Bloggang.com : nunaggie : Next Stop Wonderland บอสซาโนวาที่อร่อยทั้งภาพและเสียง

Next Stop Wonderland บอสซาโนวาที่อร่อยทั้งภาพและเสียง

ณ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศที่ใครๆ ก็คิดว่ามันคือประเทศแห่งสิทธิเสรีภาพ หญิงสาวคนหนึ่งเพิ่งถูกชายคนรักบอกเลิกและจากไปพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งบ้านเกือบทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ที่นอน เขายื่นม้วนวิดีโอให้เธอม้วนหนึ่ง แล้วบอกเธอว่าเนื้อหาข้างในวิดีโอม้วนนั้นคือเหตุผลที่เขาขอเลิกกับเธอ...

นั่นเป็นเนื้อหาต้นเรื่องของภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง Next Stop Wonderland สิ่งที่พิเศษของหนังเรื่องนี้คงจะมีอยู่สองอย่าง

อย่างแรก เนื้อหาของความรักกับชะตาลิขิตที่ดูเหมือนว่ามันแทบจะแยกขาดจากกันไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นเพียงความเชื่อที่หาได้มีตำราใดพิสูจน์ไม่

อย่างที่สอง ดนตรีบอสซาโนวาที่ไปกันได้กับหนังตลอดทั้งเรื่อง

ทั้งสองอย่างนี้ทำให้การดูหนังเรื่องนี้เป็นไปอย่างสุนทรีย์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นหนังที่ติดอันดับยอดนิยมในตำราไหน

Next Stop Wonderland บทพิสูจน์ชะตาลิขิต

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเอริน แคสเซิลตัน พยาบาลสาวรูปร่างหน้าตาดี ถูกแฟนนักประท้วงทิ้งไปอย่างไม่มีเยื่อใย เพียงเพราะมีอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยว โดยมีหนังสือเล่มหนึ่งเป็นที่พึ่งทางใจ ในยามที่เธอต้องการหาคำตอบอะไรบางอย่าง

หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า Heart Needs Home หนังสือบทกวีที่ Lewis Castleton พ่อของเธอเป็นผู้ประพันธ์ และอุทิศแด่เธอ เมื่อเธอมีคำถาม เธอจะเปิดหนังสือเล่มนี้ แล้วจิ้มลงบนหน้าใดหน้าหนึ่งที่เปิดขึ้นมา คำคำนั้นจะเป็นลิขิตชีวิตในเวลานั้นๆ เรื่องอย่างนี้อาจจะไม่น่าเชื่อ แต่ดูเหมือนว่าเอรินจะมีศรัทธาอย่างแรงกล้าในหนังสือของพ่อ เพราะเมื่อเธอถูก ฌอน ชายคนรักนักประท้วงทิ้งไป เธอจิ้มได้คำว่า “ถูกทิ้ง”

ในขณะเดียวกัน เราจะได้เห็นชีวิตของอลัน ชายหนุ่มสมถะที่รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ กับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายในการทำงานเป็นคนดูแลสวนน้ำวันเดอร์แลนด์และเรียนหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเล แตกต่างกับเควิน น้องชายของเขาที่มักจะหมกมุ่นอยู่แต่กับชีวิตในแบบคนเมืองของตัวเอง

ด้วยความหวังดีของแม่เอริน ทำให้เส้นทางของทุกๆ คนได้มีโอกาสมาบรรจบกัน เมื่อเธอลงโฆษณาประกาศหาคู่ให้กับเอรินในหนังสือพิมพ์เฮรัลด์ เควินและเพื่อนๆ ในก๊วนต่างตกลงใจที่จะโทรไปเกี้ยวเอรินและพนันกันว่าถ้าใครได้จูบเธอก่อน คนนั้นจะได้เงินรางวัล 200 ดอลลาร์ อลันก็ได้รับการชักชวนเช่นกัน หากแต่ว่าเขาได้ร่วมสังฆกรรมด้วยไม่

เอรินได้พบและพูดคุยกับชายหนุ่มรุ่นเล็กรุ่นใหญ่มากหน้าหลายตา รวมทั้งเควินและเพื่อนๆ ทำให้เธอได้พบกับบทสนทนาอันหลากหลาย ทั้งจริงใจและหลอกลวง ทั้งคนโสดและคนที่แต่งงานแล้ว ทำให้เธอได้ค้นพบอะไรๆ มากมาย ในขณะที่เธอพูดคุยกับเควิน และเควินพูดถึงพี่ชายของเขา เอรินกลับให้ความสนใจ ขอให้เขาเล่าเรื่องของอลันมากกว่าที่จะคุยเรื่องส่วนตัวกันเสียอีก หนังจะให้ภาพของเอรินและอลันที่คลาดกันอยู่เสมอๆ ทำให้เราสงสัยว่าเขาทั้งสองอยู่ร่วมเมืองเดียวกันหรือเปล่า

เอรินมาจับไต๋ของเควินและก๊วนได้เมื่อพวกเขาพูดคำคมประโยคหนึ่งเหมือนกันนั่นก็คือ “ความสม่ำเสมอเป็นเรื่องคนโง่” เธอจึงจัดการแกล้งนัดพวกเขาให้มาเจอกันโดยบังเอิญ แล้วเธอก็นั่งหัวเราะอยู่ไกลๆ เมื่อเห็นทั้งสามคนนั้นทะเลาะกัน ซึ่งร้านอาหารที่เธอนัดพวกเขาให้มาเจอกันนั้น ก็เป็นร้านที่อัลนนั่งรอเพื่อนหญิงคนหนึ่งอยู่นั่นเอง ที่นั่น...เธอเห็นเขา แต่เขาไม่เห็นเธอ

เธอกลับมาจิ้มดูในหนังสือบทกวีเล่มนั้นอีกครั้ง คราวนี้เธอเจอคำว่า “อีกไม่นาน”

ดูเหมือนเธอจะเจอเข้าจริงๆ เมื่อรู้สึกถูกใจกับคนไข้ชาวบราซิลที่เธอคุยถูกคอ ประกอบกับเอรินเองก็รักดนตรีบอสซาโนวาเช่นเดียวกับเขา..อังเดร เขาขวนเธอกลับไปบราซิลด้วยกัน ทั้งยังซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวกันเตรียมเอาไว้ เอรินเกือบจะได้ตกล่องปล่องชิ้นกับอังเดร แต่เธอลองเลือกจิ้มหนังสือ Heart Needs Home อีกครั้ง ครั้งนี้เธอพบแต่คำว่า “เสื่อน้ำมัน”

เธอขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินในเช้าวันนั้น หากแต่การจราจรไม่อำนวย ทำให้เอรินตัดสินใจลงเดินเท้าไปต่อรถไฟ และในรถไฟที่แออัดยัดทะนานขบวนนั้น เธอเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดช่าง ปักหน้าเอาไว้ว่า “ร้านเสื่อน้ำมัน” เอรินในหนังไม่รู้ถึงความหมายของมันหรอก แต่เราที่เป็นคนดูเท่านั้นจึงจะเห็นว่า “อลัน” ยืนอยู่หลังหนุ่มร้านเสื่อน้ำมัน โชคชะตาได้บันดาลเธอมาถึงตรงนี้แล้ว
เมื่อความรักมันเดินทางมาหากันและกันอย่างนี้ มีหรือที่ใครสักคนจะไม่คว้าเอาไว้ คนที่มีคิดอะไรคล้ายๆ กัน มีชีวิตที่คล้ายๆ กัน ไม่ง่ายที่จะหากันจนเจอ คนหลายคนรอคอยวันที่จะเจอคนอย่างนี้ แต่น้อยคนนักที่จะได้ไว้ในครอบครอง

ในความหวามไหวของบอสซาโนวา

อัลบัมเพลงประกอบภาพยนตร์ Next Stop Wonderland นั้นมีอยู่ 2 ส่วนคือเพลงที่เขียนขึ้นมาใหม่เพื่อตัวหนังกับอีกส่วนคือเพลงที่มีอยู่แล้วและเลือกมาประกอบ ส่วนแรกนั้นบรรจงเขียนโดย คลอดิโอ รากาซซี ส่วนหลังดูแลการคัดเลือกโดย แบร์รี โคล ซึ่งเลือกเอาเพลงบอสซาที่มีชื่อเสียงเข้ามาไว้ได้อย่างครบครัน

แค่เพลงเปิดเรื่องก็เก๋ไก๋แล้ว ด้วยเพลง Batucada จากเลือดบอสซารุ่นกลางๆ อย่างเบเบล กิลแบร์โตและวินิซิอัส กันตูอาเรีย มีกลิ่นอายของจังหวะดนตรีอิเล็กโทรนิกเข้าไปเพิ่มสีสัน หรือจะเป็น Mas Qua Nada ซึ่งดั้งเดิมเลยจากวง Tamba Trio

Desafinado ฉบับดั้งเดิมที่เรียบเรียงโดยอันโตนิโอ คาร์ลอส โฌบิม โดยมีเครื่องสายวงออร์เคสตราเคล้าคลอกับเสียงเปียโนหวานๆ ปราศจากเสียงร้อง แฟนเพลงบอสซาบางคนอาจจะชอบเวอร์ชันที่เล่นโดยสแตน เก็ตซ์มากกว่า แต่เวอร์ชันของโฌบิมยังคงหวานและเด่นกว่าในด้านการอะเรนจ์เปียโน สร้างบรรยากาศที่เหมาะเหม็งกับ Next Stop Wonderland เป็นอย่างมาก ไม่แพ้กับเพลง Triste ที่ถูกถ่ายทอดโดย เอริส เรอจินา และที่จะขาดเสียมิได้คือเพลง Corcovado หรือ (Quiet Nights Of Quiet Stars) จากเสียงของตำนานแห่งบอสซาอย่างแอสทรูด กิลแบร์โต

อีกส่วนที่ถูกประพันธ์ขึ้นมาใหม่โดย คลอดิโอ รากาซซีก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์อ่อนละมุนได้ไม่แพ้เพลงต้นฉบับ โดยเฉพาะเพลง Crossed Paths ซึ่งเป็นเพลงธีมที่ใช้ใน Next Stop Wonderland หลายบทหลายตอน เสียงร้องแบบฮัมเพลงของอาร์โต ลินด์เซย์ช่วยเพิ่มให้ตัวเพลงมีความสดใสมากยิ่งขึ้น

The Therapists บอสซา อะเรนจ์เมนต์อีกเพลงที่ให้ความละมุนและโรแมนติกแบบแผ่วพลิ้ว คลับคล้ายกับยามที่คุณกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักเท่าใด แต่ดูเหมือนว่าดนตรีบอสซาโนวาก็ยังไม่มีวันเสื่อมมนต์ขลังไปจากนักฟังเพลงได้เลย

Next Stop Wonderland
Music From The Motion Picture
Original Score by Claudio Ragazzi
Directed by Brad Anderson

Tracklisting

1. Bebel Gilberto and Vinicius Cantauria / Batucada
2. Tamba Trio / Mas Que Nada
3. Astrud Gilberto / Stay
4. Original Score by Claudio Ragazzi with Arto Lindsay / Crossed Paths
5. Elis Regina / Triste
6. Marcos Valle / Os Grilos (Crickets Sing For Ana Maria)
7. Bebel Gilberto and Vinicius Cantauria / One Note Samba/The Girl From Ipanema
8. Original Score by Claudio Ragazzi with Arto Lindsay and Bebel Gilberto / The Therapist
9. Astrud Gilberto / Corcovado (Quiet Nights of Quiet Stars)
10. Josh Saentz and Sergio Brandao / The Suiters
11. Walter Wanderley / Baia
12. Original Score by Claudio Ragazzi / O Beijo (The Kiss)
13. Toots Thielemans and Elis Regina / Aquarela Do Brasil
14. Antonio Carlos Jobim / Desafinado
15. Original Score by Claudio Ragazzi with Arto Lindsay and Bebel Gilberto / The Finale
16. Coleman Hawkins / O Pato (The Duck)

Musicians

Alon Yavnai Piano
Claudio Ragazzi Guitar
Wesley Wirth Bass
Steve Langone Drums
Billy Novick Clarinet
Pemell Satumino, Joel Perpignon Percussions
Vocals Arto Lindsay, Bebel Gilberto

Create Date : 23 มีนาคม 2550

Last Update : 21 พฤษภาคม 2550 1:19:13 น.

4 comments

Counter : 1308 Pageviews.

โอ้ววววแม่เจ้า พี่สาวชั้นอัพบล็อก

อ่านแล้วอยากดูจังเนี่ยย เพิ้อจะหานังสือมาเป็นข้องอ้างอิงได้

คิดถึงเน้อ

โดย: ดาว..กลางวัน

วันที่: 23 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:38:26 น.

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆคับ ผมได้เอาไปทำงานพอดีเลย ขอบคุณคับ

โดย: กระต๊อป (katopfa

) วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:5:04:53 น.

สวัสดีมิตรรักชาวbloggang
หลังๆ blog ข้าน้อยค่อนข้างร้างทีเดียวเชียว
เนื่องจากไม่มีเวลาทักทายกับชาวblog ด้วยกันเหมือนก่อนเจ้าค่ะ
และตอนนี้ได้หน้าที่ใหม่เป็นพิธีกรรายการพากิน
จึงเรียนมา เพื่อให้เพื่อนๆเดือนทางเข้าไปดูพลัน
vodca in sukiflix

โดย: vodca

วันที่: 24 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:28:31 น.

เข้ามายืนยันด้วยว่าเพลงในแนวบอสซาโนว่าที่ได้เลือกมาประกอบภาพยนต์เรื่องนี้ไพเราะน่าฟังมากๆเลย ยิ่งได้ชมภาพยนต์ไปด้วยอย่าให้พูดต่อเลย...

ใครที่นิยมชมชอบเพลงในแนวนี้แต่ยังไม่เคยฟัง ให้ตามไปฟังในลิ้งค์นี้เลย bossa nova ทั้งนั้น เพลงจากภาพยนต์เรื่องนี้อยู่ในกระทู้ความคิดเห็นที่ 58

//topicstock.pantip.com/chalermkrung/topicstock/C3863469/C3863469.html

โดย: tanodom

วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:12:20:09 น.