มกราคม 2553

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
19 มกราคม 2553
All Blog
บทที่ 26 Charlottenburg
เมื่อวิทตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น น้องสาวของทอมเข้ามาบอกว่า "พี่ชายออกไปตั้งแต่ยังไม่สว่างและกว่าจะกลับก็คงดึกมาก ... วันนี้เธอมีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่า?"

"ตั้งใจว่าจะไปพิพิธภัณฑ์อียิปต์น่ะ"

"พิพิธภัณฑ์อียิปต์ไหน? ... Bode museum หรือ Charlottenburg?"

เช่นเดียวกับตัวเมืองและผู้คนชาวเบอร์ลินภายหลังสงครามโลก ... พิพิธภัณฑ์และสมบัติในนั้นก็ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยเช่นเดียวกัน ... ทำให้มีพิพิธภัณฑ์อย่างเดียวกันในเบอร์ลินตะวันตกและตะวันออกอย่างละแห่ง ...

"อ๋อ ที่จะไปคือ Charlottenburg" วิทตอบ ... พิพิธภัณฑ์อียิปต์แห่งนี้จะเน้นศิลปะสมัยอมาร์นา ในยุคราชวงศ์ที่ 18

"พี่ชายสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนว่าให้ช่วยพาเธอไปส่งในเมือง ... เดี่ยวพอเธอพร้อมแล้วเราำไปด้วยกันเลย"

"ไม่น่าต้องลำบากเธอเลย" เขานึกในใจว่าทอมทำยุ่งอีกแล้ว เป็นคนบังคับให้เขาเข้าไปเที่ยวคนเดียว แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปรบกวนน้องสาวให้มาช่วยอีก

"ไม่ลำบากหรอก ฉันต้องไปมหา'ลัยอยู่แล้ว"

********************************************************************************

น้องสาวทอมพาวิทนั่งรถประจำทางมาส่งในเบอร์ลิน ไม่ไกลจากตรงนั้นมองเห็นวังใหญ่โตทาสีเหลืองอ่อน ที่มีโดมหลังคาตรงกลางสีเขียวซึ่งมียอดประดับด้วยรูปปั้นสีทอง

"ตรงนั้นคือ Schloss Charlottenburg ... ส่วนพิพิธภัณฑ์อียิปต์ก็อยู่ติดกันนั่นแหละ" น้องสาวทอมบอก "เธอไปเองได้นะ"

"ได้แน่นอน ... ขอบคุณมากนะ"

"งั้นฉันขอตัวไปมหา'ลัยก่อนนะ ... เที่ยวให้สนุกล่ะ"

********************************************************************************

เมื่อวิทมาถึงพิพิธภัณฑ์อียิปต์ก็สังเกตว่าวันนี้ดูเงียบๆเหมือนไม่มีคนเข้ามาชมซักเท่าไหร่ ... ระหว่างทางที่เขาเดินดูศิลปะวัตถุต่างๆที่จัดแสดงในตู้กระจกติดผนังก็ไม่เจอใครทั้งนั้น ... วิทเดิมชมรูปปั้น ภาพสลักต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนเข้าไปถึงห้องๆหนึ่งซึ่งมืดกว่าที่ผ่านมา และจู่ๆ รปภ ร่างใหญ่ก็ปรากฏกายขึ้นเหมือนมีใครเสกขึ้นมาจากความว่างเปล่า ... รปภ คนดังกล่าวเดินไปมาอย่างช้าๆในระยะห่างๆ แต่ระแวดระวังอยู่ในที่เผื่อว่าจะมีใครมาขโมยสมบัติล้ำค่่าในห้องนี้ ... ห้องแห่งนี้มีวัตถุจัดแสดงเพียงชิ้นเดียวตรงกลางห้อง ซึ่งล้อมรอบด้วยกระจกทั้ง 4 ด้านและมีการจัดแต่งแสงไฟที่ฉายไปที่วัตถุนั้น จนดูเหมือนลอยเด่นอยู่ในความมืด ... วิทรู้จักวัตถุชิ้นนี้เป็นอย่างดี และไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้มาเห็นของจริงที่นี่ในวันนี้ ...

วิทปราดเข้าไปที่กระจกกลางห้อง อุทานออกมาเบาๆว่า "ของจริงหรือนี่!!!" ... สิ่งดังกล่าวคือรูปสลักพระเศียรของราชินีเนฟอร์ติติทำจากหินปูนฉาบด้วยพลาสเตอร์ทาสีสวยงามจนแทบจะเหมือนคนจริงๆ ทั้งๆที่งานศิลปะชิ้นนี้มีอายุกว่า 3,000 ปีแล้ว ...



รปภ คนดังกล่าวโฉบเข้ามาใกล้กว่าเิดิม ... แต่เมื่อเห็นว่าวิทไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการพยายามถ่ายรูปรูปสลักจากมุมต่างๆรอบๆตู้กระจกนั้น ก็เดินคุมเชิงอยู่ห่างๆเหมือนเดิม ...

********************************************************************************

วิทออกมาจากพิพิธภัณฑ์อียิปต์ด้วยจิตใจที่เบิกบานอย่างที่สุด ... เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ารูปสลักนี้ัตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ และสาเหตุที่เขาเลือกที่จะมาที่นี่ก็เพราะมีความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ที่ 18 เท่านั้น การได้มาดูรูปสลักที่มีชื่อเสียงระดับโลกแบบไม่ได้คาดฝันแบบนี้ช่างคุ้มค่าจริงๆ ... ตรงทางออกมีร้านขายของที่ระลึกเล็กๆตั้งอยู่ มีพนักงานนั่งเฝ้าร้านอยู่สองคนท่าทางเบื่อๆเหมือนจะหลับเสียให้ไ้ด้เพราะไม่มีลูกค้าเลยในวันนี้ ... วิทมองดูของที่ระลึกในร้าน มีกระทั่งรูปสลักจำลองขนาดเท่าของจริง ราคาค่อนข้างแพง แต่แน่นอนว่าความสวยและความเหมือนนั้นห่างไกลจากของจริงมากๆ ...

วิทออกมาอยู่บนถนนของเบอร์ลินอีกครั้ง ตอนนั้นเป็นเวลาบ่ายแล้ว และเลยเวลาอาหารกลางวันมาพอสมควร ... วิทมองหาร้านที่พอจะฝากท้องได้ โดยที่ไม่ต้องลำบากมากนักกับการสั่งอาหารด้วยภาษามือกับคนท้องถิ่น ... ในที่สุดก็ได้ร้านแฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังจากสหรัฐฯมาช่วยชีวิตไว้ได้อีกมื้อหนึ่ง

********************************************************************************

วิทใช้เวลาบ่ายวันนั้นไปกับการเิดินเล่นในห้างสรรพสินค้าในเบอร์ลิน และนั่งรถประจำทางกลับบ้านก่อนฟ้าจะมืด ... เมื่อไขกุญแจเข้าไปในบ้านของทอม ปรากฏว่ายังไม่มีใครกลับมาเลย "ก็แบบนี้แหละที่บอกว่าจะโดนยกเค้าหมดบ้าน" เขานึกในใจ ...

อีกราวๆครึ่งชั่วโมงต่อมา คนที่ไขกุญแจเข้ามาในบ้านคนถัดไปคือพ่อของทอม ซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พอๆกับวิทที่พูดภาษาเยอรมันไม่ได้เช่นเดียวกัน ... เื่มื่อเห็นวิทนั่งอยู่ในห้องรับแขก พ่อของทอมที่เพิ่งเข้ามาก็ส่งภาษามือที่แปลความได้ว่า "คุณ-รอ[อยู่ที่นี่]-ผม-[จะ]ไป-ชี้ไปที่ขวดโค้กเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะ[ซื้อโค้กมาให้]" ว่าแล้วก็เตรียมออกไปข้างนอกอีกครั้ง

วิทเลยตอบไปเป็นภาษาอังกฤษทั้งๆที่รู้ว่าพ่อของทอมคงฟังไม่เข้าใจ "ผมไปด้วยครับ" แล้วเดินตามพ่อทอมออกไปด้วย ...

ตลอดทางที่ทั้งสองเดินไปซุปเปอร์มาร์เกตใกล้บ้านคนละฟากถนน ทั้งขาไปและขากลับไม่ได้มีการพูดจาอะไรกันเลย แต่ระหว่างที่อยู่ในร้านวิทก็ช่วยเข็นรถขนของในขณะที่พ่อของทอมคอยหยิบของต่างๆใส่รถ ... เมื่อกลับมาถึงบ้านอีกครั้ง พ่อของทอมเอาขวดโค้กที่ซื้อมาไปวางไว้นอกหน้าต่าง พร้อมกับส่งสัญญาณมือใ้ห้รอซักพักหนึ่ง ... และเนื่องจากอากาศภายนอกที่หนาวจัดจนอุณหภูมิติดลบ เื่มื่อเอาโค้กวางไว้ข้างนอกแค่ครึ่งชั่วโมง พอยกกลับเข้ามา น้ำข้างในก็เย็นจนแทบจะเป็นวุ้นแล้ว ...

********************************************************************************

อาหารเย็นมื้อนั้นดำิเนินไปอย่างเงียบเหงา ถึงแม้ว่าทุกคนจะอยู่ครบยกเว้นทอมเพียงคนเดียว ... แม้ว่าพ่อ แม่ และน้องสาวของทอมพยายามจะชวนคุยในระหว่างนั้น แต่ทุกคนก็คงรับรู้ว่าบรรยากาศค่อนข้างกร่อยจริงๆ ... หลังจากอาหารเย็น วิทจึงของตัวไปนั่งอ่านหนังสือในห้องนอนตามลำพัง ...

อีกครู่ใหญ่ต่อมา น้องสาวของทอมมาเคาะที่ห้อง แล้วบอกว่า "พี่ชายโทรมาเมื้อกี้บอกว่ากำลังรอเวลารถไฟออกอยู่ที่สถานี กว่าจะมาถึงนี่ก็คงอีกประมาณ 4 ชั่วโมง" วิทได้แต่พยักหน้ารับรู้ "อ้อ พี่ชายถามถึงเธอด้วยว่ากลับมาถึงเรียบร้อยดีไหม" ...

กลางดึกคืนนั้น วิทได้ยินเสียงคนพูดคุยกันข้างนอก ก็เลยรู้ได้ว่าทอมกลับมาแล้ว ... แต่ทอมคงจะเหนื่อยมากและอยากพักผ่อน วิทเลยตัดสินใจไม่ออกไปจากห้อง และขอเจอทอมพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน

สงวนลิขสิทธิ์รูปภาพและบทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 19 มกราคม 2553
Last Update : 20 มกราคม 2553 19:01:30 น.
Counter : 648 Pageviews.

1 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin