Lets BOSSA! แซมบาฮาเฮ
บอสซาโนวาเป็นเสมือนดนตรีสามัญประจำบ้านของแฟนเพลงชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะสยามสแควร์ ไปสยามพารากอน ไปอนุสาวรีย์ ท่วงทำนองอย่างบอสซาโนวาหวานไหวก็มักจะล่องลอยตามเราไปเสมอๆ ไม่รู้เพราะอะไร แต่อย่างไรก็ตาม...ดูเหมือนว่าบรรยากาศที่อบอวลและอบอุ่นในช่วงนี้นั้น.... ดนตรีบอสซาโนวาจะเป็นงานที่เติมเต็มความหวานชื่นได้มากไม่ใช่น้อย ว่ากันว่าดนตรีบอสซาโนวานั้นถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อเดือนสิงหาคม 1958 เมื่อค่าย Odeon วางจำหน่ายผลงานซิงเกิลของจาว กิลแบร์โต ซึ่งมีเพลง Chega De Saudade (ร้องโดย ทอม โฌบิมและวินนีเชียส เดอ มอแรส์) และ Bim Bom ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็กลายเป็นเจ้าพ่อแห่งบอสซาโนวาไปโดยปริยาย โดยจาวเองก็เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของบอสซาไปด้วยลีลากีตาร์ของเขาจากสองเพลงในอัลบัม Cancao do Amor Demais ของเอลิซาเบ็ธ คาร์โดโซ ที่เอาเพลงของทอมและวินนีเชียสมาทำโดยเฉพาะ คอร์ดที่ใช้หลายๆ คอร์ดมีการดัดแปลงเพื่อให้เกิดเสียงเฉพาะอย่างทีต้องการ เลยดูเหมือนเป็นคอร์ดที่มีเสียงเพี้ยนโดยความตั้งใจของทอมและนิวตัน เมนโดซาอย่างที่ทำในเพลงอย่าง Desafinado อันเป็นการจงใจให้เข้ากับเสียงและวิธีการเล่นของชายหนุ่มจากฮัวเซโร นอกจากนี้แล้วอิทธิพลจากคีตกวีอิมเพรสชันนิสต์อย่าง เรเวลและเดอบุสซี, ความไม่พอใจที่ต้องถูกจำกัดวงอยู่แค่เพลงพื้นเมืองและได้ชัยชนะจากการรุกรานของวัฒนธรรมอเมริกันในยุคหลังสงครามโลกก็ยังไม่สามารถเข้าแทรกซึมให้มาเป็นเชื้อสายทางดนตรีแก่นักกีตาร์อัจฉริยะอย่าง กาโรโต, ลุยส์ บอนฟา, จาว โดนาโต โดยเฉพาะนักประพันธ์และนักเปียโนอย่าง จอห์นนี อาล์ฟ เครื่องหมายทางการค้าของบอสสซาอีกอย่างก็คงจะเป็นเพลง Copacabana ของดิก ฟาร์นีย์ (เพลงโดยจาว เดอบาร์โรและอัลแบร์โต ริเบโร) ที่ออกมาในปี 1946 เรียบเรียงโดยนักดนตรียุคโมเดิร์นอย่างเรเมเดส กัตตาลี แล้วก็ยังมีลูชิโอ อัลเวส (คู่แข่งของฟาร์นีย์) ที่ร้องกับกลุ่มนักร้องนาโมราดอส ดา ลัว ซึ่งลูชิโอนั้นถือเป็นหนึ่งในศิลปินหลายคนที่ได้ส่งผ่านอิทธิพลทางดนตรีให้กับศิลปินอเมริกันหลายรายที่เล่นในแนวทางนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการทดลองเปลี่ยนแปลงฮาร์โมนีไปบ้างก็ตาม ศิลปินนักแต่งเพลงอย่างดอรี เคมมีและติโต มาดีก็ได้ลองปรับเปลี่ยนโครงสร้างจังหวะเพลงของโพสต์-แซมบาด้วยเหมือนกัน สามหน่อบอสซาโนวาโดยหน่อแรก จาว กิลแบร์โตเป็นคนปรับรูปทรงบอสซาฯ โดยอยู่บนพื้นฐานความเข้มข้นทางดนตรีของหน่อที่สอง อันโตนีโญ คาร์ลอส โฌบิม และเนื้อร้องที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหวสวยงามอย่างกวีของหน่อที่สาม วินนีเชียส เดอ มอแรส์ ส่วนการทำงานกับบิลลี บลังโกนั้น... โฌบิมเขียนเพลงที่ถือเป็นหัวหอกบอสซาฯ อย่าง Sinfonia do Rio de Janeiro (เรียบเรียงโดยกัตตาลี) แซมบาท้าสวิง เมื่อบอสซาโนวาไต่ขึ้นอันดับที่หนึ่ง จังหวะแซมบาก็ดูเหมือนจะถูกเพิ่มเติมเข้ามาเพื่อบีตที่เร็วขึ้น ทดแทนบีตช้าเก่าๆ ของริโอในยุคต้นศตวรรษที่ 19 โดยมี เอลซา ซอเรส, มิลติญโญ, เอ็ด ลินคอล์น, ซิลวิโอ เซซาร์และจาว โรแบร์โต เคลลี เป็นศิลปินเด่นในช่วงนั้น กระนั้นแล้ว บอสซาฯ ก็เป็นจังหวะดนตรีของคนเมือง ที่เกิดขึ้นมาจากอพาร์ตเมนต์ของชนชั้นกลางถึงชั้นสูงในริโอ Nara Leao ได้สนับสนุนการพบปะสังสรรค์กันระหว่างนักเขียนรุ่นใหม่และนักดนตรีอย่าง คาร์ลอส ไลรา, โรแบร์โต เมเนสกาล, โรนัลโด บอสโคลี และเซอร์จิโอ ริคาร์โด กับคนอื่นๆ โดยโชว์ครั้งแรกเกิดขึ้นที่งานปาร์ตีของวิทยาลัย และนักดนตรีต่างก็เริ่มที่กระโจนเข้าร่วมกับกระแสที่ต้านทานไม่ไหวนี้ด้วย แรงสนับสนุนก่อให้เกิดศิลปินหน้าใหม่ๆ อย่าง Tamba Trio (ลุยส์ เอซา, เบเบโตและเฮลชิโอ มิลิโต), Bossa 3 (ลุยส์ คาร์ลอส วินญาส, ติโอ เน็ตโตและเอดิสัน มาชาโด), เปาโล โมรา, ราอูล เดอ โซซา, มิลตัน บานานา, เอ็ดสัน มาเชียล และนักแต่งเพลงผู้นำวงอย่าง เมาซีร์ ซานโตสและอูมีร์ เดโอดาโต ความสำเร็จในรั้ววิทยาลัยก็ยังไม่ถึงกับเป็นการรวมกำลังพลบอสซาฯ ให้เป็นหนึ่งเพื่อก้าวเดินร่วมกันอย่างเป็นจังหวะได้ แม้ว่าจะมีการเล่นโชว์เล็กๆ น้อยๆ ตามคลับในคอปาคาบานามากมายก็ตาม คลับเหล่านี้ก็ยังเป็นพยานในการเติบโตของศิลปินดังอย่าง เอลิส เรจินา, ฆอเฆ เบ็น (หรือที่มีชื่อเรียกง่ายๆ ว่า เบน จอร์) และวิลสัน ซิมอนัล แซมบาสาขาเซา เปาโล นักดนตรีหลายชีวิตจากริโอเริ่มที่จะหันหัวเข้าสู่เซา เปาโลเพื่อค้นหาหนทางใหม่ๆ แทบจะทำให้เซา เปาโลกลายเป็นแซมบาสาขาใหม่ต่อจากริโอไปเลยทีเดียว มีวงดนตรีหน้าใหม่เกิดขึ้นหลายวงที่นี่ อาทิ Zimbo Trio, Sampalanco (เซซาร์ คามาร์โก มาเรียโนและแอร์โต มอร์เรรา), Jongo, Bossa Jazz แล้วก็นักร้องหลายๆ คนอย่าง เมย์ซา หรือนักแต่งเพลงอย่าง เวรา บราซิล จากกระแสลัทธิสว่าด้วยความงามหลังสงครามโลกที่ได้แผ่นขยายออกไปส่งผลให้การเติบโตของบอสซาโนวาหยุดชะงักลงในช่วง 1958 และ 1965 สาเหตุมาจากเรื่องการเมืองล้วนๆ ซึ่งช่วงนั้นเป็นยุคของมาร์คอส วาลเล, ดอรี เคมมี, เอดู โลโบ, ฟรานซิส ไฮม์ และจอยซ์ การรวมกลุ่มกันของนักศึกษาช่วยกระตุ้นให้วัฒนธรรมแบบบราซิลขยายออกไปในวงกว้าง เป็นแรงบันดาลใจให้กับคาร์ลอส ไลราได้เขียนวิจารณ์ถึงตัวเองผ่าน Influencia do Jazz หรือ The Fluence of Jazz:Poor Samba of Mine/Getting Mingled/Getting Updated/Getting Lost ส่งผลให้เขาได้เข้ามาใกล้ชิดกับนักแต่งเพลงแซมบาจากฟาเวอลาส นอกจากนี้เขายังเขียนเพลงร่วมกับเซ เก็ตติ โดยใช้ชื่อว่า Samba da Legalidade วินนีเชียส เดอ มอแรส์กับมือกีตาร์ บาเดน พาวล์ยังได้เขียนเพลงออกมาเป็นซีรีส์อะโฟร-แซมบาอย่าง Berimbau และ Canto de Ossanha แล้ววินนีเชียสคนนี้ยังได้สร้างผลงานโดดเด่นขึ้นมาอีกในเพลง Garota de Ipanema หรือ The Girl From Ipanema ร่วมกับทอม โฌบิม บันทึกเสียงในปี 1963 โดยจาว กิลแบร์โต เล่นกีตาร์และร้องโดยแอสทรูด กิลแบร์โต ภรรยาของจาว สแตน เก็ตซ์บรรเลงเทนเนอร์แซ็กฯ ผลออกมาเป็นเพลงบอสซาฯ ที่ฟังได้เย็นใจมาจนถึงปัจจุบันนี้ และเพลงนี้เองที่เป็นเพลงที่ทำให้ดนตรีบอสซาฯ กระจายตัวอยู่ในใจของคนทั่วโลก ไม่เท่านั้น...เขายังได้เขียนเพลงร่วมกับเอดู โลโบ Arrastao ร้องโดย เอลิส เรจินาในปี 1965 เป็นเพลงบราซิลเลียนป็อปสุดฮิตเพลงแรกด้วย แต่ด้วยกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก... ดนตรี B Rock หรือบราซิลเลียนร็อกก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นคลื่นลูกใหม่ต่อจากบอสซาฯ หลังจากนั้นความงดงามที่ยั่งยืน การจบลงของบอสซาฯ ในตอนนั้นไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุด หากแต่มันยังคงเผยแผ่ตัวเองไปยังอเมริกา ผสมผสานเข้ากับอเมริกันแจ๊สอย่างกลมกลืน มีนักดนตรีบราซิลหลายคนที่ไปลงหลักปักฐานที่อเมริกา อย่างเช่น ออสการ์ คาสโตร-นีฟส์, เซอร์จิโอ เมนเดส, ลุย บอนฟาและอูมีร์ เดโอดาโต ส่วนเพลงบอสซาฯ เองก็เป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่นักร้องนักดนตรีแจ๊สมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไมล์ส เดวิส, เอลลา ฟิตซ์เจอรัลด์, ชาร์ลี เบิร์ด, ซาราห์ วอห์น, เฮอร์บี มานน์, ออสการ์ ปีเตอร์สัน, โคลแมน ฮอว์กกินส์, แคนนอนบอล แอดเดอร์ลีย์ และแจร์รี มัลลิแกน นอกจากนั้นบอสซาฯ ยังได้รับการนับถือในตัวมันเองจากศิลปินอย่างเช็ต เบเกอร์และนักแอคคอร์เดียน โจ มูนนีย์, แฟรงก์ สิเนตรา ซึ่งมารวมตัวกันทำอัลบัมบอสซาฯ กับทอม โฌบิมในปี 1967 แล้วยังมีการตั้งชื่อเพลงล้อเลียนอย่างจอวเอ็ดดี กูร์เมต์ในเพลง Blame It On The Bossanova หรือของ Ruby And The Romantics ในเพลง Our Day Will Come หรือแม้แต่ Bossa Nova Baby ของราชาร็อกแอนด์โรลอย่าง เอลวิส เพรสลีย์ สองทศวรรษหลังจากนั้น บอสซาโนวายังคงเป็นอิทธิพลหลักให้ศิลปินโพสต์พังค์อย่าง Style Council, แม็ต เบียงโกและ Everything But The Girl ความเคลื่อนไหวยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องภายใต้กระแสบีร็อก ภายหลังนั้น เอซิดแจ๊สและดรัมแอนด์เบสจึงได้ดูดซับเอาบอสซาฯ เข้าไปเป็นส่วนผสมในร่องเสียง ส่งผลให้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็ยังจะคงมีบอสซาโนวาต่อไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะล้มหายตายจากไปแต่อย่างใด
Create Date : 02 เมษายน 2549
Last Update : 2 เมษายน 2549 10:53:25 น.
20 comments
Counter : 1601 Pageviews.