กรกฏาคม 2553

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31
 
26 กรกฏาคม 2553
All Blog
บทที่ 71 Chaperone?!
ฤดูหนาวและเทศกาลคริสต์มาสเวียนกลับมาอีกครั้ง ... ในขณะที่นักศึกษาชาวอังกฤษและยุโรปเตรียมตัวกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลร่วมกับครอบครัว และคนวัยทำงานหลายคนก็ถือโอกาสช่วงวันหยุดยาวนี้ไปพักผ่อนต่างประเทศ แต่สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ไม่ได้กลับบ้านหรือวางแผนไปเที่ยวนั้น เทศกาลนี้เป็นช่วงที่เงียบเหงาและน่าเบื่อที่สุดในรอบปี ...

เวลาผ่านไปเกือบ 4 เดือน นับตั้งแต่เจฟบอกลาวิทที่สถานีรถไฟเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อต้นเดือนกันยายน ... วิทรู้สึกว่าในช่วงนี้มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ถึงแม้ว่าวันเวลาจะดูเหมือนเคลื่อนไปอย่างช้าๆก็ตาม ... วิทค่อยๆห่างเหินจากการเข้าร่วมกิจกรรมของชมรม LGBT ในคืนวันพฤหัสฯ ทั้งนี้เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากงานวิจัยที่วุ่นวายและรัดตัว ประกอบกับความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ค้นพบสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงจากกิจกรรมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาัยังคงปฏิบัิติอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาคือการไปพูดคุยกับนักจิตวิทยาทุกเย็นวันศุกร์ และสิ่งที่ได้รับคือการทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป และทำให้ความผิดหวังและเสียใจค่อยๆจางลงไปทีละน้อย ...

ในวันศุกร์สุดท้ายก่อนที่ศูนย์ให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาจะปิดทำการสำหรับช่วงวันหยุดยาวที่จะมาถึง ... ครั้งนั้นเป็นหนึ่งในจำนวนไม่กี่ครั้งที่คุณแบรนดอน นักจิตวิทยา จะพูดอะไรยาวๆ แทนที่จะคอยถามคำถามหรือเสริมด้วยประโยคสั้นๆ และปล่อยให้วิทเป็นคนระบายเหมือนส่วนใหญ่ที่ผ่านมา

"ผมจะบอกอะไรให้นะ ..." คุณแบรนดอนเริ่มขึ้น หลังจากที่พูดคุยกันมาได้พักใหญ่ "คนบางคนใช้หัวใจในการตัดสินเรื่องของความรัก ซึ่งเวลาผิดหวังก็จะเจ็บปวดมาก แต่เวลามีความสุขก็จะสุขมากเช่นกัน ... ส่วนคนอีกหลายคนเลือกที่จะใช้สมองกับเรื่องของความรัก คนพวกนี้จะไม่เจ็บปวดมากมายเมื่อความรักไม่สมหวัง แต่ความสุขที่ได้ก็ไม่เต็มที่เช่นเดียวกัน" คุณแบรนดอนหยุดไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า "ในขณะที่หลายคนที่เมื่อเจ็บปวดจากความรักแล้ว ก็เลือกที่จะเลิกใช้หัวใจและหันมาใช้สมองแทน"

วิทนั่งฟังอยู่เงียบๆ พลางขบคิดคำพูดของนักจิตวิทยาอยู่ในใจ ...

"แต่ในที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า 'คุณ' จะตัดสินใจเลือกแบบไหน"

ความเงียบแทรกเข้ามาครู่หนึ่ง ก่อนที่คุณแบรนดอนจะพูดต่อไปว่า "ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? คุณคิดว่ายังต้องการเข้ามาปรึกษาต่อไปอีกมั้ย?"

"ผมว่าตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนที่มาที่นี่ครั้งแรกๆ" วิทตอบ แต่ประโยคหลังฟังดูแปลกๆ เขาจึงถามกลับไปว่า "ทำไมหรือครับ?"

"ผมจะเกษียณในสิ้นปีนี้ ... ถ้าคุณยังต้องการคำปรึกษาอยู่ หลังวันหยุดยาว คุณก็ยังมาที่นี่ต่อได้ แต่คงต้องคุยกับนักจิตวิทยาคนอื่นแทน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร"

"ผมคิดว่าคงไม่เป็นไรแล้วครับ" วิทตัดสินใจ

"ผมก็เชื่อว่าคุณดีขึ้นกว่าหลายเดือนก่อนมากเลย ... ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็คงเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ขอให้คุณโชคดี"

"ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"

********************************************************************************

การปรากฏตัวของนายเฟรดเดอริค หนุ่มฝรั่งเศส ทำให้สถาบันวิจัยแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ... และไม่เพียงแต่วิทเท่านั้นที่รับรู้ถึงความมีเสน่ห์ของหนุ่มคนนี้ เพราะในเช้าวันหนึ่ง เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่นายคนนี้มาทำวิจัยที่นี่ เมื่อวิทเข้ามาถึงห้องแล็บ ก็พบกับมาเรียและเฟรดเดอริคกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับงานเลี้ยงวันเกิดของใครสักคนหนึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ทั้งสองคนได้รับเชิญไปร่วมงาน ...

"เมื่อวานวันเกิดใครเหรอ?" วิทถามขึ้น

"วันเกิดแอนดี้ ที่อยู่ชั้นสองน่ะ" มาเรียตอบ เ้จ้าของวันเกิดเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีแฟนเป็นผู้ชาย และทำงานอยู่คนละแผนกกับพวกเรา วิทไม่เคยคุยกับแอนดี้ แต่การที่เขาอยู่ที่นี่มานานกว่า 2 ปีก็ทำให้รู้จัำกชื่อและหน้าตาของแทบทุกคนในสถาบันแห่งนี้

"แล้วมีใครไปบ้างล่ะ?"

"ก็มี ..." มาเรียพูดชื่อเพื่อนชาวสเปนของเธอ 2 คนที่ทำงานอยู่ห้องแล็บเดียวกับแอนดี้ "แล้วก็คนที่อยู่ชั้นสองอีก 3-4 คน ส่วนชั้นนี้ก็มีฉันกับเฟรดเดอริค ที่เหลือก็เป็นคนข้างนอก"

วิทพอจะเข้าใจที่มาเรียได้รับเชิญไปงานนี้ เพราะมาเีรียมีเพื่อนทำงานอยู่ห้องเดียวกับแอนดี้จึงทำให้คุ้นเคยกันอยู่บ้าง ... เขาพยายามนึกว่าเฟรดเดอริคกับแอนดี้สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่พบคำตอบแต่อย่างใด

********************************************************************************

"วิท คืนวันพรุ่งนี้ไปดูหนังกันมั้ย?" มาเรียถามขึ้นในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่วิทเพิ่งวางมือจากการทำแล็บ

"หนังเรื่องอะไรเหรอ?" วิทสงสัย แม้ว่าเขากับมาเรียจะสนิทกันค่อนข้างมากและเคยไปเที่ยวด้วยกันก่อนหน้านี้ แต่ร้อยวันพันปีมาเรียก็ไม่เคยชวนเขาไปดูหนังหรือออกไปข้างนอกตอนค่ำแบบนี้มาก่อน และที่สำคัญคือเป็นกลางสัปดาห์ ซึ่งไม่ใช่คืนวันศุกร์หรือวันเสาร์

"'Lucie Aubrac' เป็นหนังดราม่าเกี่ยวกับสมัยสงครามโลกครั้งที่สองน่ะ"

"ไม่เคยได้ยินแฮะ ... คงไม่ใช่หนังฮอลลีวูดละมั้ง"

"ไม่ใช่หรอก ..." มาเรียนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆว่า "หนังฝรั่งเศสน่ะ"

วิทเก็บความสงสัยไว้ในใจ พลางถามต่อด้วยเสียงเรียบเสมอกันว่า "แล้วมีใครไปบ้างล่ะ?"

"เพื่อนคนสเปนของฉันไม่อยากดูเรื่องนี้ ... แต่ฉันว่าจะชวนเฟรดเดอริคอีกคน เค้าอาจจะอยากดูหนังฝรั่งเศส ... ตกลงว่าเธอจะไปหรือเปล่า"

"ไปก็ได้ ... เธอลองชวนเฟรดเดอริคดูก็แล้วกัน"

********************************************************************************

โรงภาพยนตร์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งถ้ามองจากภายนอกจะเห็นผนังที่ก่อด้วยหินฟลินท์เสริมด้วยอิฐก้อนโต ทำให้ดูเผินๆเหมือนโบสถ์เก่าแก่มากกว่าสถานบันเทิง ในความเป็นจริงสถานที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านของขุนนางเมื่อหลายร้อยปีก่อน และเพิ่งมาดัดแปลงเป็นโรงภาพยนตร์ในศตวรรษที่ 20 นี่เอง ... ที่นี่เป็นโรงภาพยนตร์ขนาดย่อมที่มีห้องฉายเพียงห้องเดียว และหนังที่ฉายส่วนใหญ่จะเป็นหนังอาร์ตหรืออินดี้ และหนังตามเทศกาลต่างๆ ...

วิทคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะย้อนกลับไปในปีแรกที่เขามาอยู่ที่อังกฤษ เขากับทอมมาดูหนังที่โรงนี้ด้วยกันหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่ง ...

ทั้งสามคนนัดเจอกันที่ห้องโถงของโรงหนัง ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก มีเพียงเคาน์เตอร์ขายตั๋ว เครื่องขายน้ำอัดลมอัตโนมัติ และถัดไปก็เป็นประตูทางเข้า ...

ตั๋วหนังของโรงนี้ไม่ได้ระบุที่นั่ง และเนื่องจากมีผู้คนมาดูหนังเรื่องนี้ค่อนข้างบางตา ทั้งสามคนจึงเลือกที่นั่งบริเวณส่วนกลางของโรง โดยที่มาเรียนั่งริมด้านหนึ่ง เฟรเดอริคนั่งกลาง และวิทนั่งถัดไป ...

หนังเรื่องนี้เป็นหนังฝรั่งเศส ที่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ ... วิทรู้สึกว่าเขาจะต้องใช้สมาธิมากเป็นพิเศษไปกับการดูำภาพและอ่านซับฯไปพร้อมๆกัน ซึ่งแตกต่างจากการดูหนังภาษาอังกฤษทั่วๆไป เขาแอบชำเลืองดูเฟรดเดอริคกับมาเรีย ก็เห็นทั้งสองคนนั่งจดจ่ออยู่กับจอเบื้องหน้า ... จนกระทั่งหนังจบและทั้งสามเดินออกมาจากโรงจึงได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรก ...

"หนังดีเนาะ" มาเรียพูดขึ้น

"ใช่ สนุกดี" เฟรดเดอริคตอบสั้นๆ

"วิท เธอไม่ชอบเหรอ?" มาเรียถามต่อ

"ก็ ... ต้องอ่านซับฯตลอดเวลา พร้อมกับดูภาพไปด้วย ก็เลยเหนื่อยนิดหน่อย" วิทตอบไป "ทั้งเรื่องฟังออกอยู่แค่ประโยคเดียวคือ 'Je t'aime.' ... ไม่เหมือนพวกเธอสองคนที่ฟังภาษาฝรั่งเศสรู้เรื่อง"

ทั้งสองคนหัวเราะเบาๆ ส่วนมาเรียพูดต่อว่า "งั้นคราวหน้ามาดูหนังรัสเซียกัน จะได้ไม่มีใครฟังรู้เรื่องเหมือนๆกัน ... ดีมั้ย"

********************************************************************************

คืนนั้นแม้จะเป็นต้นฤดูหนาว แต่อากาศก็ไม่หนาวมากเท่าไหร่ และเนื่องจากยังเป็นเวลาไม่ึดึกมากนัก และด้วยความบังเอิญที่ที่พักของทั้งสามคนอยู่บนถนนสายเดียวกัน ทุกคนจึงตัดสินใจเดินกลับมาด้วยกันแทนที่จะนั่งรถเมล์ ...

เฟรดเดอริคพักอยู่บ้านหญิงสูงอายุคนหนึ่งที่แบ่งห้องให้นักศึกษาเช่า ซึ่งจะต้องเข้าไปในซอยย่อยจากถนนสายนั้นอีกที และอยู่ใกล้เมืองที่สุด ส่วนบ้านที่มาเรียเช่าอยู่กับเพื่อนชาวสเปนนั้นอยู่ถัดออกไปแต่อยู่ติดถนนใหญ่ และแฟลตของวิทอยู่ไกลที่สุด ซึ่งก็เป็นครึ่งทางระหว่างตัวเมืองและมหา'ลัยพอดี ...

เมื่อทั้งสามเดินมาจนถึงซอยที่แยกเข้าไปยังบ้านของเฟรดเดอริค เขากลับบอกว่า "เดี๋ยวเดินไปส่งมาเรียก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมา"

ทั้งสามจึงเดินต่อไป จนส่งมาเรียเข้าบ้านเรียบร้อย เฟรดเดอริคหันมาบอกวิทว่า "ราตรีสวัสดิ์ วิท ... เจอกันพรุ่งนี้ที่ออฟฟิสนะ"

"ราตรีสวัสดิ์"

วิทมองร่างของเฟรดเดอริคในเสื้อคลุมยาวสีดำที่ค่อยๆกลืนหายไปกับความมืดของราตรีกาล ก่อนจะออกเดินต่อไปยังที่พัก แต่มีคำถามหนึ่งที่ยังคาใจอยู่ในเวลานี้ก็คือ "ตกลงว่าคืนนี้เขาเป็นแชปเปอโรน [chaperone] ให้มาเรีย หรือมาเรียเป็นให้เขากันแน่?"

สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 26 กรกฎาคม 2553
Last Update : 26 กรกฎาคม 2553 17:50:05 น.
Counter : 569 Pageviews.

2 comments
  
It has been so long since the last chapter. Well narrated!

Thanks,
TJ
โดย: TJ IP: 89.211.136.145 วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:56:54 น.
  
Yeah, TJ is right. Glad to see you're back again.
Thanks,
โดย: K IP: 67.186.98.83 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:4:23:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin