Group Blog
 
All Blogs
 

My Gig Gear Part 2: Digitech Jimi Hendrix Experience

รายละเอียดอยู่ตรงนี้นะครับ //www.digitech.com/products/HendrixPedal/Hendrix.htm

ผมได้เอ็ฟเฟ็กต์ตัวนี้มาเมื่อราวต้นๆปีครับ ซื้อมาจากอีเบย์นั่นแหละ มาจากอเมริกาโน่นเลย

แต่กว่าจะได้ลองใช้นี่ ผมกระเตงมันไปมาอยู่หลายเดือน ไม่ได้ลองซักที เนื่องจากอยู่ในช่วงย้ายนิวาศน์สถาน จากเมืองจิงโจ้มาอยู่เกาะชวา จริงๆก็ลองตั้งแต่ได้มาวันแรกแล้วล่ะครับ แต่มันใช้งานไม่ได้ กว่าจะมีเวลามานั่งหาสาเหตุก็เมื่อเดือนที่แล้ว...นับเวลาก็ได้เจ็ดเดือนพอดี เรื่องของเรื่องก็คือ เนื่องจากมันมาจากอเมริกา หม้อแปลงไฟมันก็แปลงจาก 110 โวลต์ ทีนี้ไอ้ไฟบ้านเราในละแวกนี้มันก็เป็น 220-240 โวลต์กันหมด ผมเอาหม้อแปลงที่มีอยู่ (ซึ่งใช้ได้กับ Digitech Crossroads) มาใช้ มันก็ไม่ทำงาน จนมานั่งดูมันละเอียดๆอีกที...อ้าว ใช้ AC-AC adapter นิ โธ่เอ๋ย ไม่งั้นก็ได้ใช้ออกงานตั้งนานแล้ว

ตอนนี้มันก็ใช้งานได้แล้วล่ะครับ แต่ยังไม่มีวงเล่นด้วย ฮ่า ฮ่า ตั้งแต่อำลาจากวง Who Cares ที่พวกผมตั้งขึ้นที่ซิดนีย์ ก็ได้แต่หวังว่าจะมาตั้งวงใหม่ที่บ้านดุงนี่ ก็ยังไม่มีเวลาซักที ทำงานวันละสิบกว่าชั่วโมงเกือบทุกวัน (ใครว่าเป็นเจ้าคนนายคนแล้วจะสบาย)ลูกน้องแต่ละคนที่ผมว่าจะชวนมาตั้งวงดนตรี ก็โดนผมส่งออกนอกประเทศไปบ้าง ไม่เคยอยู่กันครบวงซักที...

เอาล่ะ กลับมาเล่าเรื่องเอ็ฟเฟ็กต์ตัวนี้ต่อดีกว่า

ใจจริงแล้วผมซื้อมาก็หวังจะเอามาลองเล่นๆดูนั่นแหละครับ ไม่ได้คิดว่าจะต้องเล่นให้เสียงเหมือนเฮ็นดริกซ์ซะมากมาย (ราวกับว่าจะเล่นเพลงเฮ็นดริกซ์ได้ซักหลายเพลงยังงั้นแหละ) เพียงแต่อยากจะรู้ว่าเทคโนโลยีของดิจิเท็คจะทำได้ดีซักเท่าไหร่ (คือผมค่อนข้างพอใจกับ Digitech Crossroads มากพอสมควร)

pedal อันนี้ จำลองเสียงกีตาร์ของเฮ็นดริกซ์จาก 7 เพลง คือ Purple Haze, Little Wing, Voodoo Child, All Along the Watch Tower, Foxey Lady, Star Spangled Banner และ Wind Cries Mary ครับ ซึ่งแน่นอนครับ เสียงโปรดของผมก็เห็นจะต้องยกให้ Voodoo Child (แต่ผมว่าถ้าใครอยากได้แค่เสียงนี้ ไปหา Cry Baby แท้ๆมาใช้จะได้รับความพึงพอใจมากกว่าครับ)

รองลงมาเห็นจะเป็น Little Wing ซึ่งคนที่ได้ฟังคนนึงบอกว่า ฟังแล้วเหมือนเสียงกีตาร์ของ Red Hot Chili Peppers มากกว่า ...เอ่อ...ฟังดูมันก็คล้ายๆนะ

สาเหตุนึงก็เห็นจะเป็นเพราะผมเกรงใจเพื้อนบ้านล่ะครับ เลยไม่กล้าลองดังๆซักที แอมป์ 70 วัตต์ก็เปิดโวลุ่มไว้แค่เบอร์หนึ่งเอง เลยยังไม่กล้าวิจารณ์ความ "เหมือน" ของเสียงที่ได้ซักเท่าไหร่ เอาไว้ไปหาห้องซ้อมได้ก่อนนะครับแล้วจะลองอีกที แล้วจะมาอัพเดตความคิดเห็นให้ทราบครับ

สรุปว่า ถ้าใครเห็นสเป็คของ pedal ตัวนี้แล้วอยากได้ ผมแนะนำว่าลองหา Cry Baby กับ Distortion ดีๆซักอย่างละตัวมาก็น่าจะพอใจมากแล้วล่ะครับ เพราะตัวนี้นี่ ถ้าไม่มีเจ้า foot controller เพื่อเปลี่ยนเอ็ฟเฟ็กต์ล่ะก็ ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ครับ เพราะจะเปลี่ยนปรับอะไรแต่ละทีนี่ ต้องก้มลงไปหมุนปุ่มไปๆมาๆอยู่ทุกที (คะแนนความง่ายในการใช้ค่อนข้างต่ำ)





 

Create Date : 22 ตุลาคม 2549    
Last Update : 22 ตุลาคม 2549 23:08:48 น.
Counter : 777 Pageviews.  

เอริค แคล็ปตัน ไลฟ์ อิน บางกอก

แฟนๆแคล็ปตันทั้งเก่าทั้งใหม่คงจะได้สมหวังกันซักทีครับคราวนี้ เพราะเอริค แคล็ปตันไม่ได้มาแถวๆนี้เกือบยี่สิบปีได้ล่ะมั้งครับ (แต่มาญี่ปุ่นบ่อยเหลือเกิน)

...น้องที่รู้จักกันโทรฯมาเมื่อคืนนี้ เพื่อบอกข่าวคอนเสิร์ตเอริค แคล็ปตันที่จะจัดที่กรุงเทพฯวันที่ 15 มกราคม 2550 ที่อิมแพ็คท์ อะรีนา เมืองทองธานี (ข้อมูลจากเว็บไซต์ Thai Ticket Master ซึ่งวันที่นั้นคลาดกันกับที่แจ้งไว้ใน //www.whereseric.com/tour/eric-clapton-tour-calendar-2006-2007.html)

ถ้าผมอยู่กรุงเทพฯก็ไม่พลาดแน่นอนครับ แต่งานนี้ผมวางแผนไว้ว่าจะไปดูที่สิงคโปร์ เพราะตรงกับวันเสาร์ที่ 13 มกรา ไม่ต้องลางาน เช็คราคาตั๋วที่สิงคโปร์ โซนใกล้เวทีนี่ก็ 399 เหรียญสิงคโปร์ งานนี้กัดฟันซื้อแน่นอนเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้าเอริคจะได้ผ่านมาแถวนี้อีก (อายุอานามแกก็หกสิบเกือบหกสิบเอ็ดแล้ว ถ้าแกจะทิ้งช่วงนานๆแบบนี้อีก กว่าจะมาอีกทีก็สิบเจ็ดปี...)

ก็...ท่านที่เป็นแฟนเอริค แคล็ปตันห้ามพลาดครับ

...รายชื่อนักดนตรีที่ร่วมทัวร์ ดูได้จากเว็บไซต์ //www.whereseric.com นะครับ ไม่คิดว่าวงโรเบิร์ต เครย์จะมาด้วย แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันครับ :-)




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2549    
Last Update : 22 ตุลาคม 2549 9:25:21 น.
Counter : 410 Pageviews.  

Lackawanna Blues

ไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวมาเขียนต่อนะครับ




 

Create Date : 12 มีนาคม 2549    
Last Update : 12 มีนาคม 2549 19:20:11 น.
Counter : 494 Pageviews.  

Sacred Fire: การแสดงสดที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของคาร์ลอส ซานตาน่า

ผมได้ดูวิดีโอคอนเสิร์ตชุดนี้ครั้งแรกก็ประมาณปี 1994 หลังจากเริ่มฟังเพลงของ Santana จริงจังมากขึ้นได้ประมาณหนึ่งปี หลังจากนั้นม้วนเทปและวิดีโอก็ยืดยาน (และสาปสูญไปในที่สุด) จนเพิ่งจะหาซื้อ CD และ DVD ได้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง

บันทึกการแสดงสดชุดนี้ออกมาช่วงปลายปี 1993 ครับ เป็นบันทึกการแสดงจากคอนเสิร์ตในอเมริกาใต้ (เม็กซิโก, เวเนซูเอลา และอาร์เจนตินา) ในช่วงเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน เพลงที่ตัดมาใส่ใน CD ก็มีดังนี้ครับ

1 Angels All Around Us (Introduction)
2 Vive la Vida (Life Is for Living)
3 Esperando
4 No One to Depend On
5 Black Magic Woman/Gypsy Queen
6 Oye Como Va
7 Samba Pa Ti
8 Guajira
9 Make Somebody Happy
10 Toussaint l'Overture
11 Soul Sacrifice/Don't Try This at Home
12 Europa (Earth's Cry Heaven's Smile)
13 Jin-Go-Lo-Ba

ไฮไลท์ของชุดนี้ (สำหรับผม) อยู่ที่ Black Magic Woman/Gypsy Queen, Oye Como Va และ Samba Pa Ti ครับ ช่วงต่อ (ของอารมณ์คนฟัง) ระหว่างเพลงนั่นกลมกลืนมาก และในแต่ละเพลงนั้นก็โซโลกันแบบมันส์สุดๆเหมือนกัน (โดยเฉพาะสองเพลงแรกที่ผมกล่าวถึง) และ Samba Pa Ti เพลงอมตะของป๋าแกนั้นก็กระเดียดออกไปทาง Latin Jazz นิดๆ ได้อารมณ์อีกแบบนึงของเพลง--เมื่อเทียบกับต้นฉบับที่ออกมาในอัลบั้ม Samba Pa Ti เมื่อราวสามสิบปีที่แล้ว ซึ่งฟังทีไรก็ต้องหยุดทำอย่างอื่นไปทุกที

อีกเพลงที่ชอบก็คงเป็น Europa ครับ เพลงนี้นี่เองที่ทำให้ผมหันมาฟังซานตาน่าอย่างจริงจังมากขึ้น (จากที่เคยได้ยินแต่เพลงประมาณ Black Magic Woman เมื่อตอนเด็กๆ) ได้ยินครั้งแรกก็ตอนเป็นเด็กฝึกงานในห้องอัดแถวๆประตูน้ำ หลังจากนั้นมาก็ตะลุยฟังแต่ซานตาน่าอยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว

เท่าที่สังเกตได้อย่างนึงในคอนเสิร์ตของซานตาน่า (ไม่นับยุคสองสามชุดหลังๆที่เอาศิลปินหนุ่มๆมาเล่นด้วย--ไม่รู้ใครยืมจมูกใครหายใจ :-P) ก็คือ คนฟังจะ "อิน" กับเพลงยุคเก่าๆมากกว่า เรียกว่าพอขึ้นอินโทร Black Magic Woman ขึ้นมาล่ะก็ คนดูก็ลุกขึ้นส่ายสะโพก เต้นกระดึ๊บๆกันใหญ่

ก็...ใครๆที่เพิ่งจะเริ่มเป็นแฟนซานตาน่ายุคมิเชล บร๊านช์ ลองหา CD หรือ DVD ชุดนี้มาฟังบ้างก็ไม่เลวครับ




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2548    
Last Update : 30 ธันวาคม 2548 12:00:27 น.
Counter : 809 Pageviews.  

Alternative Tuning: Open-G

อัลเทอร์เนถีฟที่ว่านี่ ไม่เกี่ยวกับเพลงแนวอัลเตอร์ฯที่เขาว่ากันหรอกนะครับ มันเป็นวิธีตั้งสายกีตาร์อีกแบบนึงเท่านั้นเอง

ก่อนจะอ่านต่อไป ผมต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า ที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นแค่พื้นฐานการตั้งสายแบบนี้เท่านั้นนะครับ สำหรับคนหัดเล่นกีตาร์ที่อาจจะอยากหาอะไรเล่นแบบใหม่ๆบ้าง คุณๆที่ตั้งสายแบบนี้เป็นแล้วก็ข้ามไปเลยก็ได้นะครับ หรือถ้ามีอะไรจะแนะนำเพิ่มเติมก็ขอเชิญได้ตามอัธยาศัยครับ

คนที่เล่นกีตาร์เกือบทุกคนน่าจะตั้งสายกีตาร์กันเป็นแล้วนะครับ (ที่บอกว่า "เกือบ" เพราะบางคนเล่นได้อย่างเดียว ให้เพื่อนตั้งสายให้) การตั้งสายกีตาร์แบบทั่วๆไปที่เราตั้งๆกันนี่ ปรกติก็จะเป็นอย่างนี้ใช่ไหมครับ

สาย-โน้ต
6-E (ต่ำ)
5-A
4-D
3-G
2-B
1-E (สูง)

หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นอกจากการตั้งสายแบบปรกติแบบนี้แล้ว เรายังสามารถตั้งสายกีตาร์แบบอื่นๆได้ด้วยนะครับ ที่จะแนะนำต่อไปนี้ เป็นการตั้งสายกีตาร์ที่เรียกกันว่า Open-G ครับ ที่ว่า Open-G ก็คือ ถ้าเราดีดสายเปิดทั้งหกสาย (สายเปิด หมายถึง ไม่กดอะไรเลย) ก็จะได้คอร์ด G นั่นเอง

วิธีตั้งก็ง่ายๆครับ เริ่มต้นด้วยการตั้งสายแบบปรกติ แล้วทำตามนี้ล่ะครับ
1. ลดสาย 1 ลง 1 เสียง จาก E เป็น D (ตั้งเสียงเทียบกับสาย 2 เฟร็ตที่ 3)
2. ลดสาย 5 ลงหนึ่งเสียง จาก A เป็น G (ตั้งเสียงเทียบกับสาย 6 เฟร็ตที่ 3...ซึ่งสาย 6 ตอนนี้ยังเป็นเสียง E อยู่)
3. ลดสาย 6 ลงหนึ่งเสียง จาก E เป็น D (ตั้งเสียงเทียบกับสาย 5 ซึ่งตอนนี้เป็นเสียง G แล้ว โดยเฟร็ตที่ 5 ของสาย 6 ต้องตรงกับเสียงของสาย 5)

หลังจากตั้งสายตามนี้เรียบร้อย ก็จะได้เป็นแบบนี้ครับ
สาย-โน้ต
6-D
5-G
4-D
3-G
2-B
1-D

สังเกตว่าโน้ตทั้งหกสายจะมีแค่เสียง G, B และ D ซึ่งก็คือเสียงที่ 1, 3 และ 5 ของ G Major scale เท่านี้เราก็ได้คอร์ด G แล้วถ้าดีดสายเปิดทั้งหกสาย

ตั้งสายได้แล้ว ทีนี้เราก็หาอะไรที่เป็นแท่งๆแข็งๆที่มีความยาวเกินความกว้างของคอกีตาร์มาหน่อยนึง (เช่น คอขวดเบียร์สิงห์หรือไฮเนเก้น หรือสันมีด หรือจะหาซื้อ slide tube มาเลยก็ได้--ปรกติถ้าหาอะไรไม่ได้ผมก็ใช้ไฟแช็กพลาสติกแก้ขัดไปก่อน) นั่นล่ะครับ ได้อุปกรณ์ครบแล้วเราก็พร้อมจะเล่นสไลด์กีตาร์แล้ว

ง่ายที่สุดเลยก็เห็นจะเป็น 12-bar blues ล่ะครับ ถ้าเล่นในสเกล G ก็จะมีคอร์ด G (สายเปิดทุกสาย หรือทาบสไลด์ที่เฟร็ต 12) คอร์ด C (เฟร็ต 5) และคอร์ด D (เฟร็ต 7) ถ้าใครมีเพลง Walkin' Blues หรือ Rollin' and Tumblin' จากอัลบั้ม Eric Clapton MTV Unplugged ก็ลองเอามาเปิดฟังเป็นตัวอย่างก็ได้ สองเพลงนี้ตั้งสายเป็น Open-G เหมือนกันครับ

เอาล่ะครับ พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ใครเอาไปลองเล่นแล้วได้ผลยังไงก็เขียนมาบอกเล่าให้ฟังบ้างก็แล้วกันนะครับ

ขอให้สนุกครับ




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 30 ธันวาคม 2548 10:05:45 น.
Counter : 2262 Pageviews.  

1  2  

บูมเมอร์
Location :
บ้านดุง (Bandung) Indonesia

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add บูมเมอร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.