พฤศจิกายน 2552

1
2
3
4
5
7
8
9
11
12
13
14
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
บทที่ 20 วันคืนที่เหน็บหนาว (i)
ในที่สุดก็ถึงวันนั้น ... วันที่วิททั้งรอคอยและไม่อยากให้มาถึง ...

วิทออกจากหอพักตั้งแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถโคชในเมือง ทุกสิ่งทุกอย่างแทบไม่ต่างอะไรจากครั้งก่อนที่นั่งรถเข้าไปลอนดอน ... แต่ว่าคราวนี้เขาต้องเดินทางคนเดียว และมีทอมรอรับอยู่ที่ปลายทาง อีกประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป คนละฝั่งของทะเลเหนือ ...

วิทมาถึงสนามบินฮีทโธรว์ในเวลาเกือบบ่า่ยโมง ... สนามบินแห่งนี้เป็นแห่งเดียวกับที่เขาเิดินทางมาถึงประเทศนี้ครั้งแรก ... ในตอนนั้นทุกอย่างยังเป็นโลกใหม่ ที่ดูแปลกตาและสับสน ... แต่ในวันนี้ที่วิทมีความคุ้นเคยกับภาษา และการใช้ชีวิตในอังกฤษในระดับหนึ่ง สิ่งต่างๆรอบตัวจึงกลายเป็นความเคยชิน และสูญเีสียความแปลกใหม่ไปอย่างน่าเสียดาย ...

********************************************************************************

วิทมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินของสายการบินแห่งชาติ (บริเตน) ... ข้างนอกมองไม่เห็นอะไรนอกจากก้อนเมฆหนาเรียงกันเป็นแพที่อยู่ต่ำลงไป ... วิทนึุกย้อนไปถึงวันที่นั่งรถโคชมากับทอม ในระหว่างทางได้พูดคุยกันถึงวันนี้่ ... ในครั้งนั้นทอมจดที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของบ้านที่ Potsdam ให้ แต่ก็กำชับไว้ว่า

"ช่วงคริสต์มาสกับปีใหม่ ครอบครัวเราจะไปโปแลนด์กัน ... ถ้านายโทรมากลัวว่าจะไม่มีใครอยู่บ้าน ... แต่จริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นหรอก ไว้เจอกันวันที่นายบินมาก็แล้วกัน เราจะไปรอรับที่สนามบินเบอร์ิลินเอง" แต่ไม่วายต่อด้วยประโยคนี้ "แต่ถ้าไม่เจอเราที่สนามบิน ... นายก็ั่นั่งแท็กซี่มาตามที่อยู่นี้ก็แล้วกัน"

วิทเริ่มหน้าไม่ดีเมื่อได้ิยินประโยคหลัง

"ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่เผื่อไว้" ทอมอธิบาย "เราไปรับนายแน่นอน แต่เผื่อว่ามีอุบัติเหตุหรืออะไรที่ทำให้ไปถึงช้ามากๆ นายจะได้นั่งรถมาเองไงล่ะ"

"เราคงไม่กล้านั่งรถไปเองหรอก พูดภาษาเยอรมันก็ไม่ได้" วิทตอบไป "ถ้านายไม่มารับจริงๆก็จะนอนรอที่สนามบินนั่นแหละ จนเช้าก็จะซื้อตั๋วบินกลับมาเอง"

ทอมหัวเราะขำ คงจินตนาการเห็นภาพวิทนอนค้างคืนอยู่ที่เก้าี้อี้ผู้โดยสารในสนามบินเบอร์ลิน ... แต่กลับเปลี่ยนเป็นหน้าตึงทันทีีที่ได้ยินประโยคถัดไป

"นี่เป็นเบอร์โทรเราที่ห้อง" วิทพยายามพูดถึงโทรศัพท์เจ้ากรรมที่เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายทั้งหลายแบบไม่ใส่ใจ "ถ้านายมีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือจะยกเลิกก็โทรมาก็แล้วกัน"

"งั้นเราไม่โทรไปหรอก ... เจอกันที่สนามบินเบอร์ลินแน่นอน ... เราสัญญา"

********************************************************************************

"จะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ" เสียงแอร์โฮสเตสวัยกลางคนถามขึ้นเมื่อเข็นรถเครื่องดื่มมาถึงตรงที่เขานั่งอยู่ ... เครื่องบินเที่ยวนี้เป็นเที่ยวสั้นที่ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่า จึงเสริฟแต่เครื่องดื่มเท่านั้น

"ขอ 'วอลวิค' ก็แล้วกันครับ" วิทบอกยี่ห้อน้ำแร่จากฝรั่งเศส ที่ตั้งแต่ลองน้ำแร่มากหลากหลาย พบว่ายี่ห้อนี้อร่อยที่สุด

เมื่อวิทและผู้โดยสารที่นั่งข้างๆได้เครื่องดื่มเรียบร้่อย คุณป้าแอร์ฯก็เข็นรถผ่านไปบริการผู้โดยสารรายอื่นๆต่อไป ... สิ่งหนึ่งที่ีวิทรู้สึกได้ก็คือ แอร์ฯของสายการบินแห่งชาตินี้แม้จะเป็นป้า ไม่ไฮโซ แต่ก็บริการลูกค้าเท่าเทียมกัน ไม่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสองเหมือนสายการบินบางแห่ง ...

********************************************************************************

เมื่อวิทมาถึงสนามบินเบอร์ลิน ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทจนดูเหมือนกลางดึกทั้งๆที่ยังเป็นเวลาเย็น ทั้งนี้เพราะว่าเวลาที่เยอรมันนีเร็วกว่าที่อังกฤษ 1 ชั่วโมง และในฤดูหนาวฟ้าก็มืดเร็วเป็นปกติอยู่แล้ว ... เมื่อวิทเดินออกมา หลังจากที่ผ่านเจ้าหน้าที่ศุลกากรไปแล้ว ก็เห็นทอมยืนรออยู่ตรงแถวทางออกนั่นเอง ทอมใส่เสื้อกันหนาวตัวใหญ่แถมมีผ้าพันคออีกต่างหาก แต่งตัวเต็มยศเหมือนจะไปเล่นสกี ... ทอมเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับจับมือทักทาย แต่วิทก็รู้จักทอมดีพอที่จะรู้สึักได้ว่ามีความลังเล ไม่แน่ใจ และไม่รู้จะวางตัวอย่างไรอยู่ด้วย

"สวัสดีคุณวิท ... ยินดีต้อนรับสู่เบอร์ลิน" ทั้งน้ำเสียงและคำพูดดูเป็นทางการ ไม่เหมือนทอมคนเก่าที่ขี้เล่นเป็นกันเอง

"สวัสดีคุณทอม ... ขอบคุณมากที่มาัรับ" วิทตอบกลับไปแบบเดียวกัน

"นายมีเสื้อกันหนาวมาอีกหรือเปล่า" ทอมสงสัยเมื่อเห็นวิทใส่แค่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อแขนยาวที่เหมาะสำหรับฤดูใบไม้ร่วงไม่ใช่ฤดูหนาว

"อยู่ในกระเป๋าเดินทาง มีผ้าพันคอกับถุงมือด้วย ... ที่นี่หนาวขนาดไหนกันเชียว"

"-12 องศา" ทอมตอบ

"อะไรนะ 12 องศาเหรอ ... อุ่นกว่าที่อังกฤษอีกแฮะ" เมื่อตอนวิทขึ้นเครื่องจากลอนดอน อุณหภูมิที่นั่นในวันนี้ราวๆ 4 องศา

"-12" ทอมย้ำ "ข้างนอกหนาวมากๆนะ" ส่วนวิทได้แต่อึ้ง อากาศที่อังกฤษตอนที่ใกล้ๆศูนย์องศานี่ก็หนาวจนหน้าแสบ หูชาไปหมด ... แต่ที่นี่อุณหภูมิติดลบ "เอาเสื้อโค้ทออกมาใส่เถอะ ผ้าพันคอกับถุงมือด้วย"

********************************************************************************

เมื่อวิทแต่งตัวเรียบร้อยแล้วทอมจึงพาออกมานอกสนามบิน ... วิทเพิ่งเข้าใจในนาทีนี้เองว่าอุำณหภูมิติดลบที่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งมันหนาวขนาดไหน

"นี่เราจะไปกันยังไง" วิทถามขึ้น

"รถประจำทางไง เราซื้อตั๋วมาให้แล้ว" ...

********************************************************************************

ตลอดทางที่นั่งมาในรถทอมกับวิทแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย ... วิทรู้สึกประหม่าที่จะไปพักกับครอบครัวของทอมในครั้งนี้ และอยากให้เวลาที่นั่งในรถนี้ยาวไปจนไม่รู้จบ ...

พักหนึ่งทอมก็บอกให้วิทเตรียมตัวลงจากรถ และในที่สุดทั้งสองก็มายืนที่ป้ายจอดรถแห่งหนึ่ง ซึ่งอีกฟากถนนเป็นลานที่มีหิมะปกคลุมที่ปกติคงเป็นสนามหญ้า และลึกเข้าไปมีอาคารหน้าตาเหมือนแฟลตหลายหลังเรียงรายกันอยู่ ... ทอมพาวิทเดินข้ามถนน แล้วเดินไปตามทางเดินแคบที่ตัดผ่านทุ่งหิมะ มุ่งหน้าไปยังหนึ่งในอาคารที่อยู่ตรงหน้า ...

ทอมก็เิดินนำเข้าไปในอาคาร พาขึ้นบันได แล้วไปหยุดที่หน้าประตูบานหนึ่ง พร้อมกับหยิบกุญแจออกมา ... แต่ก่อนที่จะไขกุญแจเข้าไป ทอมหันมาทางวิทแล้วบอกว่า

"Are you ready ... to face the enemy?" "นายพร้อมรึยัง ... ที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู"

ซึ่งเป็นประโยคจากหนังเืรื่อง "Four weddings and a funeral" แต่ในเวลานั้นวิทขำไม่ออกจริงๆ

สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 20:28:43 น.
Counter : 370 Pageviews.

1 comments
  

โดย: หนึ่งลมหายใจ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:29:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin