All Blog
|
บทที่ 71 Chaperone?! ฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาสเวียนกลับมาอีกครั้ง ... ในขณะที่นักศึกษาชาวอังกฤษและยุโรปเตรียมตัวกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลร่วมกับครอบครัว และคนวัยทำงานหลายคนก็ถือโอกาสช่วงวันหยุดยาวนี้ไปพักผ่อนต่างประเทศ แต่สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ไม่ได้กลับบ้านหรือวางแผนไปเที่ยวนั้น เทศกาลนี้เป็นช่วงที่เงียบเหงาและน่าเบื่อที่สุดในรอบปี ... เวลาผ่านไปเกือบ 4 เดือน นับตั้งแต่เจฟบอกลาวิทที่สถานีรถไฟเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อต้นเดือนกันยายน ... วิทรู้สึกว่าในช่วงนี้มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ถึงแม้ว่าวันเวลาจะดูเหมือนเคลื่อนไปอย่างช้าๆก็ตาม ... วิทค่อยๆห่างเหินจากการเข้าร่วมกิจกรรมของชมรม LGBT ในคืนวันพฤหัสฯ ทั้งนี้เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากงานวิจัยที่วุ่นวายและรัดตัว ประกอบกับความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ค้นพบสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงจากกิจกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาัยังคงปฏิบัิติอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาคือการไปพูดคุยกับนักจิตวิทยาทุกเย็นวันศุกร์ และสิ่งที่ได้รับคือการทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทำให้ความผิดหวังและเสียใจค่อยๆจางลงไปทีละน้อย ... ในวันศุกร์สุดท้ายก่อนที่ศูนย์ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาจะปิดทำการสำหรับช่วงวันหยุดยาวที่จะมาถึง ... ครั้งนั้นเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่ครั้งที่คุณแบรนดอน นักจิตวิทยา จะพูดอะไรยาวๆ แทนที่จะคอยถามคำถามหรือเสริมด้วยประโยคสั้นๆ และปล่อยให้วิทเป็นคนระบายเหมือนส่วนใหญ่ที่ผ่านมา "ผมจะบอกอะไรให้นะ ..." คุณแบรนดอนเริ่มขึ้น หลังจากที่พูดคุยกันมาได้พักใหญ่ "คนบางคนใช้หัวใจในการตัดสินเรื่องของความรัก ซึ่งเวลาผิดหวังก็จะเจ็บปวดมาก แต่เวลามีความสุขก็จะสุขมากเช่นกัน ... ส่วนคนอีกหลายคนเลือกที่จะใช้สมองกับเรื่องของความรัก คนพวกนี้จะไม่เจ็บปวดมากมายเมื่อความรักไม่สมหวัง แต่ความสุขที่ได้ก็ไม่เต็มที่เช่นเดียวกัน" คุณแบรนดอนหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า "ในขณะที่หลายคนที่เมื่อเจ็บปวดจากความรักแล้ว ก็เลือกที่จะเลิกใช้หัวใจและหันมาใช้สมองแทน" วิทนั่งฟังอยู่เงียบๆ พลางขบคิดคำพูดของนักจิตวิทยาอยู่ในใจ ... "แต่ในที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า 'คุณ' จะตัดสินใจเลือกแบบไหน" ความเงียบแทรกเข้ามาครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณแบรนดอนจะพูดต่อไปว่า "ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? คุณคิดว่ายังต้องการเข้ามาปรึกษาต่อไปอีกมั้ย?" "ผมว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกๆ" วิทตอบ แต่ประโยคหลังฟังดูแปลกๆ เขาจึงถามกลับไปว่า "ทำไมหรือครับ?" "ผมจะเกษียณในสิ้นปีนี้ ... ถ้าคุณยังต้องการคำปรึกษาอยู่ หลังวันหยุดยาว คุณก็ยังมาที่นี่ต่อได้ แต่คงต้องคุยกับนักจิตวิทยาคนอื่นแทน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร" "ผมคิดว่าคงไม่เป็นไรแล้วครับ" วิทตัดสินใจ "ผมก็เชื่อว่าคุณดีขึ้นกว่าหลายเดือนก่อนมากเลย ... ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็คงเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ขอให้คุณโชคดี" "ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง" ******************************************************************************** การปรากฏตัวของนายเฟรดเดอริค หนุ่มฝรั่งเศส ทำให้สถาบันวิจัยแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ... และไม่เพียงแต่วิทเท่านั้นที่รับรู้ถึงความมีเสน่ห์ของหนุ่มคนนี้ เพราะในเช้าวันหนึ่ง เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่นายคนนี้มาทำวิจัยที่นี่ เมื่อวิทเข้ามาถึงห้องแล็บ ก็พบกับมาเรียและเฟรดเดอริคกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับงานเลี้ยงวันเกิดของใครสักคนหนึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ทั้งสองคนได้รับเชิญไปร่วมงาน ... "เมื่อวานวันเกิดใครเหรอ?" วิทถามขึ้น "วันเกิดแอนดี้ ที่อยู่ชั้นสองน่ะ" มาเรียตอบ เ้จ้าของวันเกิดเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีแฟนเป็นผู้ชาย และทำงานอยู่คนละแผนกกับพวกเรา วิทไม่เคยคุยกับแอนดี้ แต่การที่เขาอยู่ที่นี่มานานกว่า 2 ปีก็ทำให้รู้จัำกชื่อและหน้าตาของแทบทุกคนในสถาบันแห่งนี้ "แล้วมีใครไปบ้างล่ะ?" "ก็มี ..." มาเรียพูดชื่อเพื่อนชาวสเปนของเธอ 2 คนที่ทำงานอยู่ห้องแล็บเดียวกับแอนดี้ "แล้วก็คนที่อยู่ชั้นสองอีก 3-4 คน ส่วนชั้นนี้ก็มีฉันกับเฟรดเดอริค ที่เหลือก็เป็นคนข้างนอก" วิทพอจะเข้าใจที่มาเรียได้รับเชิญไปงานนี้ เพราะมาเีรียมีเพื่อนทำงานอยู่ห้องเดียวกับแอนดี้จึงทำให้คุ้นเคยกันอยู่บ้าง ... เขาพยายามนึกว่าเฟรดเดอริคกับแอนดี้สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่พบคำตอบแต่อย่างใด ******************************************************************************** "วิท คืนวันพรุ่งนี้ไปดูหนังกันมั้ย?" มาเรียถามขึ้นในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่วิทเพิ่งวางมือจากการทำแล็บ "หนังเรื่องอะไรเหรอ?" วิทสงสัย แม้ว่าเขากับมาเรียจะสนิทกันค่อนข้างมากและเคยไปเที่ยวด้วยกันก่อนหน้านี้ แต่ร้อยวันพันปีมาเรียก็ไม่เคยชวนเขาไปดูหนังหรือออกไปข้างนอกตอนค่ำแบบนี้มาก่อน และที่สำคัญคือเป็นกลางสัปดาห์ ซึ่งไม่ใช่คืนวันศุกร์หรือวันเสาร์ "'Lucie Aubrac' เป็นหนังดราม่าเกี่ยวกับสมัยสงครามโลกครั้งที่สองน่ะ" "ไม่เคยได้ยินแฮะ ... คงไม่ใช่หนังฮอลลีวูดละมั้ง" "ไม่ใช่หรอก ..." มาเรียนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆว่า "หนังฝรั่งเศสน่ะ" วิทเก็บความสงสัยไว้ในใจ พลางถามต่อด้วยเสียงเรียบเสมอกันว่า "แล้วมีใครไปบ้างล่ะ?" "เพื่อนคนสเปนของฉันไม่อยากดูเรื่องนี้ ... แต่ฉันว่าจะชวนเฟรดเดอริคอีกคน เค้าอาจจะอยากดูหนังฝรั่งเศส ... ตกลงว่าเธอจะไปหรือเปล่า" "ไปก็ได้ ... เธอลองชวนเฟรดเดอริคดูก็แล้วกัน" ******************************************************************************** โรงภาพยนตร์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งถ้ามองจากภายนอกจะเห็นผนังที่ก่อด้วยหินฟลินท์เสริมด้วยอิฐก้อนโต ทำให้ดูเผินๆเหมือนโบสถ์เก่าแก่มากกว่าสถานบันเทิง ในความเป็นจริงสถานที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านของขุนนางเมื่อหลายร้อยปีก่อน และเพิ่งมาดัดแปลงเป็นโรงภาพยนตร์ในศตวรรษที่ 20 นี่เอง ... ที่นี่เป็นโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมที่มีห้องฉายเพียงห้องเดียว และหนังที่ฉายส่วนใหญ่จะเป็นหนังอาร์ตหรืออินดี้ และหนังตามเทศกาลต่างๆ ... วิทคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะย้อนกลับไปในปีแรกที่เขามาอยู่ที่อังกฤษ เขากับทอมมาดูหนังที่โรงนี้ด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่ง ... ทั้งสามคนนัดเจอกันที่ห้องโถงของโรงหนัง ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก มีเพียงเคาน์เตอร์ขายตั๋ว เครื่องขายน้ำอัดลมอัตโนมัติ และถัดไปก็เป็นประตูทางเข้า ... ตั๋วหนังของโรงนี้ไม่ได้ระบุที่นั่ง และเนื่องจากมีผู้คนมาดูหนังเรื่องนี้ค่อนข้างบางตา ทั้งสามคนจึงเลือกที่นั่งบริเวณส่วนกลางของโรง โดยที่มาเรียนั่งริมด้านหนึ่ง เฟรเดอริคนั่งกลาง และวิทนั่งถัดไป ... หนังเรื่องนี้เป็นหนังฝรั่งเศส ที่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ ... วิทรู้สึกว่าเขาจะต้องใช้สมาธิมากเป็นพิเศษไปกับการดูำภาพและอ่านซับฯไปพร้อมๆกัน ซึ่งแตกต่างจากการดูหนังภาษาอังกฤษทั่วๆไป เขาแอบชำเลืองดูเฟรดเดอริคกับมาเรีย ก็เห็นทั้งสองคนนั่งจดจ่ออยู่กับจอเบื้องหน้า ... จนกระทั่งหนังจบและทั้งสามเดินออกมาจากโรงจึงได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรก ... "หนังดีเนาะ" มาเรียพูดขึ้น "ใช่ สนุกดี" เฟรดเดอริคตอบสั้นๆ "วิท เธอไม่ชอบเหรอ?" มาเรียถามต่อ "ก็ ... ต้องอ่านซับฯตลอดเวลา พร้อมกับดูภาพไปด้วย ก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย" วิทตอบไป "ทั้งเรื่องฟังออกอยู่แค่ประโยคเดียวคือ 'Je t'aime.' ... ไม่เหมือนพวกเธอสองคนที่ฟังภาษาฝรั่งเศสรู้เรื่อง" ทั้งสองคนหัวเราะเบาๆ ส่วนมาเรียพูดต่อว่า "งั้นคราวหน้ามาดูหนังรัสเซียกัน จะได้ไม่มีใครฟังรู้เรื่องเหมือนๆกัน ... ดีมั้ย" ******************************************************************************** คืนนั้นแม้จะเป็นต้นฤดูหนาว แต่อากาศก็ไม่หนาวมากเท่าไหร่ และเนื่องจากยังเป็นเวลาไม่ึดึกมากนัก และด้วยความบังเอิญที่ที่พักของทั้งสามคนอยู่บนถนนสายเดียวกัน ทุกคนจึงตัดสินใจเดินกลับมาด้วยกันแทนที่จะนั่งรถเมล์ ... เฟรดเดอริคพักอยู่บ้านหญิงสูงอายุคนหนึ่งที่แบ่งห้องให้นักศึกษาเช่า ซึ่งจะต้องเข้าไปในซอยย่อยจากถนนสายนั้นอีกที และอยู่ใกล้เมืองที่สุด ส่วนบ้านที่มาเรียเช่าอยู่กับเพื่อนชาวสเปนนั้นอยู่ถัดออกไปแต่อยู่ติดถนนใหญ่ และแฟลตของวิทอยู่ไกลที่สุด ซึ่งก็เป็นครึ่งทางระหว่างตัวเมืองและมหา'ลัยพอดี ... เมื่อทั้งสามเดินมาจนถึงซอยที่แยกเข้าไปยังบ้านของเฟรดเดอริค เขากลับบอกว่า "เดี๋ยวเดินไปส่งมาเรียก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมา" ทั้งสามจึงเดินต่อไป จนส่งมาเรียเข้าบ้านเรียบร้อย เฟรดเดอริคหันมาบอกวิทว่า "ราตรีสวัสดิ์ วิท ... เจอกันพรุ่งนี้ที่ออฟฟิสนะ" "ราตรีสวัสดิ์" วิทมองร่างของเฟรดเดอริคในเสื้อคลุมยาวสีดำที่ค่อยๆกลืนหายไปกับความมืดของราตรีกาล ก่อนจะออกเดินต่อไปยังที่พัก แต่มีคำถามหนึ่งที่ยังคาใจอยู่ในเวลานี้ก็คือ "ตกลงว่าคืนนี้เขาเป็นแชปเปอโรน [chaperone] ให้มาเรีย หรือมาเรียเป็นให้เขากันแน่?" สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร Yeah, TJ is right. Glad to see you're back again.
Thanks, โดย: K IP: 67.186.98.83 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:4:23:32 น.
|
Historicus
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] คุณพ่อลูกสอง (ตัว) Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin Friends Blog
Link |
Thanks,
TJ