PAT METHENY หลังจากที่ผมได้ฟังเขาเล่น ผมต้องยอมรับเลยว่า เขาเล่นดีมากๆ Gary Burton
Pat Metheny ถือเป็นคลื่นลูกยักษ์ของวงการกีตาร์แจ๊ซซ์ นับตั้งแต่ที่เขาได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักดนตรีที่ถือว่ามีวิสัยทัศน์มากที่สุดของ Gary Burton ซึ่งเป็นนักตีระนาดฝรั่ง (Vibraphonist)
ขณะที่ Wes Montgomery และ Jim Hall เป็นแรงบันดาลใจส่งเสริมเขา ให้เขาขัดเกลาส่วนหยาบกระด้าง , ท่อนที่ยังไม่ประสานกันดี , ส่วนริธึ่ม เซคชั่นที่นุ่มนวลและอารมณ์บลูส์ลึกๆ ในบทเพลง Texan ของนักอัลโตแซ็ก Ornette Coleman จากอัลบั้ม New York is Now ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้แพ็ทค้นหาทิศทางของตัวเอง การเล่นของเเพ็ททั้ง Acoustic guitar และ Guitar synthesizer รุ่มรวยไปด้วยแนวประสาน และจังหวะจะโคนที่มีเสน่ห์ บ่งบอกถึงความศรัทธาอย่างแรงกล้าในศิลปะสมัยใหม่
ในอัลบั้ม Zero Tolerance For Silence เขาร่วมงานกับ Joni Mitchell เพื่อทดลองสิ่งที่เขาอยากทำเกี่ยวกับกีตาร์ อัลบั้มนี้ถ้าใครไม่เข้าถึง ไม่มีความอดทนในการฟังหรือไม่รู้จักแพ็ทดีพอ คงส่ายหัวไปตามๆ กัน แพ็ทมักจะเปลี่ยนรสชาติให้หลากหลายในการทำงานเสมอ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังจะต้องกลับเข้าสู่ Modern Jazz ไม่ช้าก็เร็ว
อัลบั้มแนะนำของ Pat Metheny Song X (1985) Trio 99>00 (2000)
เพลงเด่นMissouri Uncompromised จากอัลบั้ม Bright Size Life
LENNY BREAU Lenny Breau ได้สร้างสรรค์คอนเซปต์ใหม่และทิศทางใหม่ๆ ให้กับการเล่นกีตาร์ไฟฟ้า Johnny Smith
ถึงแม้ว่า Lenny Breau จะมีรากมาจากดนตรีเเจ๊ซซ์ แต่นักกีตาร์เจ้าของกีตาร์ไฟฟ้า 7 สายคนนี้ก็ไม่ได้ด้นดนตรีสดด้วยสีสันของบลูส์มากนัก ด้วยการปรับปรุงการเล่นกีตาร์สไตล์นิ้วกับวิธีการเล่นอันไร้ขีดจำกัดที่ได้มาจากนักดนตรีหลากหลายแนวตั้งแต่ Andres Segovia นักกีตาร์คลาสสิคระดับครูจนถึง Merle Travis นักกีตาร์สไตล์คันทรี่ เลนนี่ก็ยังกลับสู่ความธรรมดาสามัญที่จะเล่นตามแบบแผนดนตรีแจ๊ซซ์กับ George Van Eps และ Johnny Smith สองนักดนตรีที่เป็นต้นตำรับของการประสาน , การเล่นนิ้วที่นอกเหนือจากการใช้แต่เทคนิค
เขาเปิดตัวในยุค 60s ด้วยสไตล์การเล่นดนตรีแนวผสมระหว่างเผ่าพันธุ์ประเภท Chet Atkins กับ Bill Evans เลนนี่คือ เจ้าของการเล่นเสียงคอร์ดที่คุณฟังดูแล้วเหมือนฟังคนเล่นคีย์บอร์ด , การเดินเบส , การประสานทำนองซ้อน อาจทำให้ไพล่ไปคิดถึง Stanley Jordan , Phil DeGruy และ Charlie Hunter แต่สิ่งที่เลนนี่เล่นออกมานั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาจะเดินเบส เล่นแนวทำนองและแนวคอร์ดแบบเฉพาะตัวด้วยท่วงทีแบบไม่มีใครกล้าแหยมเลยทีเดียว
ด้วยการเล่นที่มีแบบแผนเฉพาะตัว เวสจึงปรารถนาที่จะออกสู่ยุทธจักรและเข้าไปร่วมงานกับพี่น้องของเขา Monk กับ Buddy ที่ Indianapolis เวสทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำขณะที่ยังไม่ชื่อเสียง จนกระทั่งเทพผู้ประทานโชคพาให้ Cannonball Adderley นำเขาไปเซ็นสัญญากับค่าย Riverside งานวง Big Band ของเขาที่ทำกับ Creed Taylor ยอด Producer และ Don Sebesky นัก Arranger ทำให้เขากลายเป็นดาวรุ่ง แต่ก็แค่ช่วงเดียว เพราะในที่สุดโรคหัวใจวายก็พรากเขาไป
ไม่มีมือกีตาร์คนใดในหน้าประวัติศาสตร์แจ๊ซซ์ที่จะรักษาความระดับความไพเราะของท่อนรับท่อนส่งในบทเพลงได้เหมือนเวส จาก Pat Martino และ Pat Metheny สู่ Stevie Ray Vaughan และ Steve Vai จาก George Benson สู่ Jimi Hendrix และ Eric Johnson เวสยังคงมีอิทธิพลต่อนักดนตรีเหล่านี้ และจะยังคงมีอิทธิพลต่อนักดนตรีรุ่นอื่นอีกต่อๆ ไป
อัลบั้มแนะนำของ Freddie Green Count Basie / The Best of The Roulette Years (1992)
เพลงเด่น Topsy เล่นกับ Count Basie
JIM HALL Jim Hall เป็นคนดึงกีตาร์ไฟฟ้าเข้าสู่ยุคสมัยใหม่จริงๆ ลีลาของเขาโลดแล่นอยู่ระหว่างยุค 40s - 50s และขยายเข้าสู่แนวทำนองสมัยใหม่ ทุกวันนี้คงยากที่จะหามือกีตาร์คนไหนที่ไม่ได้รับอิทธิพลของจิม ฮอลล์ - Tony Purrone
Jim Hall จบการศึกษามาจาก Cleveland Institute แล้วย้ายมา Los Angeles เป็นที่ซึ่งเขาได้พบ สมาชิกหลักคนหนึ่งในวงดนตรีของ Chico Hamilton สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือเขาได้เข้าร่วมวงกับนักดนตรีชื่อดังมากมายอย่าง Paul Desmond , Bill Evans และ Sonny Rollins ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ต่อนักดนตรีรุ่นใหม่ๆ ที่นิยมในความสามารถของเขาที่จะเล่นออกมานอกเหนือขีดจำกัดของกีตาร์ รวมทั้งความสามารถที่จะเล่นคลอทำนองอันรื่นรมย์ไปกับนักเป่าเครื่องลมด้วย คีตปฏิภาณของจิม , รสนิยมในการสร้างทำนอง การควบคุมแนวประสานและการพัฒนาอย่างลื่นไหล ทำให้เขาเปรียบเสมือนแสงไฟส่องนำทางให้นักกีตาร์หัวใหม่รุ่นปัจจุบันอย่าง Pat Metheny และ John Abercrombie ไปจนถึง John Scofield และ Bill Frisell
อัลบั้มแนะนำของ Jim Hall Live At Town Hall (1990) Dialogues (1995) Textures (1996)
เพลงเด่น John S.
JOHNNY SMITH เท่าที่ผมติดตาม ผมยังไม่เห็นมีใครที่เล่นได้แจ๋วกว่า Johnny Smith เลยนะ คนอื่นอาจจะเล่นแตกต่างกันไป แต่ยังไม่มีใครดีกว่า จอห์นนี่เล่นให้ดูโอเวอร์ไปก็ได้ เพราะว่าเขาเป็นนักดนตรีประเภทไม่มีขีดจำกัดเลย แต่รสนิยมทางดนตรีของเขาทำให้ไม่ใช่คนที่จะมาโม้อะไรเรื่อยเปื่อย แต่สิ่งที่เขาทำออกมาแล้วก็คือ ดนตรีที่ฟังแล้วมีความสุข Barney Kessel
งานของ Johnny Smith ในยุคกลางทศวรรษที่ 60 กับค่าย Verve ได้รับการยกระดับขึ้น จอห์นนี่ได้มีชัยชนะเหนือเครื่องดนตรีแล้ว เขาเป็นคนที่ควบคุมสิ่งที่เขาเล่นอยู่นั้นได้และใช้ประโยชน์จากมันอย่างคุ้มค่า ทั้งการคุมโทนเสียงอันเฉียบขาด , ละเอียดหรือหวานนุ่ม
นักดนตรีระดับปรมาจารย์ในรุ่นของจอห์นนี่นั้นก็มีอย่าง Pat Martino , Jack Wilkins และ Larry Carlton ตัวเขาเองเลือกที่จะนำเสนอตัวเองในด้าน Yin คือการเป็นฝ่ายศาสตร์ ต่างกับ Wes Montgomery ซึ่งเป็นฝ่ายศิลป์ที่อยู่ในด้าน Yang บทเพลง Moonlight In Vermont เป็นบทเพลงที่แสดงถึงการพัฒนาครั้งสำคัญของเขาในการเล่นกีตาร์และเป็นแม่แบบให้กับนักกีตาร์ทุกๆ คน
แม้ในผลงานช่วงหลังๆ ของเขา ก็แทบยากที่จะเชื่อว่า จะมีใครสามารถประพันธ์แนวการเล่นทำนองและคอร์ดให้สอดรับกันได้ขนาดนี้ด้วยการใช้พิค ถ้าจับเพลงของเขาแยกแนวทำนองเครื่องดนตรีออกมาเป็นชิ้นๆ บางคนอาจจะเอาเข้าไปโยงกับนักกีตาร์สายคลาสสิคอย่าง John Williams และ Michael Lorimer
"I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs
หวัดดีนุ่น เพิ่งเจอบล็อคน่ะ เลยแวะมาทักทาย
ไปล่ะ.... อิอิ