ถ้ำเลเขากอบ สามารถเที่ยวได้ตลอดปี ยกเว้นในฤดูฝนบางช่วงที่มีปริมาณน้ำมาก เรืออาจเข้าไปไม่ได้ ค่าเรือพายราคาลำละ 300 บาท นั่งได้ 5 ท่าน สามารถติดต่อได้บริเวณปากทางเข้าด้านหน้าได้เลย
และอีกแห่งที่คณะของเราได้แวะศึกษา คือ
สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย)
สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย) ตั้งอยู่ที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้สนใจศึกษาธรรมชาติและพรรณไม้เดิมเป็นค่ายทหารมาก่อนซึ่งมีลักษณะเป็นป่าจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “สวนรุกขชาติทุ่งค่าย” จากนั้น นายชวน หลีกภัยนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นมีแนวคิดให้สวนแห่งนี้ได้รับมาตรฐานระดับประเทศในท้องที่ภาคใต้จึงได้มีการปรับปรุงสวนรุกขชาติทุ่งค่ายเดิมและเปลี่ยนเป็นสวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย) ในปี 2536 จนกระทั่งปัจจุบัน
สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย) มีสภาพภูมิประเทศของสวนพฤกษศาสตร์เป็นป่าดิบชื้นที่ลุ่มต่ำ มีเนื้อที่ประมาณ 2,600 ไร่ หรือ 4.16 ตารางกิโลเมตร แบ่งเนื้อที่ออกเป็นสัดส่วน เพื่อง่ายต่อการเดินทางรศึกษาประเภทต่างๆของพรรณไม้ให้เป็นที่เข้าใจมากยิ่งขึ้น ภายในสวนพฤกษศาตร์มีความร่มรื่นด้วยธรรมชาติของป่าไม้เป็นอย่างมาก มีการจัดสรรเป็นสวนต่างๆ ให้ได้เดินเที่ยวชมมากมาย ปัจจุบันมีพันธุ์ไม้มากกว่า 200 ชนิด ทั้งยังมีการปลูกพันธุ์ไม้ป่าจากแหล่งต่างๆ แยกเป็นหมวดหมู่หรือตามวงศ์ประกอบด้วย
1.สวนรวมพันธุ์ไม้แห่งความรัก 2.สวนพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน 3.สวนอนุกรมวิธาน(แหล่งรวมพันธุ์พืชถิ่นใต้) 4.สวนสัณฐานวิทยา (เรียนรู้ลักษณะต่างๆ ของพืช)5.สวนกล้วยไม้ 6.สวนพืชทนแล้ง (แหล่งรวมพืชที่ปรับได้) 7.สวนเฟิร์น 8.พืชกินแมลง(ซึ่งพบมากบริเวณรอบนอกพื้นที่ป่าพรุ) ตลอดจนวงศ์ยาง และวงศ์ปาล์ม ทั้งปาล์มเจ้าเมืองปาล์มหลังขาว ปาล์มพระราหู กระพ้อสี่สิบ และปาล์มช้างร้องไห้ เป็นต้น
จุดเด่นของสวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) คือ "เส้นทางสะพานศึกษาธรรมชาติเรือนยอดไม้"(Canopy Walkway) ซึ่งถือเป็นแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทยเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 มีความยาว 175 เมตรมีหอคอยเชื่อมต่อระหว่างสะพานแต่ละช่วง 7 หอจากชั้นต่ำที่สุดไปจนถึงชั้นสูงที่สุดรวม 3 ระดับ และมีความสูงตั้งแต่ 10-18 เมตร
เส้นทางนี้สามารถมองเห็นป่าได้ในอีกมุมมองหนึ่งคือ สังคมของพืชบริเวณเรือนยอดไม้ที่มีความสูงจากพื้นดินมากโดยสีสันของพืชเรือนยอดไม้จะมีความสวยงามเป็นพิเศษในช่วงหน้าแล้งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวยังจะได้ชมวิถีชีวิตของสัตว์ป่าเช่น นก กระรอก กระแต ฯลฯ
นอกจากจะมีเส้นทางสะพานศึกษาธรรมชาติเรือนยอดไม้แล้วก็ยังมีอีกหนึ่งเส้นทางที่จะพาไปศึกษาธรรมชาติกัน นั่นคือ “ทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าพรุ” ซึ่งเส้นทางการเดินป่าพรุนี้จะมีระยะทางประมาณ1,200เมตร เป็นเส้นทางเดินแบบสบายๆ ทางสวนพฤกษศาสตร์ทำทางเดินด้วยปูนให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติของป่าพรุซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นไม้ล่างที่เกิดขึ้นได้ดีในพื้นที่ลุ่มชุ่มน้ำตลอดทางเดินจะได้ศึกษากับพืชพรรณชนิดต่างๆ อาทิ ไผ่ หวาย ระกำหลุมพี(ลักษณะคล้ายระกำ ออกพลเป็นทะลาย) หม้อข้าวหม้อแกงลิง และถี่โถปีนังดอกไม้สวยๆ หลากหลายสายพันธุ์ เป็นต้น