ตะลุย 50 อัลบัมเพลงแจ๊สตามอำเภอใจ
ผ่านปีใหม่ไปจนค่อนปีแล้ว จะจั่วหัวว่าประจำปี 2550 ก็แลดูประหลาดไปหน่อย เหมือนล้าสมัยโดยไม่ตั้งใจ ก็เลยอยากจะขอพาคุณผู้อ่านพักจากมินิซีรีส์ (อย่างยาว) มือกีตาร์มาสู่มินิวิจารณ์ห้าสิบอัลบัมแบบรวดเดียวจบ อย่าอารัมภบทให้มากความ เริ่มต้นกันเลยดีกว่าไหม???
50. Kendra Shank A Spirit Free : Abbey Lincoln Songbook (Challenge) เคนดรา แชงก์สื่อสารบทเพลงของแอ็บบี ลินคอล์นออกมาได้อย่างครอบคลุม เสียงร้องของเธอส่งต่อเรื่องราวจากบทเพลงได้อย่างอบอุ่น สง่างาม และที่สำคัญคือ ทรงพลัง
49. Robin Eubanks & EB3 Live Vol. 1 (Kindred Rhythm) นักทรอมโบนโรบิน ยูแบงก์ส กับวงดนตรีสามชิ้นวงล่าสุดของเขา ได้สร้างสรรค์ภาพจินตนาการในขณะฟังอัลบัมนี้ว่าจะต้องมีนักดนตรีไม่น้อยกว่าสี่คนแน่นอน จนบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่า เฮ้ย ซาวด์มันเยอะจริงจริ๊ง
48. Phil Kelly & The SW Santa Ana Winds My Museum (Origin) เหมือนกับชื่อทางอุตุนิยมวิทยาที่พวกเขาใช้เป็นชื่อวง กลุ่มดนตรีกลุ่มนี้ก็ตามติดเป็นเงาให้กับวงบิ๊กแบนด์ของฟิล เคลลี นักดนตรีผู้มีรากฐานอยู่ซีแอตเติล มาสู่ลอส แอนเจลิส ซาวด์ของพวกเขาออกมารุ่มรวย ร่าเริง อบอุ่น ไม่ผิดไปจากบรรยากาศของเมืองแอลเอเลยจริงๆ
47. Four80East Enroute (Native Language) สงสัยจะไม่มีใครบอก โฟร์เอตตีอีสต์ ว่ามันหมดยุคดนตรีชิลในอเมริกาแล้ว แต่ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่ไม่มีใครบอก เพราะอัลบัมแรกที่พวกเขาออกมาในรอบสี่ปีนี้ ถือว่าเป็นงานเพลงบรรเลงที่เข้าขั้น State-of-the-Art อย่างสิ้นเชิง ดนตรีที่ปราดเปรื่อง สมัยใหม่ และก็มากไปด้วยสิ่งที่จะทำให้แฟนเพลงประทับใจจริงๆ
46. Double Image Live in Concert (Double image) ฝีมือการอิมโพรไวส์ที่ช่ำชองถึงการสื่อออกมาของอารมณ์อันอ่อนไหว ประกอบกับความหลากหลายอันสร้างสรรค์ในการเล่นเพอร์คัสชันของเดวิด ซามูเอลส์กับเดฟ ฟรีดแมนนั้น น่ารื่นรมย์ที่จะเสพฟัง ถ้าคุณต้องการงานแสดงสดสักชิ้นที่จะเก็บไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานฟังล่ะก็ อัลบัมนี้คือคำตอบ
45. Anat Cohen Noir (Anzic) จากอัลบัม Poetica ทุกสิ่งทุกอย่างในอัลบัม Noir ดีเริดกว่าทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการบันทึกเสียง, คุณภาพของนักดนตรีแบ็กอัพ และที่สำคัญที่สุด ฝีมือการนำวง การเรียบเรียงดนตรี การอำนวยวงที่เหนือชั้นของอะนัท โคห์น ส่วนที่ไม่น่าลืมไปได้คงจะเป็น โอเด็ด เลฟ อารี โค-โปรดิวเซอร์คนนี้อีกคน
44. Hiromi Ueharas Sonic Boom Time Control (Telarc) ฮิโรมิเคยบอกว่าอาหมัด จาห์มาล, คิง คริมสันและดรีม เธียเตอร์คือแรงบันดาลใจและอิทธิพลในการเล่นดนตรีของเธอ ก็ดูเหมือนว่าเธอจะพูดไม่ผิดจริงๆ เทคนิกการเล่นที่อุดมไปด้วยปรีดารมณ์อย่างเต็มเปี่ยม ท่วงทำนองประโลมเล้าอย่างร่าเริง เดินทางไปพร้อมๆ กันกับเสียงกีตาร์ฟิวชันจากสรวงสวรรค์ที่เล่นโดย เดวิด ฟิวซ์ ฟิอุกซินสกี
43. Kenny Davern/Ken Peplowski Dialogues (Arbors) นี่สิถึงจะเรียกว่า แจ๊ส นักดนตรีที่มีสัญชาตญาณในการประดิษฐ์คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มาร่วมงานกันโดยใช้บทสนทนาภาษาสวิงเป็นตัวสื่อสาร
42. The Nels Cline Singers Draw Breath (Crytogramophone) การทำงานของเขาให้กับวงวิลโค ในชุด Sky Blue Sky นั้น เนี้ยบจนถือเป็นการยกระดับให้กับประวัติการทำงานของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ขณะเดียวกัน วงดนตรีที่ไร้เสียงร้องของเนลส์วงนี้ ก็เดินตามแนวทางฟิวชัน, โพสต์บ็อป และโพสต์พังก์ ได้อย่างน่าชื่นชมเป็นผลลัพธ์
41. Mike Moreno Between The Lines (World Culture) หลังยุคเคิร์ต โรเซนวิงเคลและเบน มอนเดอร์ (มือกีตาร์แจ๊สรุ่นใหม่) แล้ว ไมก์ โมเรโนดูเหมือนจะเป็นปรากฏการณ์ล่าสุด หน้าใหม่ใสกิ๊กที่สุด รูปงามระหงที่สุดและไม่มีอัตตามากที่สุดในแจ๊สพิภพตอนนี้เลยก็ว่าได้
40. Abbey Lincoln Abbey Sings Abbey (Verve) ถึงแม้เสียงของแอ็บบีจะเป็นเหมือนชิ้นดนตรีที่เปราะบางที่สุดในสมัยนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงนั้นลุ่มลึก มีวิญญาณ และตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าใครก็ตามที่มองหาสิ่งตอกย้ำว่าเธอยังคงสถานะอันดับต้นของนักปราชญืแห่งกวีเพลงแจ๊สอยู่ล่ะก็ งานชุดนี้จะบอกได้ด้วยตัวของมันเองเป็นอย่างดี
39. Carla Bley The Lost Chords Find Paolo Fresu (Watt/ECM) จากการร่วมงานกันครั้งแรกด้วยประสบการณ์ระบดับเทพของทั้งสองคน คาร์ลาเป็นนักเปียโนมีชื่อที่เล่นเข้าขั้นเก๋า ดุดัน ส่วนเปาโล เฟรซู สื่อสารตัวโน้ตผ่านทรัมเป็ตในอารมณ์แบบโรแมนติก ไม่ใช่แค่นั้น อัลบัมชุดนี้ยังถือเป็นอัลบัมที่ดีที่สุดในรอบหลายๆ ปีของนักดนตรีทั้งสองอีกด้วย
38. Jeremy Pelt & Wired Shock Value:Live at Smoke (Maxjazz) การจับเอาดนตรีในช่วงยุคอิเล็กทริกของไมล์ส เดวิสมาทำใหม่ ถือเป็นสิ่งที่หัวหน้าวงรุ่นใหม่ๆ มักจะนิยมกันเป็นกระแส แต่จะว่าไปในปี 2550 ก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำออกมาได้ยั่วยวนและเศร้าโศกได้ดีไปกว่านักดนตรีหนุ่มมีดีที่ไม่โอ้อวดอย่างเจเรมีกับวงดนตรีไฟแรงแห่งนิวยอร์ก
37. Exploding Star Orchestra We Are All From Somewhere Else (Thrill Jockey) ร็อบ แมนเซอเร็ก นักประพันธ์เพลง นักคอร์เน็ตและผู้นำวง ได้ควบคุมวงดนตรีแจ๊สอลังการหัวก้าวหน้า และดึงเอาความสามารถที่มีอย่างไม่สิ้นสุดออกมาใช้ได้อย่างบรรลุผลอย่างสวยงาม
36. David Torn Prezens (ECM) กลับมาสู่อ้อมอกของค่ายอีซีเอ็มอีกครั้งหนึ่งกับมือกีตาร์ผู้ทำลายความเชื่อของปวงชน (ด้วยความช่วยเหลือแบบมืออาชีพของนักออร์แกน เคร็ก แท็บบอร์น) ได้ผสมผสานเอาความแกร่งในความเป็นนักดนตรีกับความระห่ำแบบอิเล็กโทรนิก ที่จะทำให้นักดนตรีสายอินดัสเทรียลอย่างเทรนต์ เรซเนอร์ (Nine Inch Nails) และเอเพ็กซ์ ทวินส์มีอะไรต้องขบเสียแล้ว
35. The Bad Plus Prog (Heads Up) ด้วยความไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมและความกดดันจากค่ายเมเจอร์ บวกกับความขัดแย้งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา เดอะ แบด พลัสก็ปล่อยอัลบัมที่สุดจะปราดเปรื่องด้วยการออกแบบปกแบบดั้งเดิม การจำแนกประเภทให้กับเดอะ แบด พลัสนี่เป็นเรื่องยากมาก แต่ด้วยความภูมิฐานของทางวงกับแฟนเพลงส่วนมากที่เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่น Prog ก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งทีเดียว
34. Floratone Floratone (Blue Note) ด้วยบรรยากาศที่ล่องลอย สุญญากาศในแบบของบิล ฟริเซล และเพื่อนๆ ของเขาที่มาร่วมวงฟลอราโทน อย่าง แม็ต แชมเบอร์เลน (กลอง), ทักเกอร์ มาร์ติน (โปรดิวเซอร์) และลี ทาวน์เชนด์ มือกีตาร์ที่มาช่วยออกแบบเสียงแบ็กกราวด์ที่ออกมาแล้วจะเป็นอะไรไม่ได้เลย นอกจาก ฟลอราโทน
33. Eddie Daniels Homecoming:Live at the Iridium (IPO) การเล่นที่หยาดเยิ้ม หยดย้อยของเอ็ดดี ซึ่งให้เสียงคลาริเน็ตที่หมดจดมากไปกว่าที่จะได้ยินจากที่ใด เรียกเอาความงดงามตะการตาที่สูญหายไปกลับคืนมา
32. Carol Slone Dearest Duke (Arbors) จะมีอะไรให้พูถึงกันอีกสำหรับแครอล สโลน นักร้องเสียงระฆังทองคนนี้? ไม่มี คือคำตอบ ยกเว้นแต่ความสามารถในการให้รูปทรงของบทเพลงมืดมนอนธกาล ที่มีเปียโนเล่นสนับสนุน กับเครื่องเป่าไม้และทองเหลืองซึ่งเพิ่มคุณค่าของผลงานได้อย่างไม่ยากเย็น
31. Robert Glasper In My Element (Blue Note) ความรื่นเริงถูกทำให้พลิ้วหวาน แต่เสียงร้องในแบบฉบับฮิปฮอป เจเนอเรชันยังคงอยู่ ด้วยการร่วมงานกันกับวิเชนเต อาร์เชอร์ (เบส) และเดเมียน เร็ด (กลอง) วงดนตรีสามชิ้นของโรเบิร์ตก็ยังเดินหน้ากลบดินฝังอาร์แอนด์บีแบบเก่าๆ ภายในกรอบของเปียโนแจ๊สหัวดื้อไม่โอลด์ สคูลนี่แหละ
30. Bill McHenry Roses (Sunnyside) ในการร่วมงานกันครั้งที่สองของนักแซ็กโซโฟนม้ามืด, มือกลองนามกระเดื่อง พอล โมเชียน ได้ปรับปรุงรูปร่างวงดนตรีของบิล แม็กเฮนรีให้กลายมาเป็นวงดนตรีสามชิ้นที่ยอดเยี่ยมของตัวเอง พร้อมด้วยเรด แอนเดอร์สัน ที่ให้นวลเสียงต่ำเคียงคู่กันไปด้วย
29. Jason Lindner Big Band Live at Jazz Gallery (Anzic) เจสันฝืนกฎของดนตรีบิ๊กแบนด์ด้วยการเล่นแบบเน้นผู้เล่น ไม่ได้เน้นที่การเรียบเรียงดนตรี ก็เป็นอะไรที่น่าเสียดาย เพราะว่าเป็นการสูญค่าของตัวบทเพลงไปอย่างน่าเสียดาย ด้วยว่ามันเป็นอะเรนจ์เมนต์เต็มวงสองเท่าของที่เราได้ยินจากแผ่นซีดีแผ่นนี้เสียอีก
28. The Stryker/Slagle Band Latest Outlook (Zoho) ถ้าอ่านแต่ชื่ออัลบัมอาจจะคิดไปอีกอย่าง แต่อัลบัมนี้อุดมไปด้วยเสน่ห์ในตัวของมันเอง และความมีชีวิตชีวาแบบที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาร์ลี พาร์เกอร์และชาร์ลส มิงกัส, เพื่อนเก่าอย่างนักเปียโนยุคหลัง จอห์น ฮิกส์และเพื่อนร่วมวงเก่าๆ ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
27. Chris Potter Song For Anyone (Sunnyside) นอกจากวงของชาร์ลี ฮาเดนแล้ว บางคนอาจจะได้ยินเสียงสะท้อนของวงห้าชิ้นแบบไมเคิล เบร็กเกอร์ หรือออร์เคสตราแบบมาเรีย ชไนเดอร์ หากแต่กับวงเอนเซมเบิลของคริส พ็อตเตอร์เองแล้ว เขามีนวลเสียงที่เป็นของตัวเองโดยไม่มีเสียงสะท้อนของใครอื่นใด
26. Pat Metheny/Brad Mehldau Quartet (Nonesuch) ในการร่วมงานแบบดูโอครั้งแรกที่ผ่านมา นักดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของดนตรีแจ๊สทั้งสองคนต่างก็ได้ตั้งเสาของตัวเองให้กลายมาเป็นจิม ฮอลและบิล เอแวนส์ในยุคนี้ได้อย่างไม่มีข้อกังขา ส่วนในวงเต็มรูปแบบวงนี้ พวกเขาได้ลงเสาของวงดนตรีโพสต์บ็อปในอุดมคติ
โอ้ย ยาวเหลือเกิน เอาไว้ต่ออันใหม่แล้วกัน
Create Date : 22 พฤษภาคม 2551 |
|
2 comments |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 16:50:03 น. |
Counter : 1110 Pageviews. |
|
|
|