|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความหมายและพัฒนาการของเพลงไทยร่วมสมัยนอกกระแส (เพลงไทยอินดี้) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 - 2552 (ตอนที่ 1)
บทความชิ้นนี้เขียนขึ้นเพื่อประกอบการบรรยายในวิชาปรัชญาดนตรี ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ขณะนี้ยังเขียนไม่เสร็จทั้งหมด คาดว่าจะมีอีกสองส่วน โปรดรออ่านในเวลาต่อไป
หากลองเดินสำรวจไถ่ถามหนุ่มสาวที่กำลังจับจ่ายในย่านสยามสแควร์ถึงลักษณะเพลงที่ชื่นชอบ ว่าเป็นเพลงแนวไหน รับรองว่าจะต้องมีคำตอบ “เพลงแนวอินดี้” เป็นอันดับต้น ๆ ของผลคำตอบแน่ เมื่อลองสอบถามต่อไปว่า แล้วเพลงอินดี้นี้มันเป็นอย่างไร พอสรุปหรือนิยามสั้น ๆ ได้ไหม คำตอบที่ได้ก็จะออกมาในทำนองว่า “เป็นเพลงที่เพราะ มีทำนองต่างจากเพลงแกรมมี่ อาร์เอส อย่างพวก อีทีซี เบเกอรี่ สมอลล์รูม อะไรพวกนี้ ที่สำคัญคือมีชั้นเชิงกว่าเพลงค่ายใหญ่เยอะ”
ผมตั้งคำถามกลับว่าในค่ายอย่างสมอลล์รูมเองก็มีดนตรีหลากหลายแนว ตั้งแต่ป๊อป แดนซ์ ไปจนถึงร๊อค สรุปแล้วเพลงแนวไหนกันแน่ที่เป็นเพลงอินดี้
ในความเป็นจริงนั้น ความหมายของดนตรีอินดี้ มิได้ติดอยู่กับตัวเนื้อหาของมัน แต่อย่างใด จากรากศัพท์นั้น คำว่าอินดี้ (Indie) มาจากคำว่า Independence อันแปลว่า เป็นอิสระ เมื่อเป็น indie music แล้ว ก็คือเป็นดนตรีที่เป็นอิสระ ซึ่งก็นำมาสู่คำถามว่า เป็นอิสระต่ออะไร?
คำตอบคือ เป็นอิสระต่อการคิดและการผลิตผลงานเพลงออกมาตามที่ใจตนปรารถนา ซึ่งการทำงานในลักษณะค่ายเพลงนั้นมักจะเอาธุรกิจนำหน้า ศิลปะตามหลัง อิสระในการสร้างสรรค์ย่อมถูกลิดรอนออกไปหากว่าเพลงนั้นมันไม่สามารถขายได้ ซึ่งศิลปินหลายคนเลือกที่จะทำเพลงตามที่ตนอยาก มากกว่า ทำเพลงตามใบสั่งออเดอร์
ในวงการดนตรีจะมีดนตรีกระแสหลักที่ ได้รับความนิยมจากประชาชนส่วนใหญ่อยู่ ดนตรีเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพลงป๊อปเสมอ อย่างในเมืองไทย ณ ขณะนี้ เพลงที่ได้รับความนิยมในวงกว้างที่สุดสำหรับวัยรุ่นไทยคือเพลงแนวป๊อปร๊อค (ดนตรีร๊อคที่มีท่วงทำนองติดหู) อย่างผลงานของบอดี้สแลม แคลช โซคูล ซิลลี ฟูลส์ ฯลฯ ผลงานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมจากวัยรุ่นทั่วประเทศ ความนิยมเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย หากย้อนกลับไปดูเมื่อสักสองปีก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่าเพลงป๊อปร๊อคโดนดนตรีแนวฮิปฮอปแซงขึ้นมาและหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนเพลงดิสโก้ในสมัยยุคทศวรรษที่ 80’s ดังนั้นแม้ว่าเพลงแนวป๊อปจะมีอยู่จริง แต่เพลงที่ได้รับความนิยมจริง ๆ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาต่างกันไป มีรุ่งและเสื่อมเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ จะมีเพลงเพียงแค่แนวดนตรีเดียวให้ได้ฟังเท่านั้น เพราะรสนิยมการฟังเพลงของคนเรานั้นต่างกันและมักไม่ชอบอะไรซ้ำซาก จึงเกิดนักดนตรีกลุ่มอื่น ๆ ที่สนใจแนวเพลงต่างออกไปจากที่ได้รับความนิยมผลิตผลงานเพลงแนวอื่น ๆ ออกมาสู่ตลาดบ้าง ความนิยมของเพลงเหล่านี้อาจจะไม่สามารถเทียบเท่าสูสีกับดนตรีประชานิยมในห่วงเวลานั้นได้ แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ดนตรีที่ไม่ค่อยนิยมในวันนี้อาจจะค่อย ๆ น้ำซึมบ่อทรายกลายเป็นนิยมในอีกสามปีต่อมา ใครจะทราบได้
คงพอเห็นภาพที่มาคร่าว ๆ ของดนตรีอินดี้กันแล้ว คราวนี้ดูหลักการกันว่าเพลงอินดี้จริง ๆ นั้นเป็นเช่นไร
ประการแรกดนตรีอินดี้ นักดนตรี เป็นผู้คิด ทำ และจำหน่ายเองอย่างเป็นอิสระ อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรกว่าความอิสระเป็น keyword สำคัญของอินดี้ ดังนั้นนักดนตรีจึงต้องมีอิสระที่จะคิด ที่จะทำผลงานออกมายังไงก็ได้ โดยไม่มีใครมาควบคุม รวมถึงปัจจัยเรื่องเงินทุนด้วย อย่างไรก็ดี ก็ยังมีการโต้เถียงในหมู่นักดนตรีว่า หลาย ๆ ค่ายเพลง โดยเฉพาะค่ายใหญ่ ก็อนุญาตให้ศิลปินทำงานอย่างเป็นอิสระ เต็มที่กับทุกสิ่งที่คิด แล้วยังใช้ปัจจัยนี้กำหนดได้หรือ?
แนวคิดหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดที่เป็นพรมแดนในการกำหนดความเป็นอินดี้หรือไม่อินดี้คือ ส่วนการจัดจำหน่าย (Distribution) เพราะการจัดจำหน่ายถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญของความเป็นอิสระของงาน หากผู้ผลิตเข้าสู่ระบบการตลาดโดยผ่านสังกัด ซึ่งต้องคำนึงถึงหลัก Demand Supply ย่อมทำให้ผลงานเหล่านั้นไม่มีอิสระอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น ตามหลักของการทำงานแบบอินดี้ที่เป็นลักษณะ “ทำเอง ขายเอง” นั้น โดยมากจะวางขายเฉพาะในเขตพื้นที่ที่ตนสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง เช่น ศิลปินในกรุงเทพฯ อาจจะฝากขายที่ร้านน้องท่าพระจันทร์ หรือ ดีเจสยาม การฝากขายในต่างจังหวัดเป็นเรื่องที่ยากพอดู เพราะไม่รู้ว่าร้านไหนเป็นอย่างไรบ้าง แถมเวลาจะเช็คยอดเพื่อเอาเงินทีก็ลำบาก เพราะโดยมากเรื่องแบบนี้จะเช็คด้วยตนเองกันเพื่อความมั่นใจ
ความสำคัญของการจัดจำหน่ายคือหากไปได้ทั่วถึงเพียงไรโอกาสในการเป็นที่รู้จักย่อมมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะในยุคที่เทปคลาสเซทท์ยังรุ่งเรืองนั้น ผู้คนนิยมซื้อเทปมาฟังและให้โอกาสศิลปินจากหน้าปกจำนวนมากเนื่องด้วยราคาถูก อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ยอดขายผลงานของศิลปินหนึ่ง ๆ ลดลงอย่างมากสืบเนื่องจากคนฟังหันไปใช้ช่องทางการโหลดจากเวบไซต์และบิททอร์เรนท์ (ซึ่งผิดลิขสิทธิ์) รวมถึงการขายเพลงทางอินเตอร์เนทอย่างถูกกฎหมายอย่างเช่นในเวบ Coolvoice.com หรือขายผ่าน Itunes Store (ค่ายเพลงไทยที่มีขายแล้วคือค่ายแพนด้าเรคอร์ดส์) ศิลปินก็สามารถขายงานได้ทั่วโลกไม่ต้องง้อการจัดจำหน่ายแบบเก่า ๆ ซึ่งเห็นภาพได้ชัดว่าการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิมในปัจจุบันไม่สามารถสะท้อนให้เห็นภาพได้ชัดเจนนักว่าศิลปินใดเป็นศิลปินแบบอินดี้หรือไม่อินดี้
การขายเพลงผ่าน itunes store ของค่าย Panda Records และ ใน Coolvoice.com
ถ้าเช่นนั้นเราใช้เกณฑ์อะไรที่บ่งบอกได้ชัดกว่า แนวคิดสำคัญในฐานะที่จะได้รับความนิยมหรือไม่นิยมคือความสัมพันธ์ระหว่างตัวศิลปินเองกับประชาชนที่มีลักษณะเป็น mass คือมีจำนวนเยอะ อาจจะมีจินตกรรมร่วมกันตามแบบที่เบเนดิค แอนเดอร์สัน ว่าไว้ แต่ที่แน่ ๆ คือพวกเขาไม่รู้จักกันแน่นอน ผ่านสื่อมวลชนที่มีลักษณะแบบ mass media คือเผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้างทั้ง ทีวี วิทยุ และทุกวันนี้คือสื่อใหม่อย่างอินเตอร์เนท
การทำงานของสื่อมวลชนผูกเข้ากับธุรกิจอยู่เสมอเพราะการทำงานนั้นหวังพึ่งรายได้จากค่าโฆษณาเป็นสำคัญ การเลือกเฟ้นบุคคลมาออกรายการย่อมต้องคำนึงว่าคนเหล่านั้นเหมาะสมกับกลุ่มคนดูรายการหรือไม่ เพราะถ้าคนดูชื่นชอบแขกรับเชิญ เรทติ้งก็เพิ่มขึ้น สปอนเซอร์ก็จะเพิ่มเป็นลำดับ ดังนั้น ไม่แปลกที่รายการส่วนใหญ่จะเลือกคนที่คนส่วนใหญ่ที่เป็น mass รู้จัก ซึ่งเหล่าบรรดาศิลปินนักร้องที่ mass รู้จักก็เกิดจากการปรากฎผ่านสื่อที่เป็นช่องทางหลักของค่ายเพลงนั้น ๆ ก่อน เช่นแกรมมี่ก็จะมีรายการวิทยุและรายการทีวีในเครือของตัวเอง ศิลปินของค่ายก็จะได้ออกเริ่มจากจุดนั้น ก่อนจะขยายไปยังคลื่นหรือรายการวิทยุ รายการทีวีอื่น ๆ ซึ่งในจุดนี้ศิลปินอินดี้ไม่มีอำนาจของสื่อในมือ จะมีก็เพียงรายการวิทยุเพียงไม่กี่แห่ง (อาทิเช่น แฟตเรดิโอ หรือรายการวิทยุออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น) ที่นำเสนอผลงาน การจะเริ่มทำความรู้จักศิลปินอินดี้นั้นในปัจจุบันจึงมักหันเหความนิยมมาสู่การรับข่าวทางอินเตอร์เนทแทน ซึ่งหากเทียบสัดส่วนผู้รับสารทั้งประเทศแล้ว ก็พบว่าสื่ออินเตอร์เนทนั้นยังน้อยกว่าทีวีหรือแม้แต่วิทยุอยู่หลายเท่าตัว
ดังนั้น ศิลปินอินดี้ต่าง ๆ จะไม่มีทางออกสื่อได้เท่ากับศิลปินในค่ายใหญ่ ๆ เป็นแน่ ย่อมทำให้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักเป็นธรรมดา หากสรุปง่าย ๆ ให้ดูเป็นหลักการแล้ว ประเด็นแรกที่ควรดูว่าใครอินดี้หรือไม่อินดี้ก็คือ 1. มีอิสระในการทำงานเต็มที่หรือไม่ 2. โอกาสในการปรากฎตัวผ่านสื่อมวลชนมีมากน้อยเพียงใด ถ้า ทำเอง ขายเอง และคนไม่ค่อยรู้จักเท่าใดนักนี่ก็แสดงว่ามีความเป็นอินดี้ทีเดียว
จากที่ว่ามาเบื้องต้นนี้ การเป็นศิลปินอินดี้ไม่ใช่เรื่องน่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย เพราะศิลปินเองต้องเป็นผู้รับความเสี่ยงในความคุ้มทุนเพราะค่าใช้จ่ายในการผลิตผลงานล้วนต้องเองทั้งสิ้นแถมยังต้องเหนื่อยกับการดูแลผลประโยชน์ตัวเองสารพัด
(ตอนสองจะตามในเร็ววันนี้)
Create Date : 21 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 21 ธันวาคม 2552 14:11:39 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1207 Pageviews. |
|
|
|
โดย: pick IP: 58.8.168.253 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:14:37:38 น. |
|
|
|
โดย: pick IP: 61.90.167.124 วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:14:49:42 น. |
|
|
|
โดย: pick IP: 61.90.167.124 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:11:22:25 น. |
|
|
|
โดย: ดอง IP: 10.100.1.34, 202.47.230.38 วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:11:49:47 น. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:11:54:16 น. |
|
|
|
โดย: นายหนึ่ง (dech_1 ) วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:20:49:11 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 25 ธันวาคม 2552 เวลา:10:04:56 น. |
|
|
|
โดย: Aesthete IP: 125.25.135.124 วันที่: 26 ธันวาคม 2552 เวลา:20:59:44 น. |
|
|
|
โดย: ปอมปอมเกิร์ล วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:51:48 น. |
|
|
|
|
|
|
I will see U in the next life.
|
|
|
|
|
|
จากนิยามในย่อหน้าสุดท้ายของดอง ถ้าความอิสระในการทำงาน และทำเองขายเอง ถูกใช้อธิบายงานชุด in rainbows ของ radiohead เราจะเรียกพวกเขาว่าอินดี้ได้หรือไม่
ซึ่งถ้าดูตามนิยามของดองก็ต้องบอกว่าเรดิโอเฮดไม่ใช่อินดี้ เพราะทำเองขายเอง แต่คนรู้จักกันกว้างขวาง
แล้ว ash เป็นอินดี้หรือเปล่า เพราะงานล่าสุดของวงคือการทำเพลงแล้วปล่อยให้แฟนๆ ได้โหลดกันเลย