My Museum (Origin) เหมือนกับชื่อทางอุตุนิยมวิทยาที่พวกเขาใช้เป็นชื่อวง กลุ่มดนตรีกลุ่มนี้ก็ตามติดเป็นเงาให้กับวงบิ๊กแบนด์ของฟิล เคลลี นักดนตรีผู้มีรากฐานอยู่ซีแอตเติล มาสู่ลอส แอนเจลิส ซาวด์ของพวกเขาออกมารุ่มรวย ร่าเริง อบอุ่น ไม่ผิดไปจากบรรยากาศของเมืองแอลเอเลยจริงๆ
39. Carla Bley The Lost Chords Find Paolo Fresu (Watt/ECM) จากการร่วมงานกันครั้งแรกด้วยประสบการณ์ระบดับเทพของทั้งสองคน คาร์ลาเป็นนักเปียโนมีชื่อที่เล่นเข้าขั้นเก๋า ดุดัน ส่วนเปาโล เฟรซู สื่อสารตัวโน้ตผ่านทรัมเป็ตในอารมณ์แบบโรแมนติก ไม่ใช่แค่นั้น อัลบัมชุดนี้ยังถือเป็นอัลบัมที่ดีที่สุดในรอบหลายๆ ปีของนักดนตรีทั้งสองอีกด้วย
38. Jeremy Pelt & Wired Shock Value:Live at Smoke (Maxjazz) การจับเอาดนตรีในช่วงยุคอิเล็กทริกของไมล์ส เดวิสมาทำใหม่ ถือเป็นสิ่งที่หัวหน้าวงรุ่นใหม่ๆ มักจะนิยมกันเป็นกระแส แต่จะว่าไปในปี 2550 ก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำออกมาได้ยั่วยวนและเศร้าโศกได้ดีไปกว่านักดนตรีหนุ่มมีดีที่ไม่โอ้อวดอย่างเจเรมีกับวงดนตรีไฟแรงแห่งนิวยอร์ก
37. Exploding Star Orchestra We Are All From Somewhere Else (Thrill Jockey) ร็อบ แมนเซอเร็ก นักประพันธ์เพลง นักคอร์เน็ตและผู้นำวง ได้ควบคุมวงดนตรีแจ๊สอลังการหัวก้าวหน้า และดึงเอาความสามารถที่มีอย่างไม่สิ้นสุดออกมาใช้ได้อย่างบรรลุผลอย่างสวยงาม
36. David Torn Prezens (ECM) กลับมาสู่อ้อมอกของค่ายอีซีเอ็มอีกครั้งหนึ่งกับมือกีตาร์ผู้ทำลายความเชื่อของปวงชน (ด้วยความช่วยเหลือแบบมืออาชีพของนักออร์แกน เคร็ก แท็บบอร์น) ได้ผสมผสานเอาความแกร่งในความเป็นนักดนตรีกับความระห่ำแบบอิเล็กโทรนิก ที่จะทำให้นักดนตรีสายอินดัสเทรียลอย่างเทรนต์ เรซเนอร์ (Nine Inch Nails) และเอเพ็กซ์ ทวินส์มีอะไรต้องขบเสียแล้ว
35. The Bad Plus Prog (Heads Up) ด้วยความไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมและความกดดันจากค่ายเมเจอร์ บวกกับความขัดแย้งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา เดอะ แบด พลัสก็ปล่อยอัลบัมที่สุดจะปราดเปรื่องด้วยการออกแบบปกแบบดั้งเดิม การจำแนกประเภทให้กับเดอะ แบด พลัสนี่เป็นเรื่องยากมาก แต่ด้วยความภูมิฐานของทางวงกับแฟนเพลงส่วนมากที่เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น Prog ก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งทีเดียว
33. Eddie Daniels Homecoming:Live at the Iridium (IPO) การเล่นที่หยาดเยิ้ม หยดย้อยของเอ็ดดี ซึ่งให้เสียงคลาริเน็ตที่หมดจดมากไปกว่าที่จะได้ยินจากที่ใด เรียกเอาความงดงามตะการตาที่สูญหายไปกลับคืนมา
32. Carol Slone Dearest Duke (Arbors) จะมีอะไรให้พูถึงกันอีกสำหรับแครอล สโลน นักร้องเสียงระฆังทองคนนี้? ไม่มี คือคำตอบ ยกเว้นแต่ความสามารถในการให้รูปทรงของบทเพลงมืดมนอนธกาล ที่มีเปียโนเล่นสนับสนุน กับเครื่องเป่าไม้และทองเหลืองซึ่งเพิ่มคุณค่าของผลงานได้อย่างไม่ยากเย็น
31. Robert Glasper In My Element (Blue Note) ความรื่นเริงถูกทำให้พลิ้วหวาน แต่เสียงร้องในแบบฉบับฮิปฮอป เจเนอเรชันยังคงอยู่ ด้วยการร่วมงานกันกับวิเชนเต อาร์เชอร์ (เบส) และเดเมียน เร็ด (กลอง) วงดนตรีสามชิ้นของโรเบิร์ตก็ยังเดินหน้ากลบดินฝังอาร์แอนด์บีแบบเก่าๆ ภายในกรอบของเปียโนแจ๊สหัวดื้อไม่โอลด์ สคูลนี่แหละ
29. Jason Lindner Big Band Live at Jazz Gallery (Anzic) เจสันฝืนกฎของดนตรีบิ๊กแบนด์ด้วยการเล่นแบบเน้นผู้เล่น ไม่ได้เน้นที่การเรียบเรียงดนตรี ก็เป็นอะไรที่น่าเสียดาย เพราะว่าเป็นการสูญค่าของตัวบทเพลงไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยว่ามันเป็นอะเรนจ์เมนต์เต็มวงสองเท่าของที่เราได้ยินจากแผ่นซีดีแผ่นนี้เสียอีก
28. The Stryker/Slagle Band Latest Outlook (Zoho) ถ้าอ่านแต่ชื่ออัลบัมอาจจะคิดไปอีกอย่าง แต่อัลบัมนี้อุดมไปด้วยเสน่ห์ในตัวของมันเอง และความมีชีวิตชีวาแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาร์ลี พาร์เกอร์และชาร์ลส มิงกัส, เพื่อนเก่าอย่างนักเปียโนยุคหลัง จอห์น ฮิกส์และเพื่อนร่วมวงเก่าๆ ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
27. Chris Potter Song For Anyone (Sunnyside) นอกจากวงของชาร์ลี ฮาเดนแล้ว บางคนอาจจะได้ยินเสียงสะท้อนของวงห้าชิ้นแบบไมเคิล เบร็กเกอร์ หรือออร์เคสตราแบบมาเรีย ชไนเดอร์ หากแต่กับวงเอนเซมเบิลของคริส พ็อตเตอร์เองแล้ว เขามีนวลเสียงที่เป็นของตัวเองโดยไม่มีเสียงสะท้อนของใครอื่นใด
"I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs